The concept of social need is inher

The concept of social need is inherent in the idea of social service.
The history of the social services is the story of the recognition of
needs and the organization of society to meet them. The Seebohm
Report (1) was deeply concerned with the concept of need, though
it never succeeded in defining it. It saw that ‘The Personal Social
Services are large scale experiments in ways of helping those in
need’.
Despite this interest it is often not clear in a particular situation
what is meant by social need. When a statement is made to the
effect that a person or group of persons are in need of a given
service, what is the quality that differentiates them – what definition
of social need is being used?

The concept of social need is of particular interest to economists.
They have a clearcut measure of ‘effective demand’: demand
is ‘effective’ when people are prepared to back it by pecuniary
allocation and ineffective or non-existent when they are not.
This measure will not do for the social services, because there
is normally no link between service and payment (though some
economists think there ought to be). If the social services are trying
to cope with need without limiting it by the ability to pay, how is
it actually assessed? In practice, four separate definitions are used by administrators
and research workers.

1. Normative Need
Normative need is that which the expert or professional,
administrator or social scientist defines as need in any given
situation. A ‘desirable’ standard is laid down and is compared with
the standard that actually exists – if an individual or group falls short
of the desirable standard then they are identified as being in need.
Thus the BMA’s nutritional standard is used as a normative measure
of the adequacy of a diet (2). The Incapacity Scale developed by
Townsend (3) and the measure of social isolation used by Tunstall
(4) are also examples of normative standards used as a basis of
need. A normative definition of need is in no sense absolute. It may
not correspond with need established by other definitions. It may
be tainted with a charge of paternalism-i.e. the use of middle-class
norms to assess need in a working-class context – though where the
aspirations are to middle-class standards this may be reasonable. A
further difficulty with the normative definition of need is that there
may well be different and possibly conflicting standards laid down
by different experts. The decision about what is desirable is not
made in a vacuum. As Walton (5) has pointed out, the statement ‘X
is in need’ is often taken as an empirical fact. This is not so. It is a
value-judgement entailing the following propositions: X is in a state
Y, Y is incompatible with the values held in society Z. Therefore Y
state should be changed. So the normative definition of need may

normative need is that which the expert or professional, administrator or social scientist defines as need in any given situation. a desirable standard is laid down and is compared with the standard that actually exists if an individual or group falls short of the desirable standard then they are identified as being in need. thus the BMA nutritional standard is usedas a normative measure of the adequacy of a diet. the incapacity scale developed by townsend and the measure of social isolation used by tunstall are also examples of normative standards used as a basis