From the perspective of the product

From the perspective of the production plant itself, increasing scale meant that the work process could be subdivided into an increasing number of work-stations, and the object of F.W. Taylor’s theories on work-organisation was to increase the efficiency of each of these work stations through “scientific management” procedures. This approach towards production organisation dominated from the 1890s until the late 1970s. It even infiltrated the thinking towards the first examples of electronicallyautomated production processes, where new automated machines were seen as “islands of automation”. But, increasingly, the approach towards intra-plant and interfirm production organisation shifted towards a more systemic focus. In the first place, the application of just-in-time principles to production flow made it obvious that striving towards “island-efficiency” often led to bottlenecks and systemic inefficiency (Box 1). This meant that sometimes it was important to tolerate “inefficiency” at a particular point in the production line to achieve plant-efficiency. For example, the objective of reducing inventories (which we now know is pivotal in achieving competitive production) means that individual workers should only continue working if the next stage in the production process required materials; if not, they should stop
and avoid “pushing” additional work-in-progress materials on to the next worker which would only lead to the build-up of work-in-progress. In the process, the individual worker might become less “productive”, but the whole system will be operating with lower inventories, greater responsiveness and higher levels of quality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จากมุมมองของโรงงานผลิตตัวเอง เพิ่มขนาดขึ้น สามารถปฐมภูมิกระบวนการทำงานเป็นการเพิ่มจำนวนสถานีงาน และวัตถุประสงค์ของทฤษฎี F.W. Taylor ในองค์กรทำงานได้เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละเหล่านี้สถานีงานผ่านขั้นตอน "การจัดการวิทยาศาสตร์" วิธีการนี้ต่อองค์กรผลิตครอบงำจากช่วงปี 1890 สื่อจนถึงปลายทศวรรษที่ 1970 มันได้ถูกแทรกซึมความคิดต่อตัวอย่างแรกของกระบวนการผลิต electronicallyautomated การที่ได้เห็นเครื่องใหม่อัตโนมัติเป็น "เกาะของระบบอัตโนมัติ" แต่ มากขึ้น วิธีต่อองค์กรผลิตภายในโรงงานและ interfirm เปลี่ยนสู่ความเป็นระบบมากขึ้น ในสถานที่แรก โปรแกรมประยุกต์หลักเพียงในเวลาขั้นตอนการผลิตทำให้มันชัดเจนที่มุ่งมั่นสู่ "เกาะประสิทธิภาพ" มักจะนำไปสู่ปัญหาคอขวดและระบบ inefficiency (1 กล่อง) นี้หมายถึง บางครั้งก็ต้องทน "inefficiency" ที่ระบุในสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพในโรงงาน ตัวอย่าง วัตถุประสงค์ของการลดสินค้าคงคลัง (ซึ่งตอนนี้เรารู้เป็นวัตถุในการบรรลุเป้าหมายการผลิตแข่งขัน) หมายความ ว่า แต่ละคนควรต่อไปเท่านั้นทำขั้นตอนถัดไปในกระบวนการผลิตต้องวัสดุ ถ้า ไม่ พวกเขาควรหยุดและหลีกเลี่ยงการ "ผลักดัน" เพิ่มเติมวัสดุงานระหว่างทำไปยังผู้ปฏิบัติงานต่อไปซึ่งจะเพียงทำให้เกิดงานระหว่างทำ ในกระบวนการ ผู้ปฏิบัติงานแต่ละรายอาจน้อย "ผลผลิต" แต่ทั้งระบบจะทำงานกับสินค้าคงคลังต่ำ ตอบสนองมากขึ้น และระดับสูงของคุณภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จากมุมมองของโรงงานผลิตของตัวเองหมายถึงระดับที่เพิ่มขึ้นว่ากระบวนการการทำงานอาจจะมีการแบ่งออกเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นของสถานีการทำงานและเป้าหมายของทฤษฎี FW เทย์เลอร์ในการทำงานขององค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละสถานีงานเหล่านี้ ผ่าน "การจัดการทางวิทยาศาสตร์" ขั้นตอน วิธีการนี้ต่อองค์กรการผลิตที่โดดเด่นจากยุค 1890 จนถึงปลายปี 1970 มันยังแทรกซึมเข้าไปอยู่ในความคิดที่มีต่อตัวอย่างแรกของกระบวนการผลิต electronicallyautomated ที่เครื่องอัตโนมัติใหม่ที่ถูกมองว่าเป็น "เกาะของระบบอัตโนมัติ" แต่เพิ่มมากขึ้นวิธีการต่อพืชภายในองค์กรและการผลิต interfirm ขยับไปโฟกัสเป็นระบบมากขึ้น ในครั้งแรกที่ประยุกต์ใช้หลักการเพียงในเวลาที่จะไหลของการผลิตทำให้มันเห็นได้ชัดว่ามุ่งมั่นที่มีต่อ "เกาะที่มีประสิทธิภาพ" มักจะนำให้เกิดคอขวดและขาดประสิทธิภาพระบบ (กล่อง 1) นั่นหมายความว่าบางครั้งมันเป็นเรื่องสำคัญที่จะทน "ไร้ประสิทธิภาพ" ณ จุดหนึ่งในสายการผลิตเพื่อให้บรรลุโรงงานที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่นวัตถุประสงค์ของการลดสินค้าคงเหลือ (ซึ่งตอนนี้เรารู้เป็นสำคัญในการบรรลุการผลิตการแข่งขัน) หมายถึงการที่คนงานควรดำเนินการต่อการทำงานถ้าขั้นตอนต่อไปในกระบวนการผลิตวัสดุที่จำเป็น; ถ้าไม่พวกเขาควรจะหยุด
และหลีกเลี่ยงการ "ผลักดัน" วัสดุการทำงานในความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคนงานต่อไปซึ่งจะนำไปสู่การสร้างขึ้นจากการทำงานในความคืบหน้า ในขั้นตอนการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลอาจจะกลายเป็นน้อย "ประสิทธิผล" แต่ทั้งระบบจะมีการดำเนินงานที่มีสินค้าคงเหลือลดลง, การตอบสนองมากขึ้นและระดับที่สูงขึ้นของที่มีคุณภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จากมุมมองของโรงงานผลิตเอง เพิ่มขนาด หมายถึง กระบวนการทำงานสามารถแบ่งออกเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นของงานสถานีและวัตถุของ f.w. เทย์เลอร์ทฤษฎีองค์กรทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละสถานีงานเหล่านี้ผ่าน " กระบวนการ " การจัดการทางวิทยาศาสตร์วิธีการนี้ต่อองค์กรการผลิตที่โดดเด่นจากยุค 1890 จนถึงปลายทศวรรษ แม้จะลอบคิดกับตัวอย่างแรกของ electronicallyautomated กระบวนการผลิตที่ใหม่แบบอัตโนมัติ เครื่องถูกมองว่า " เกาะของอัตโนมัติ " แต่ ยิ่งขึ้นวิธีการต่อพืชและการผลิตภายในองค์กรเน้นๆขยับสู่ระบบเพิ่มเติม ในสถานที่แรก , การประยุกต์ใช้ในเวลาเพียงแค่หลักการไหลการผลิตทำให้มันชัดเจนที่กระเสือกกระสนไปยัง " เกาะประสิทธิภาพ " มักจะนำไปสู่ปัญหาคอขวดประสิทธิภาพและระบบ ( ช่องที่ 1 )ซึ่งหมายความว่าบางครั้งมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทน " ประสิทธิภาพ " เป็นจุดที่เฉพาะเจาะจงในสายการผลิตเพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพพืช ตัวอย่างเช่น วัตถุประสงค์ของการลดสินค้าคงเหลือ ( ซึ่งตอนนี้เรารู้เป็นสำคัญ ในขบวนการผลิตแข่งขัน ) หมายความ ว่า แต่ละคนที่ควรจะทำงานถ้าขั้นตอนต่อไปในกระบวนการผลิตวัสดุที่ต้องการ แต่ถ้าไม่พวกเขาควรจะหยุด
และหลีกเลี่ยงการ " กด " เพิ่มงานในวัสดุก้าวหน้าต่อไป คนงาน ซึ่งจะนําไปสู่การสร้างความก้าวหน้าในงาน ในกระบวนการ แต่ละคนงานอาจจะน้อยลง " ประสิทธิผล " แต่ทั้งระบบจะปฏิบัติกับสินค้าคงคลังที่ลดลง การตอบสนองมากขึ้นและระดับที่สูงขึ้นของคุณภาพ