Saipradist states that the traditio

Saipradist states that the tradition of building pagodas to enshrine relics of the Buddha
spread widely in time and that apparently there was a Royal decree issued to establish in
each important city, a temple being the most important religious focal point for that area.
As thus we see Wat Maha That or Wat Phra Sri Rattana Mahathat established in
Lopburi, Phitsanulok, Kamphaeng Phet etc.

Johannes Vingboons (c.1616 - 1670), a Dutch cartographer, created a painting named
Afbeldinge der stadt Iudiad Hooft des Choonincrick Siam published in Vingboons
Atlas around 1665. In this painting, Wat Maha That can clearly be discerned. Historians
believe that the information to make this painting was collected during Van Vliet's time
(1640) in Ayutthaya. On Vingboons map we see a large Khmer prang surrounded by
four subsidiary stupa (the one behind the main prang is not visible) and a gallery; the
Royal vihara and multiple satellite chedis. The kutis or lodging for the monks seems to be
located behind the monastery walls. It was although not customary for the monks to be
housed in stone structures, but the latter could have been the Residence of the Supreme
Patriarch.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Saipradist แจ้งว่า ประเพณีของการสร้างเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เห็นได้ชัดว่าแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในเวลาและการที่มีพระราชกฤษฎีกาออกไปสร้างใน แต่ละเมืองสำคัญ วัดถูกจุดโฟกัสทางศาสนาที่สำคัญที่สุด ดังนั้น เราเห็น วัดมหาธาตุหรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุก่อตั้งขึ้นใน ลพบุรี พิษณุโลก กำแพง Phet ฯลฯโจฮันเนส Vingboons (c.1616 - 1670), เป็นนักดัตช์ สร้างภาพวาดที่ชื่อ Afbeldinge der stadt Iudiad Hooft des Choonincrick สยามเผยแพร่ใน Vingboons Atlas รอบค.ศ. 1665 ในการวาดภาพนี้ วัดมหาธาตุสามารถชัดเจนสามารถ discerned นักประวัติศาสตร์ เชื่อว่า ข้อมูลที่ให้ภาพวาดนี้รวบรวมระหว่าง Van Vliet นครศรีอยุธยาใน (1640) บนแผนที่ที่เราเห็นเขมรใหญ่ปรางค์ล้อมรอบด้วย Vingboons สี่บริษัทเจดีย์ (หนึ่งหลังปรางหลักจะไม่สามารถมองเห็นได้) และเก็บ การ วิหารหลวงและนิมนต์หลายดาวเทียม Kutis หรือเสนอพระน่าจะ ตั้งอยู่ด้านหลังกำแพงวัด ก็แม้ไม่ปกติสำหรับพระภิกษุจะ ตั้งอยู่ในโครงสร้างหิน แต่หลังการพำนักของศาล พระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สายประดิษฐ์กล่าวว่าประเพณีของการสร้างเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในเวลาและเห็นได้ชัดว่ามีพระราชกฤษฎีกาที่ออกให้แก่สร้างใน
แต่ละเมืองที่สำคัญวัดเป็นจุดโฟกัสที่สำคัญที่สุดทางศาสนาในพื้นที่นั้น.
ในฐานะที่ทำให้เรา ดูวัดมหาธาตุหรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุก่อตั้งขึ้นใน
ลพบุรีพิษณุโลกกำแพงเพชร ฯลฯโยฮันเน Vingboons (c.1616 - 1670) ซึ่งเป็นแผนดัตช์สร้างภาพวาดชื่อAfbeldinge der Stadt Iudiad Hooft des Choonincrick สยามตีพิมพ์ใน Vingboons Atlas รอบ 1665 ในการวาดภาพนี้วัดมหาธาตุที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าข้อมูลที่จะทำให้ภาพนี้ถูกเก็บรวบรวมในช่วงเวลา Van Vliet ของ(1640) ในอยุธยา บนแผนที่ Vingboons เราเห็นพระปรางค์ขอมที่มีขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยบริษัท ย่อยสี่เจดีย์ (หนึ่งที่อยู่เบื้องหลังปรางค์ประธานจะมองไม่เห็น) และแกลเลอรี่; วิหารหลวงและเจดีย์ดาวเทียมหลาย kutis หรือที่พักสำหรับพระสงฆ์ที่ดูเหมือนว่าจะตั้งอยู่ด้านหลังกำแพงวัด มันเป็นธรรมเนียมที่แม้จะไม่ได้สำหรับพระสงฆ์ที่จะอยู่ในโครงสร้างหิน แต่หลังจะได้รับเรสซิเดนของศาลฎีกาสังฆราช

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

saipradist ระบุว่า ประเพณีการสร้างเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าการแพร่กระจายกันอย่างแพร่หลายในเวลาและที่เห็นได้ชัดว่ามีพระราชกฤษฎีกาที่ออกเพื่อสร้าง ในที่สำคัญแต่ละเมือง เป็นวัดที่มีความสําคัญที่สุดศาสนาจุดโฟกัสสำหรับพื้นที่ที่ดังนั้นเราจึงเห็นเป็นวัดม หรือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก่อตั้งขึ้นในลพบุรี พิษณุโลก กำแพงเพชร ฯลฯโย นเนส วิงโบน ( c.1616 - 1670 ) , แผนดัตช์ , สร้างภาพวาดชื่อafbeldinge der สตัด iudiad ฮูฟต์ des choonincrick สยามตีพิมพ์ใน วิงโบนแผนที่รอบ 1665 . ในรูปนี้ วัดมหาที่ชัดเจนสามารถจะเข้าใจได้ . นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าข้อมูลที่จะทำให้ภาพนี้ถูกเก็บรวบรวมในระหว่างเวลาของฟาน ฟลีต( 461 ) ใน พระนครศรีอยุธยา บนแผนที่ วิงโบนเราเห็นขนาดใหญ่ล้อมรอบปรางค์เขมรสี่ บริษัท ย่อย ( เจดีย์อยู่ด้านหลังปรางค์หลักไม่สามารถมองเห็น ) และแกลเลอรี่วิหารพระและเจดีย์ดาวเทียมหลาย การ kutis หรือที่พักสำหรับพระสงฆ์น่าจะตั้งอยู่หลังกำแพงวัด มันถึงจะไม่จารีตประเพณีสำหรับพระสงฆ์ เป็นตั้งอยู่ในโครงสร้างหิน แต่อย่างหลังอาจได้รับที่อยู่อาศัยของศาลฎีกาพระสังฆราช