of need. a normative definition of need is in no sense absolute. it may not correspond with need established by other definition. a further difficulty with the normative definition of need is that there may well be different and possible conflicting standard laid down by difficulty expert . so the normative definition of need may be different according to the value orientation of the expert on his judgements about the amount of resources the should be devoted to meeting the need or whether or not the available skills can solve the problem. normative standards change in time both as a result of developments in knowlege and the changing values of society.

felt need is equate with want. when assessing need for a service the population is asked whether they feel they need it. in a democracy it could be imagined that felt need would be an important component of any definition of need but a felt need measure seems to only be used regularly in studies of the elderly and in community development . felt need is by itself an inadequate measure of real need. it is limited by the perceptions of the individual whether he they know there is a service available as well as a reluctance in many situations to confess a loss of independence .on the other hand it is thought to be inflated by those who ask for help without really needing it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนวคิดของสังคมจำเป็นต้องมีอยู่ในความคิดของการบริการสังคม ประวัติของการบริการสังคมเป็นเรื่องของการรับรู้ของ ความต้องการและองค์กรของสังคมจะพบพวกเขา การ Seebohm รายงาน (1) ลึกเกี่ยวข้องกับแนวคิดของความต้องการ แม้ว่า มันไม่เคยประสบความสำเร็จในการกำหนด มันเห็นที่ ' เดอะบุคคลสังคม มีการทดลองขนาดใหญ่วิธีการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ใน ต้อง 'แม้ มีความสนใจ ก็มักจะไม่ชัดเจนในสถานการณ์เฉพาะ หมายความว่าอะไรจำเป็นทางสังคม เมื่อทำคำให้การ ผลกระทบที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลมีความ need ของ การกำหนด บริการ คุณภาพที่แตกต่างให้นิยามว่าเป็น ของสังคมต้องใช้แนวคิดของสังคมต้องเป็นประโยชน์ต่อนักเศรษฐศาสตร์ มีการวัด clearcut 'มีประสิทธิภาพความต้องการ: ความต้องการ มี 'ประสิทธิภาพ' เมื่อท่านกำลังเตรียมการสำรอง โดยเงิน การปันส่วนและเมื่อไม่ได้ผล หรือแทบจะไม่ วัดนี้จะไม่ทำการบริการสังคม เนื่องจากมี เป็นปกติไม่มีลิงค์ระหว่างบริการและการชำระเงิน (แม้ว่าบาง นักเศรษฐศาสตร์คิดว่า ควรจะมี) ถ้าพยายามบริการสังคม เพื่อรับมือกับความต้องการโดยไม่จำกัดตามความสามารถในการชำระเงิน วิธีเป็น มันจริงประเมิน ในทางปฏิบัติ สี่แยกข้อกำหนดใช้ โดยผู้ดูแลระบบ และงานวิจัย1. ต้องการกฎเกณฑ์กฎเกณฑ์เป็นที่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพ ผู้ดูแลหรือนักวิทยาศาสตร์สังคมกำหนดตามต้องการในการกำหนด สถานการณ์ มาตรฐาน 'ต้อง' วางลง และเมื่อเทียบกับ มาตรฐานที่จริง แล้ว – ถ้ามีบุคคล หรือกลุ่มน้ำตกสั้น มาตรฐานเป็นที่ต้องการ แล้วระบุเป็นการจำเป็น ดังนั้น มาตรฐานทางโภชนาการของ BMA ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดที่กฎเกณฑ์ ความเพียงพอของอาหาร (2) ขนาด Incapacity ที่พัฒนาโดย เซนด์ (3) และวัดจากสังคมใช้ Tunstall (4) มีตัวอย่างของกฎเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้เป็นพื้นฐานของ ต้องการ ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ของจำเป็นในความรู้สึกไม่แน่นอน มันอาจ ไม่ตรงกับต้องจัดตั้งขึ้นตามข้อกำหนดอื่น ๆ มันอาจ สามารถแก้ไขค่าธรรมเนียม paternalism เช่นการใช้ชั้นกลาง บรรทัดฐานในการประเมินต้องในบริบทที่เป็นชนชั้นแรงงาน – ที่ว่าการ แรงบันดาลใจมีมาตรฐานชั้นกลางนี้อาจจะเหมาะสม A ปัญหาต่อไป มีการกำหนดกฎเกณฑ์ของความต้องมีที่ อาจด้วยมาตรฐานที่แตกต่าง