This leads to an increase in fermen

This leads to an increase in fermenter throughput, saving in process water, reduced risk of bacterial contamination, and reduction in energy usage for downstream processing and effluent treatment cost. VHG fermentation can hence lead to improvement of the overall process economics with no major alteration to the existing facilities [4].Currently, VHG fermentation has been mostly studied for ethanol production from cereal grains including wheat, corn, barley, rye,sorghum, and finger millet [3,5–10], while its application in root or tuber mash prepared from dicotyledonous plants is still limited.This is mainly due to the highly viscous nature of root and tuber mashes caused by their high pectin content, which leads to entrapment of water in the cell wall matrix [11]. This results in difficulties in mixing and solid–liquid separation leading to incomplete hydrolysis of starch to sugar, which reduces the overall fermentation efficiency [12,13].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของปริมาณ fermenter บันทึกในกระบวนการน้ำ ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย และลดการใช้พลังงานสำหรับการรักษากระบวนการปลายน้ำ และน้ำทิ้งที่ต้นทุน VHG หมักสามารถนำไปปรับปรุงโดยรวมดังนั้นกระบวนการเศรษฐศาสตร์กับไม่เปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกที่มีอยู่ [4] ในปัจจุบัน หมัก VHG ได้รับส่วนใหญ่ศึกษาสำหรับเอทานอลผลิตจากวัตถุดิบธัญพืชได้แก่ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ ข้าวฟ่าง และข้าวฟ่างนิ้ว [3.5 – 10], ในขณะที่การประยุกต์ใช้ในราก หรือคลุกเคล้าหัวที่เตรียมจากพืชมีดอกจะยังคงจำกัด นี้เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีความหนืดสูงลักษณะของรากและหัว mashes ที่เกิดจากเนื้อหาของเพกทินสูง ซึ่งนำไปสู่น้ำในผนังเซลล์เมตริกซ์ [11] ที่ติดในร่องดอก ผลปัญหาในการผสมและการแยกของแข็ง – ของเหลวนำไปย่อยสลายที่ไม่สมบูรณ์ของแป้งน้ำตาล ซึ่งลดประสิทธิภาพการหมักโดยรวม [12,13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้นำไปสู่​​การเพิ่มขึ้นในถังหมักผ่านประหยัดน้ำในกระบวนการลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียและลดลงในการใช้พลังงานสำหรับการประมวลผลต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำเสีย หมัก VHG จึงสามารถนำไปสู่​​การพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของกระบวนการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ [4] .Currently หมัก VHG ได้รับการศึกษาส่วนใหญ่สำหรับการผลิตเอทานอลจากธัญพืชรวมทั้งข้าวสาลี, ข้าวโพด, ข้าวบาร์เลย์ข้าวไรย์ข้าวฟ่างและ ข้าวฟ่างนิ้ว [3,5-10] ในขณะที่การประยุกต์ใช้ในรากหรือหัวบดที่เตรียมจากพืช dicotyledonous ย​​ังคง limited.This เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากลักษณะหนืดสูงของรากและหัว mashes เกิดจากเนื้อหาเพคตินสูงของพวกเขาซึ่งนำไปสู่ การกักเก็บน้ำในเมทริกซ์ผนังเซลล์ [11] ซึ่งจะส่งผลในความยากลำบากในการผสมและการแยกของแข็งของเหลวที่นำไปสู่​​การย่อยสลายที่ไม่สมบูรณ์ของแป้งน้ำตาลซึ่งจะช่วยลดประสิทธิภาพการหมักโดยรวม [12,13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นในถังหมักสามารถประหยัดในน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรีย และลดการใช้พลังงานในการประมวลผลด้านท้ายน้ำและต้นทุนการรักษาน้ำทิ้ง vhg หมักสามารถจึงนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการโดยรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักเศรษฐศาสตร์กับเครื่องเดิม [ 4 ] ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้รับ vhg การหมักเพื่อผลิตเอทานอลจากธัญพืช ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ข้าวฟ่างและข้าวฟ่างนิ้ว 3.5 – [ 10 ] ในขณะที่การประยุกต์ใช้ในราก หรือ มันฝรั่งบดที่เตรียมจากพืชใบเลี้ยงคู่ยัง จำกัด นี้เป็นหลักเนื่องจากการหนืดสูงธรรมชาติของรากและเหง้า mashes เกิดจากปริมาณเพคตินสูง ซึ่งนำไปสู่การกักเก็บน้ำในเซลล์ผนังเมทริกซ์ [ 11 ] นี้ส่งผลในปัญหาในการผสมของแข็งของเหลวและนำไปสู่การย่อยไม่สมบูรณ์ และแยกแป้งกับน้ำตาล ซึ่งจะช่วยลดประสิทธิภาพการหมักโดยรวม [ 12 , 13 ‘ ]