Since the number of diabetic patien

Since the number of diabetic patients has been dramatic increasing in Thailand year by year, so the good medical care is needed for serving all patients’ requirement. In the present, the medical care for diabetic patients in Pua district still has many problems. Most patients could not meet the standard outcomes on controlling the plasma glucose. This problem has been found to relate on the obstacle of transportation to DM clinic in hospital and the confidence in the service of intermediate facilities. The aim of this research was to develop primary care for diabetic patient by Nurse Practitioner. The period of quasi-experimental research was started from 1st October 2010 to 30th September 2011. The study was focused
on the 418 patients that had well control of plasma glucose from 70 - 130 mg/dl and had level of HbA1C

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานได้อย่างมากเพิ่มขึ้นในประเทศไทยปี ดังนั้นการดูแลทางการแพทย์ที่ดีต้องให้บริการความต้องการของผู้ป่วยทั้งหมด ในปัจจุบัน การดูแลทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในอำเภอปัวยังมีปัญหาหลายอย่าง ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถตอบสนองผลมาตรฐานในการควบคุมระดับน้ำตาลในพลาสมา พบปัญหานี้การเชื่อมโยงบนอุปสรรคของขนส่ง DM คลินิกในโรงพยาบาลและความเชื่อมั่นในบริการของกลางสิ่งอำนวยความสะดวก จุดมุ่งหมายของการศึกษาคือการ พัฒนาดูแลหลักผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยผู้ประกอบการพยาบาล รอบระยะเวลาการวิจัยกึ่งทดลองเริ่มต้นจาก 1 2553 ตุลาคมถึง 30 2554 กันยายน การศึกษาที่เน้นในผู้ป่วยที่มีการควบคุมที่ดีของระดับน้ำตาลในพลาสมาจาก 70-130 mg/dl และมีระดับของ HbA1C 418 < 7% ผู้ป่วยถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ ผู้ป่วย 98 ที่ได้รับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่สองคือ ผู้ป่วยที่ได้รับบริการที่โรงพยาบาลปัวมกุฎ 320 ผลพบว่า ผู้ป่วย DM จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในพลาสมาที่ดีกว่าจากโรงพยาบาลปัวมกุฎ ระดับของ HbA1c < 7% ของผู้ป่วย DM จากหลักแพทย์และโรงพยาบาลปัวมกุฎถูก 72.55% และ 54.37% ตามลำดับ การดูแลพัฒนาสำหรับผู้ป่วยเบาหวานโดยผู้ประกอบการพยาบาลเบียดเบียน ได้พบให้เหมาะสำหรับใช้ในการทำสัญญาดูแลหน่วยปัว แนวคิดนี้เป็นการใส่ความพยายามมากขึ้น และต้องพัฒนาพร้อมสำหรับการรักษาเร่งด่วนในการสังเกต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เนื่องจากจำนวนของผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่ประเทศไทยโดยในปีดังนั้นการดูแลทางการแพทย์ที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการให้บริการความต้องการของผู้ป่วยทั้งหมด ในปัจจุบันการดูแลทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในเขตอำเภอปัวยังคงมีปัญหามากมาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจจะไม่ตรงกับผลการมาตรฐานในการควบคุมระดับน้ำตาลในพลาสมา ปัญหานี้ได้รับพบว่ามีความสัมพันธ์ในอุปสรรคของการขนส่งที่คลินิกเบาหวานในโรงพยาบาลและความเชื่อมั่นในการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกระดับกลางที่ จุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้คือการพัฒนาบริการปฐมภูมิโรคเบาหวานสำหรับผู้ป่วยโดยแพทย์พยาบาล ระยะเวลาของการวิจัยกึ่งทดลองที่ได้รับการเริ่มต้นจาก 1 ตุลาคม 2010 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2011
การศึกษาได้มุ่งเน้นใน418 ผู้ป่วยที่มีการควบคุมที่ดีของน้ำตาลในเลือด 70-130 มก. / ดลและมีระดับ HbA1C <7% ผู้ป่วยถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็น 98 ผู้ป่วยที่ได้รับบริการสุขภาพที่โรงพยาบาลส่งเสริมตำบล ข้อที่สองคือ 320 ผู้ป่วยที่ได้รับการบริการที่ปัว Crown Prince Hospital ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยเบาหวานจากสุขภาพตำบลโรงพยาบาลส่งเสริมสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าผู้ที่มาจากปัวมกุฎราชกุมารโรงพยาบาล ระดับ HbA1c <7% ของผู้ป่วยเบาหวานจากการดูแลทางการแพทย์ระดับประถมศึกษาและปัว Crown Prince Hospital เป็น 72.55% และ 54.37% ตามลำดับ สรุปได้ว่าการดูแลหลักในการพัฒนาโรคเบาหวานสำหรับผู้ป่วยโดยแพทย์พยาบาลได้พบว่ามีความเหมาะสมสำหรับการใช้ในการทำสัญญาปัวดูแลหน่วย แนวคิดนี้จะดีกว่าที่จะใช้ความพยายามมากขึ้นและต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กันสำหรับการติดตามอย่างรวดเร็วในการสังเกต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีประเทศไทยปี ดังนั้นการดูแลทางการแพทย์ที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้บริการความต้องการของผู้ป่วยทั้งหมด ใน ปัจจุบัน การดูแลทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยเบาหวานในอำเภอปัว ยังคงมีปัญหามากมาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่พบผลลัพธ์ที่ได้มาตรฐานการควบคุมพลาสมากลูโคสปัญหานี้ถูกพบว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งกีดขวางของการขนส่งในคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาล และความเชื่อมั่นในการให้บริการของเครื่องระดับกลาง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบริการปฐมภูมิ สําหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยแพทย์พยาบาล ระยะเวลาของการวิจัยเชิงทดลองคือเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ถึง 30 กันยายน 2554 โดยศึกษาเฉพาะ
ในผู้ป่วยที่ได้รับการควบคุมอย่างดีและพลาสมากลูโคสจาก 70 - 130 มก. / ดล. และระดับของผล < 7% ผู้ป่วยถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก คือ ผู้ป่วยที่ได้รับบริการที่ 98 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล . รองลงมาคือ 320 ผู้ป่วยที่ได้รับบริการที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว .ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ สามารถควบคุมระดับพลาสมากลูโคสที่ดีกว่า คน จากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว . ระดับของผล < 7 % ของผู้ป่วยเบาหวาน จากการรักษาพยาบาลปฐมภูมิ และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว เป็น 72.55 % และ 54.37 ตามลำดับ สรุปการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยเบาหวานโดยพยาบาลเวชปฏิบัติได้ เหมาะสำหรับใช้ในหน่วยดูแลผัวไปด้วย แนวคิดนี้เป็นดีกว่าที่จะพยายามมากขึ้น และต้องพัฒนาควบคู่กับการติดตามอย่างรวดเร็วในการสังเกต