The present study was undertaken to

The present study was undertaken to study the frequency of electrolyte imbalance in children with diarrhoea and the relationship between electrolyte abnormalities and mortality.

MATERIALS AND METHODS: This is a retrospective, observational hospital based study. Fifty seven children admitted to paediatric ward with diarrhoea and dehydration was evaluated for electrolyte and acid base status at presentation. The variables were analyzed using chi-square and student t- test.

RESULTS: Majority (70%) of patients were below 2 years of age. There were 37 (65%) males and 20(35%) females. Electrolyte disturbance was observed in 46 (80%) patients while acid base disturbance was observed in all (100%) where the estimations were done. The major electrolyte disturbances noted were hyponatremia (56%), which was either isolated (26%) or associated with hypokalemia (26%). The second common abnormality was hypokalemia (46%) which was again either isolated (14%) or associated with hyponatremia (26%). About 10% patient had hypernatremia and about 3% had hyperkalemia. Twenty one (37 %) patients had mixed electrolyte imbalance. ABG analysis was performed only in 16 patients. Arterial blood gas analysis could be performed only in 16 patients. Metabolic acidosis was present in 15 (94%) while one (6%) had metabolic alkalosis. Out of 57, five patients (8.7%) expired. All of them had electrolyte abnormalities. Out of five patients who died one had isolated hyponatremia, 2 had hyponatremia + hypokalemia, while one each had hypernatremia + hypokalemia and hypernatremia+ hyperkalemia. Statistically significant mortality was observed in patients presenting with either hyponatremia or hypokalemia as compared to the group with normal electrolytes.

CONCLUSION: Hyponatremia, hypokalemia and metabolic acidosis are common electrolyte and acid-base abnormalities in children with diarrhoea and dehydration and often responsible for mortality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาได้ดำเนินการศึกษาความถี่ของความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในเด็กที่ท้องเสียและความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติของอิเล็กโทรไลท์และการตาย วัสดุและวิธีการ: เป็นการศึกษาย้อนหลัง สังเกตโรงพยาบาลคะแนน เด็กสิบเจ็ดเข้าวอร์ดโรคกับท้องเสีย และขาดน้ำถูกประเมินสถานะพื้นฐานอิเล็กโทรไลต์และกรดที่นำเสนอ ตัวแปรมาวิเคราะห์โดยใช้ไคสแควร์และนักเรียนทดสอบ t RESULTS: Majority (70%) of patients were below 2 years of age. There were 37 (65%) males and 20(35%) females. Electrolyte disturbance was observed in 46 (80%) patients while acid base disturbance was observed in all (100%) where the estimations were done. The major electrolyte disturbances noted were hyponatremia (56%), which was either isolated (26%) or associated with hypokalemia (26%). The second common abnormality was hypokalemia (46%) which was again either isolated (14%) or associated with hyponatremia (26%). About 10% patient had hypernatremia and about 3% had hyperkalemia. Twenty one (37 %) patients had mixed electrolyte imbalance. ABG analysis was performed only in 16 patients. Arterial blood gas analysis could be performed only in 16 patients. Metabolic acidosis was present in 15 (94%) while one (6%) had metabolic alkalosis. Out of 57, five patients (8.7%) expired. All of them had electrolyte abnormalities. Out of five patients who died one had isolated hyponatremia, 2 had hyponatremia + hypokalemia, while one each had hypernatremia + hypokalemia and hypernatremia+ hyperkalemia. Statistically significant mortality was observed in patients presenting with either hyponatremia or hypokalemia as compared to the group with normal electrolytes. CONCLUSION: Hyponatremia, hypokalemia and metabolic acidosis are common electrolyte and acid-base abnormalities in children with diarrhoea and dehydration and often responsible for mortality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความถี่ของอิความไม่สมดุลในเด็กที่มีอาการท้องเสียและความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติของอิเล็กโทรและการเสียชีวิตได้.