และขัดแย้งกันอาจจะวางลง โดยผู้เชี่ยวชาญแตกต่างกัน ไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่พึงปรารถนา ทำในสุญญากาศ ตามที่ Walton (5) ได้ชี้ให้เห็น คำสั่ง ' X จะต้อง ' มักจะนำมาเป็นความจริงเชิงประจักษ์ ไม่เป็นดังนั้น มันเป็นการ ค่าตัดสินประการข้อเสนอต่อไปนี้: X อยู่ในสถานะ Y, Y ไม่เข้ากันกับค่าในสังคม Z ดังนั้น Y รัฐควรจะเปลี่ยน ดังนั้นอาจนิยามกฎเกณฑ์ของความต้องการ กฎเกณฑ์ต้องเป็นที่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ หรือมือ อาชีพ ผู้ดูแลหรือนักวิทยาศาสตร์สังคมกำหนดต้องว่าจะในสถานการณ์ใด ๆ มีมาตรฐานเป็นที่ต้องวางลง และเมื่อเทียบกับมาตรฐานที่จริง แล้วถ้าบุคคล หรือกลุ่มเด็ดขาดต้องมาตรฐาน แล้วจะระบุไว้เป็นการถูกต้อง ดังนั้น มาตรฐานทางโภชนาการกทม.เป็นใช้กฎเกณฑ์วัดความเพียงพอของอาหาร เครื่องชั่ง incapacity พัฒนา โดยเซนด์ และวัดใช้ โดย tunstall จากสังคมยังเป็นตัวอย่างของกฎเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้เป็นพื้นฐานของความต้องการ ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ของจำเป็นในความรู้สึกไม่แน่นอน มันอาจไม่ตรงกับต้องก่อตั้ง โดยนิยามอื่น ๆ ปัญหาต่อไป มีการกำหนดกฎเกณฑ์ของความต้องคือ ดีอาจมีแตกต่างกัน และขัดแย้งกันได้มาตรฐานที่วางไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญยาก ดังนั้นข้อกำหนดกฎเกณฑ์ของความต้องอาจจะแตกต่างกันตามแนวค่าของผู้เชี่ยวชาญในวิจารณญาณของเขาเกี่ยวกับจำนวนของทรัพยากรควรอุทิศให้การประชุมต้องมีทักษะหรือไม่สามารถแก้ปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์มาตรฐานในเวลาทั้งสองเป็นผลมาจากการพัฒนาความรู้และค่าการเปลี่ยนแปลงของสังคมสักหลาดต้องถือเอากับต้องได้ เมื่อประเมินความต้องการสำหรับการบริการ ประชากรถามว่า พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาต้องการ ในประชาธิปไตย ก็อาจจะคิดว่า ต้องสักหลาดจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของนิยามใด ๆ ของความต้องการแต่ต้องสักหลาด วัดดูเหมือนว่าจะเพียง ใช้เป็นประจำ ในผู้สูงอายุการศึกษา และพัฒนาชุมชน สักหลาดต้องได้ ด้วยตัวเองวัดไม่เพียงพอของความต้องการจริง มันถูกจำกัด โดยการรับรู้ของแต่ละบุคคลว่าเขาพวกเขารู้ว่า มีบริการเช่นเดียวกับการเลี้ยงในหลายสถานการณ์การสารภาพการสูญเสียเอกราชบนมืออื่น ๆ ที่มันคิดว่า จะเป็นลม โดยผู้ที่ขอความช่วยเหลือโดยไม่จำเป็นจริง ๆ มัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวคิดของความต้องการทางสังคมมีอยู่ในความคิดของการบริการทางสังคม.
ประวัติความเป็นมาของการบริการทางสังคมเป็นเรื่องของการรับรู้ของ
ความต้องการและองค์กรของสังคมที่จะตอบสนองพวกเขา Seebohm
รายงาน (1) เป็นห่วงอย่างมากกับแนวคิดของความจำเป็น แต่
มันไม่เคยประสบความสำเร็จในการกำหนดมัน มันเห็นว่า 'บุคคลสังคม
บริการที่ทดลองขนาดใหญ่ในรูปแบบของการช่วยให้ผู้ที่อยู่ใน
ความต้องการ.
แม้จะมีความสนใจเรื่องนี้ก็มักจะไม่ชัดเจนในสถานการณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สิ่งที่หมายโดยความต้องการทางสังคม เมื่อมีคำสั่งที่ทำกับ
ผลที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อยู่ในความต้องการของการได้รับการ
บริการเป็นสิ่งที่มีคุณภาพที่แตกต่างพวกเขา - สิ่งที่นิยาม
? ของความต้องการทางสังคมจะถูกใช้

แนวคิดของความจำเป็นในสังคมเป็นที่สนใจโดยเฉพาะ . นักเศรษฐศาสตร์
พวกเขามีมาตรการ clearcut ของความต้องการที่มีประสิทธิภาพ ': ความต้องการ
คือ' ประสิทธิภาพ 'เมื่อคนมีความพร้อมที่จะกลับโดยเงิน
จัดสรรและไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่มีอยู่เมื่อพวกเขาไม่ได้.
วัดนี้จะไม่ทำเพื่อบริการสังคมเพราะ มี
เป็นปกติการเชื่อมโยงระหว่างการให้บริการและไม่มีการชำระเงิน (แม้ว่าบาง
เศรษฐศาสตร์คิดว่าควรจะเป็น) หากการบริการทางสังคมมีความพยายามที่
จะรับมือกับความต้องการโดยไม่ จำกัด ได้โดยความสามารถในการจ่ายเป็นวิธีที่
มันประเมินได้จริง? ในทางปฏิบัติสี่คำจำกัดความที่แยกจากกันจะถูกใช้โดยผู้บริหาร
และผู้ปฏิบัติงานวิจัย.

