1.1.2 The difference between tasks

1.1.2 The difference between tasks and problems problematic In the Problem Solving Approach, the tasks are given by the teach- ers but the problematic or problems which originate from the tasks for answering and need to be solved are usually expected to be posed by the children. In this case, the problematic consists of those things which the children would like to do next. It is related with children's expectations on their context of learning. The problem is not neces- sarily the same as the given task and depends on the children. It is usually related to what the children have learned before, because children are able to think based on what they have already learned. If your children begin to think about the next problem for them- selves, then enjoy it together with them Solve the following: until they tell you what they want to do 37 x 3 next (Figure 2). We would like you continue until the children come up with 37 x 6 222 37 x 9 expectation. If the children expect 37 x 12 that "555" comes next, then you just ask them: "Really?" In the mathematics 37 x 15 classroom, the task is usually assigned teachers but, through the questioning by Figure 2 by the teachers, it becomes the chil- dren's problems. It is only then that it is regarded as being problematic by the children. We would like you to change your chil- dren's belief from just solving a task given by you to posing problems by themselves in order to learn and develop their mathematics. If you ask, "Why do you think it will be 5 some possible responses will be "Because the same numbers are lined up "It has If the teacher asks a pattern" and "Because of the calculations "Why?" then the children are given the opportunity to develop their ability to explain why (i e. to give reasons). Your question

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.1.2 ความแตกต่างระหว่างงานและปัญหาที่เป็นปัญหาในวิธีการแก้ปัญหา งานจะได้รับ โดยสกู๊ป teach แต่ที่มีปัญหา หรือปัญหาที่มาจากงานการตอบรับ และต้องแก้ไข มักจะคาดว่าจะเกิด โดยเด็ก ในกรณีนี้ ปัญหาที่ประกอบด้วยสิ่งเหล่านั้นที่เด็กอยากทำต่อไป เกี่ยวข้องกับความคาดหวังของเด็กในบริบทของการเรียนรู้ ปัญหาคือไม่ neces--sarily เหมือนกับงานที่กำหนด และขึ้นอยู่กับเด็ก มันมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งเด็กได้เรียนรู้ก่อน เนื่องจากเด็กจะคิดอะไรได้แล้วเรียนรู้จากการ ถ้าลูกของคุณเริ่มคิดเกี่ยวกับปัญหาถัดไปพวกเขา - selves แล้วสนุกกับมันพร้อมกับให้ แก้ต่อไปนี้: จนกว่าจะบอกคุณสิ่งที่พวกเขาต้องการทำต่อไป 37 x 3 (รูปที่ 2) เราจะเหมือนคุณต่อไปจนกว่าเด็กที่มากับ 37 x 37 222 6 x 9 ความคาดหวัง ถ้าเด็กคาดว่า 37 x 12 ว่า "555" มาถัดไป จากนั้นคุณเพียงแค่ขอให้: "จริง ๆ หรือ" ในห้องเรียนคณิตศาสตร์ 37 x 15 งานมักจะกำหนดให้ครู ได้ ผ่านการซักถามตามรูปที่ 2 โดยครู จะกลายเป็นปัญหา chil-dren ของ หลังจากนั้นเป็นที่กล่าวได้ว่าเป็นปัญหาสำหรับเด็กที่ เราอยากให้เปลี่ยนความเชื่อของ chil-dren ของจากเพียงแก้งานให้ โดยคุณวางตัวปัญหาด้วยตัวเองเพื่อเรียนรู้ และพัฒนาคณิตศาสตร์ของพวกเขา ถ้าคุณถาม, "ทำไมคุณคิดว่า มันจะตอบสนองบางอย่างอาจจะ 5 " เนื่องจากหมายเลขเดียวกันอยู่เรียงกัน "มันมีถ้าครูถามรูปแบบ" และ "เนื่องจากการคำนวณ"ทำไม "แล้วเด็กจะได้รับโอกาสในการพัฒนาความสามารถในการอธิบายเหตุผล (ฉันอีให้เหตุผล) คำถามของคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.1.2 ความแตกต่างระหว่างงานและปัญหาที่มีปัญหาในการแก้ปัญหาวิธีการที่งานจะได้รับโดยผูสอน แต่มีปัญหาหรือปัญหาที่มาจากงานสำหรับการตอบรับและจะต้องมีการแก้ไขที่คาดว่าจะได้รับมักจะเกิดจาก เด็ก ๆ ในกรณีนี้มีปัญหาประกอบด้วยสิ่งที่เด็กต้องการจะทำอย่างไรต่อไป มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคาดหวังของเด็ก ๆ กับบริบทของการเรียนรู้ของพวกเขา ปัญหาไม่ได้ neces- sarily เช่นเดียวกับงานที่กำหนดและขึ้นอยู่กับเด็ก มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เด็กมักจะได้เรียนรู้ก่อนเพราะเด็กสามารถที่จะคิดว่าขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้แล้ว หากบุตรหลานของคุณเริ่มต้นที่จะคิดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไปสำหรับตัว them- แล้วสนุกกับมันด้วยกันกับพวกเขาแก้ปัญหาต่อไปนี้: จนกว่าพวกเขาจะบอกคุณสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะทำ 37 x 3 ถัดไป (รูปที่ 2) เราอยากให้คุณดำเนินต่อไปจนกว่าเด็กจะเกิดขึ้นกับ 37 x 6 222 37 x 9 ความคาดหวัง หากเด็กที่คาดหวัง 37 x 12 ว่า "555" ที่มาต่อไปแล้วคุณก็ถามพวกเขา: "จริงเหรอ" ในทางคณิตศาสตร์ 37 x 15 ห้องเรียนงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ครูมักจะผ่านการซักถามโดยรูปที่ 2 โดยครูมันจะกลายเป็นปัญหาลูก ๆ ของ มันเป็นเพียงแล้วที่จะได้รับการยกย่องในฐานะที่เป็นปัญหาโดยเด็ก เราอยากให้คุณเปลี่ยนความเชื่อของลูก ๆ ของคุณจากการแก้งานที่ได้รับจากคุณวางตัวปัญหาด้วยตัวเองเพื่อที่จะเรียนรู้และพัฒนาคณิตศาสตร์ของพวกเขา ถ้าคุณถามว่า "ทำไมคุณถึงคิดว่ามันจะเป็น 5 บางการตอบสนองเป็นไปได้ที่จะเป็น" เพราะตัวเลขเดียวกันอยู่เรียงรายขึ้น "จะได้หากครูถามว่ารูปแบบ" และ "เพราะการคำนวณ" ทำไม? "จากนั้นเด็ก ๆ ได้รับโอกาสในการพัฒนาความสามารถในการอธิบายว่าทำไม (i e. ที่จะให้เหตุผล) ได้. คำถามของคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1.1.2 ความแตกต่างระหว่างงานและปัญหาปัญหาในแนวทางการแก้ปัญหา งานจะได้รับโดยการสอน - ERS แต่ปัญหาหรือปัญหาที่ก่อเกิดจากงานตอบรับและต้องได้รับการแก้ไขมักจะคาดว่าจะถูกวางโดยเด็ก ในกรณีนี้ ปัญหาคือสิ่งที่เด็กต้องการจะทำอะไรต่อไปมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคาดหวังของเด็กในบริบทของการเรียนรู้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทั้งหลาย - sarily เช่นเดียวกับได้รับงานและขึ้นอยู่กับเด็ก มันมักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้มาก่อน เพราะเด็กสามารถคิดตามสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ ถ้าเด็กของคุณเริ่มต้นที่จะคิดเกี่ยวกับปัญหาต่อไป - ตัวพวกเขาแล้วสนุกกับมัน พร้อมกับพวกเขาแก้ปัญหาต่อไปนี้ : จนกว่าพวกเขาจะบอกคุณสิ่งที่พวกเขาต้องการทำ 37 x 3 หน้า ( รูปที่ 2 ) เราอยากให้คุณทำต่อไปจนกว่าเด็กมากับ 37 x 37 x 6 ~ 9 ถนนพหลโยธิน ถ้าเด็กคาดหวัง 37 x 12 " 555 " มาต่อไป แล้วคุณจะถามพวกเขา : " จริงเหรอ ? " ในคณิตศาสตร์ 37 x 15 ห้องเรียน งานมักจะมอบหมายให้ครูแต่ผ่านการสอบสวนโดยรูปที่ 2 โดย อาจารย์ จะกลายเป็นปัญหา ชิล - มากขึ้น . มันเป็นเพียงแล้วที่ถือได้ว่าเป็นปัญหาของเด็ก เราอยากให้คุณเปลี่ยนความเชื่อของคุณชิล - มากขึ้นจากการแก้ไขงานให้ โดยคุณ posing ปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อเรียนรู้และพัฒนาคณิตศาสตร์ของพวกเขา ถ้าคุณถาม" ทำไมคุณถึงคิดว่ามันจะเป็น 5 ได้คำตอบจะเป็น " เพราะตัวเลขเดียวกันจะเรียงกัน " ได้ ถ้าครูถามแบบ " และ " เพราะการคํานวณว่า " ทำไม " ? แล้วเด็กจะได้รับโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถในการอธิบายว่าทำไม ( ฉัน ( ให้เหตุผล ) คำถามของคุณ