1 ต้องการกฎเกณฑ์
จำเป็นกฎเกณฑ์คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพ
ผู้ดูแลระบบหรือนักวิทยาศาสตร์สังคมกำหนดความจำเป็นในการใดก็ตาม
สถานการณ์ มาตรฐาน 'ที่พึงปรารถนา' ถูกวางลงและเมื่อเทียบกับ
มาตรฐานที่มีอยู่จริง - ถ้าบุคคลหรือกลุ่มตรงสั้น
. มาตรฐานที่พึงประสงค์แล้วพวกเขาจะระบุว่าอยู่ในความต้องการ
ดังนั้นมาตรฐานทางโภชนาการของกรุงเทพมหานครจะใช้เป็นมาตรการเชิงบรรทัดฐาน
ของ ความเพียงพอของอาหารที่ (2) ชั่งความไม่สามารถพัฒนาโดย
ทาวน์เซนด์ (3) และตัวชี้วัดของการแยกทางสังคมที่ใช้โดย Tunstall
(4) นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างของมาตรฐานกฎเกณฑ์ใช้เป็นพื้นฐานของ
ความต้องการ ความหมายเชิงบรรทัดฐานของจำเป็นที่จะต้องอยู่ในความรู้สึกไม่แน่นอน มันอาจจะ
ไม่ตรงกับความต้องการที่จัดตั้งขึ้นโดยคำจำกัดความอื่น ๆ มันอาจ
จะปนเปื้อนด้วยความดูแลของบิดา-เช่นการใช้งานของชนชั้นกลางเป็น
บรรทัดฐานในการประเมินความจำเป็นในบริบทการทำงานระดับ - แต่ที่
แรงบันดาลใจที่มีมาตรฐานชั้นกลางนี้อาจจะเหมาะสม
ความยากลำบากต่อไปด้วยความหมายเชิงบรรทัดฐานของความต้องการคือว่ามี
ดีอาจจะมีมาตรฐานแตกต่างกันและอาจจะขัดแย้งกันวางลง
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านที่แตกต่างกัน การตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นที่พึงปรารถนาไม่ได้
ทำในสูญญากาศ ขณะที่วอลตัน (5) ได้ชี้ให้เห็นคำสั่ง 'X
อยู่ในความต้องการ' มักจะถูกนำมาเป็นความจริงเชิงประจักษ์ ไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็น
มูลค่าการตัดสินผูกพันข้อเสนอต่อไปนี้: X อยู่ในสถานะ
Y, Y ไม่เข้ากันกับค่าที่จัดขึ้นในสังคมดังนั้นซี Y
รัฐควรจะเปลี่ยน ดังนั้นความหมายเชิงบรรทัดฐานของความจำเป็นอาจ

จำเป็นกฎเกณฑ์คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพผู้ดูแลระบบหรือนักวิทยาศาสตร์สังคมกำหนดความจำเป็นในสถานการณ์ใดก็ตาม มาตรฐานที่พึงปรารถนาที่จะวางลงและเมื่อเทียบกับมาตรฐานที่จริงแล้วถ้าบุคคลหรือกลุ่มตรงสั้นของมาตรฐานที่พึงประสงค์แล้วพวกเขาจะระบุว่าอยู่ในความต้องการ ดังนั้นมาตรฐานทางโภชนาการกรุงเทพมหานครเป็น usedas มาตรการเชิงบรรทัดฐานของความเพียงพอของอาหารที่ ระดับความสามารถที่พัฒนาโดยทาวน์เซนด์และตัวชี้วัดของการแยกทางสังคมที่ใช้โดย Tunstall นี้ยังมีตัวอย่างของมาตรฐานกฎเกณฑ์ใช้เป็นพื้นฐานของความต้องการ คำนิยามเชิงบรรทัดฐานของจำเป็นที่จะต้องอยู่ในความรู้สึกไม่แน่นอน มันอาจจะไม่ตรงกับความต้องการที่จัดตั้งขึ้นโดยความหมายอื่น ๆ ความยากลำบากต่อไปด้วยความหมายเชิงบรรทัดฐานของความต้องการคือว่ามีดีอาจจะแตกต่างกันและเป็นไปได้ที่ขัดแย้งมาตรฐานที่วางไว้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความยากลำบาก ดังนั้นความหมายเชิงบรรทัดฐานของความจำเป็นอาจจะแตกต่างกันตามทิศทางที่มูลค่าของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตัดสินของเขาเกี่ยวกับปริมาณของทรัพยากรที่ควรจะทุ่มเทให้กับการประชุมที่ต้องหรือหรือไม่ว่าทักษะที่มีอยู่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น มาตรฐานกฎเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงในเวลาที่ทั้งสองเป็นผลมาจากการพัฒนาในความรู้และค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคม.

รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีการถือเอากับความต้องการของคุณ เมื่อมีการประเมินความจำเป็นในการให้บริการประชากรจะถามว่าพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องการมัน ในระบอบประชาธิปไตยก็อาจจะคิดว่ารู้สึกว่าจำเป็นจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความหมายของความต้องการใด ๆ แต่รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีมาตรการที่ดูเหมือนว่าจะถูกใช้เป็นประจำในการศึกษาของผู้สูงอายุและในการพัฒนาชุมชน รู้สึกว่าจำเป็นต้องเป็นด้วยตัวเองเป็นมาตรการที่ไม่เพียงพอของความต้องการที่แท้จริง มันจะถูก จำกัด โดยการรับรู้ของแต่ละคนว่าเขาพวกเขารู้ว่ามีบริการที่สามารถใช้ได้เช่นเดียวกับการฝืนใจในหลาย ๆ สถานการณ์ที่จะสารภาพความสูญเสียของความเป็นอิสระในทางกลับกันมันเป็นความคิดที่จะสูงขึ้นโดยผู้ที่ขอความช่วยเหลือโดยไม่ต้อง จริงๆมันต้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนวคิดของความต้องการทางสังคมอยู่ในความคิดของบริการทางสังคมประวัติความเป็นมาของการบริการทางสังคม เป็นเรื่องราวของการรับรู้ของความต้องการขององค์กรและของสังคมที่จะพบพวกเขา การ seebohmรายงาน ( 1 ) กังวลกับแนวคิดของความต้องการ แม้ว่ามันไม่เคยประสบความสำเร็จในการกำหนดมัน มันเห็นว่า " สังคมส่วนตัวบริการมีขนาดใหญ่ วิธีการช่วยในการทดลองต้องการ "แม้จะมีดอกเบี้ย มันมักจะไม่ชัดในสถานการณ์เฉพาะอะไรคือความหมายโดยต้องการสังคม เมื่องบทำเพื่อผลที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลจะต้องการให้บริการมีคุณภาพ ที่ทำให้พวกเขา–นิยามอะไรความต้องการทางสังคมจะถูกใช้ ?แนวคิดของสังคม เป็นประโยชน์เฉพาะกับนักเศรษฐศาสตร์พวกเขามีเคลียร์คัตวัดความต้องการ " " ที่มีประสิทธิภาพความต้องการ" ที่มีประสิทธิภาพ " เมื่อคนกำลังเตรียมที่จะกลับมันเกี่ยวกับเงินการจัดสรรและไม่ได้ผล หรือมีอยู่เมื่อพวกเขาจะไม่วัดนี้จะไม่ทำอะไรเพื่อบริการสังคม เพราะมีโดยปกติจะไม่เชื่อมโยงระหว่างบริการและชำระเงิน ( แม้ว่าบางนักเศรษฐศาสตร์คิดว่ามันควรจะเป็น ) ถ้าบริการสังคมพยายามที่จะรับมือกับความต้องการโดยไม่ จำกัด ตามความสามารถที่จะจ่ายได้ วิธีคือมันจริงที่ประเมิน ? ในการปฏิบัติ สี่ แยก คำนิยามที่ใช้โดยผู้บริหารและคนงานวิจัย1 . มาตรฐานต้องมาตรฐานต้องอยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพผู้ดูแลระบบหรือนักวิทยาศาสตร์ทางสังคมกำหนดตามที่ต้องการใด ๆสถานการณ์ มาตรฐาน " ถูกใจ " ที่วางไว้ และเมื่อเทียบกับมาตรฐานที่มีอยู่จำกัด หากบุคคลหรือกลุ่มตรงสั้นมาตรฐานที่พึงปรารถนาแล้ว พวกเขาจะระบุว่าเป็นต้องดังนั้นกรุงเทพมหานครโภชนาการมาตรฐานใช้เป็นมาตรการเชิงบรรทัดฐานของความเพียงพอของอาหาร ( 2 ) มีความสามารถระดับที่พัฒนาโดยทาวน์เซนด์ ( 3 ) และวัดการแยกทางสังคมที่ใช้โดยทันสตอลล์( 4 ) นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างของมาตรฐานอ้างอิงที่ใช้เป็นฐานของต้องการ นิยามเชิงบรรทัดฐานของต้องอยู่ในความรู้สึกไม่แน่นอน มันอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการก่อตั้งโดยความหมายอื่น ๆ มันอาจแปดเปื้อนด้วยค่าใช้จ่ายของ paternalism-i.e. ใช้ชั้นกลางเกณฑ์การประเมิน ต้องในบริบทการทำงานระดับ–แม้ว่าที่แรงบันดาลใจเป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งอาจจะเหมาะสม เป็นเพิ่มเติมปัญหากับคำนิยามมาตรฐานของความต้องการนั้นอาจจะแตกต่างและอาจจะขัดแย้งกันวางมาตรฐานโดยผู้เชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน การตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่พึงประสงค์ไม่ได้ทำให้เป็นสุญญากาศ ที่วอลตัน ( 5 ) ได้ชี้ให้เห็นว่า งบ " xคือต้องการเป็นมักจะเป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ นี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันคือค่าการตัดสิน Entailing propositions ต่อไปนี้ : X อยู่ในรัฐY Y ไม่เข้ากันกับค่าที่จัดขึ้นในสังคมดังนั้น Y Zรัฐควรมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น นิยามเชิงบรรทัดฐานของต้องการอาจมาตรฐานต้องอยู่ที่ที่ผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพ ผู้บริหารหรือนักวิทยาศาสตร์ทางสังคมกำหนดตามที่ต้องการในสถานการณ์ที่ระบุ . มาตรฐานที่พึงประสงค์ คือ ปล่อยวาง และเปรียบเทียบกับมาตรฐานนั้นมีอยู่จริง หากบุคคลหรือกลุ่มที่ตรงสั้นของมาตรฐานที่พึงประสงค์แล้ว พวกเขาจะระบุว่าเป็นต้อง ดังนั้น กทม. ทางโภชนาการมาตรฐานเชิงบรรทัดฐานที่ใช้วัดความเพียงพอของอาหาร มีความสามารถระดับที่พัฒนาโดย Townsend และวัดการแยกทางสังคมที่ใช้โดย Tunstall ยังมีตัวอย่างของมาตรฐานอ้างอิงที่ใช้เป็นเกณฑ์ที่ต้องการ นิยามเชิงบรรทัดฐานของต้องอยู่ในความรู้สึกไม่แน่นอน มันอาจจะไม่สอดคล้องกับความต้องการที่ก่อตั้งโดยความหมายอื่น ๆ นอกจากนี้ปัญหาที่มีความหมายเชิงบรรทัดฐานของต้องการที่อาจแตกต่างกันและขัดแย้งกันเป็นไปได้ยาก มาตรฐานที่วางไว้โดยผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้น นิยามเชิงบรรทัดฐานของต้องการอาจจะแตกต่างกันไปตามค่าปฐมนิเทศของผู้เชี่ยวชาญในการตัดสินใจของเขาเกี่ยวกับปริมาณของทรัพยากรที่ควรจะทุ่มเทให้กับการประชุมความต้องการหรือหรือไม่ทักษะที่มีอยู่สามารถแก้ปัญหา มาตรฐานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเวลาทั้งสองเป็นผลจากการพัฒนาในรูปแบบและการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคมรู้สึกว่าต้องมีต่อด้วยต้องการ เมื่อประเมินความต้องการบริการประชากรถามว่าพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องการมัน ใน ระบอบประชาธิปไตย มันอาจจะคิดที่รู้สึกต้องการจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของคำนิยามของต้องการ แต่ก็ต้องวัดดูเท่านั้น จะใช้เป็นประจำในการศึกษาของผู้สูงอายุในชุมชน รู้สึกว่าต้องเป็นโดยตัวเองไม่เพียงพอวัดจริงต้อง มันถูก จำกัด โดยการรับรู้ของแต่ละบุคคลว่า เขาจะรู้ว่า มีบริการเป็นครั้งแรกในหลายสถานการณ์ ยอมรับการสูญเสียความเป็นอิสระ ในมืออื่น ๆ มันเป็นความคิดที่จะพองโดยผู้ที่ขอความช่วยเหลือโดยไม่ต้อง