วัสดุและวิธีการ: นี่คือย้อนหลังโรงพยาบาลสังเกตการณ์ตามการศึกษา ห้าสิบเจ็ดเด็กเข้ารับการรักษาหอผู้ป่วยเด็กที่มีอาการท้องเสียและการคายน้ำได้รับการประเมินสำหรับอิเล็กโทรและสถานะฐานกรดที่มีการนำเสนอ ตัวแปรที่ถูกนำมาวิเคราะห์โดยใช้ Chi-Square และนักเรียน T- ทดสอบ.

ผลการศึกษา: ส่วนใหญ่ (70%) ของผู้ป่วยต่ำกว่า 2 ปี มี 37 เพศชาย (65%) และ 20 (35%) เป็นเพศหญิง อิเล็กโทรรบกวนพบว่าใน 46 (80%) ในขณะที่ผู้ป่วยกรดรบกวนฐานพบว่าในทุก (100%) ที่ประมาณการได้ทำ ระเบิดอิเล็กใหญ่ตั้งข้อสังเกตเป็นภาวะ (56%) ซึ่งเป็นทั้งบางแห่ง (26%) หรือที่เกี่ยวข้องกับ hypokalemia (26%) ผิดปกติที่พบบ่อยที่สองคือ hypokalemia (46%) ซึ่งเป็นอีกครั้งทั้งที่แยก (14%) หรือที่เกี่ยวข้องกับภาวะ (26%) ประมาณ 10% ของผู้ป่วยที่มี hypernatremia และประมาณ 3% มีภาวะโพแทสเซียมสูง ยี่สิบเอ็ด (37%) ผู้ป่วยที่มีความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลผสม วิเคราะห์ ABG ได้รับการดำเนินการเฉพาะในผู้ป่วย 16 การวิเคราะห์ก๊าซในเลือดอาจจะดำเนินการเฉพาะในผู้ป่วย 16 ดิสก์เผาผลาญถูกนำเสนอใน 15 (94%) ในขณะที่หนึ่ง (6%) มีการเผาผลาญ alkalosis ออกจาก 57 ผู้ป่วยที่ห้า (8.7%) หมดอายุแล้ว ทั้งหมดของพวกเขามีความผิดปกติของอิเล็กโทร จากห้าผู้ป่วยที่เสียชีวิตหนึ่งได้แยกภาวะ 2 มีภาวะ hypokalemia + ในขณะที่หนึ่งแต่ละคนก็มี hypernatremia + hypokalemia และ hypernatremia + ภาวะโพแทสเซียมสูง สถิติการตายที่สำคัญพบว่าในผู้ป่วยที่มีทั้งภาวะ hypokalemia หรือเมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีอิเล็กโทรปกติ.

สรุป: ภาวะ hypokalemia และดิสก์เผาผลาญเป็นเรื่องธรรมดาอิเลคและกรดฐานความผิดปกติในเด็กที่มีอาการท้องเสียและการคายน้ำและมักจะมีความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความถี่ของความไม่สมดุลในเด็กที่มีอาการท้องเสีย และความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์ และอัตราการตายวัสดุและวิธีการ : เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง โรงพยาบาลสังเกตศึกษาตาม ห้าสิบเจ็ดเด็กศิลปะเด็ก วอร์ด กับการเกิดโรคอุจจาระร่วงและแห้งได้ทำการอิเล็กโทรไลต์และภาวะกรด เบส ที่นำเสนอ ตัวแปรตารางชิและนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การทดสอบค่าทีผลลัพธ์ : ส่วนใหญ่ ( 70% ) ของผู้ป่วยต่ำกว่าอายุ 2 ปี มี 37 ( 65% ) และ 20 ( 35% ) เพศเมีย ผลการรบกวนสูง 46 ( 80% ) ของผู้ป่วย ในขณะที่กรด เบส การรบกวนสูงทั้งหมด ( 100% ) ซึ่งการทำ . สารประกอบอินทรีย์ที่ระบุไว้เป็นหลักภาวะธำรงดุล ( 56% ) ซึ่งถูกแยกให้ ( 26% ) หรือที่เกี่ยวข้องกับเซียม ( 26% ) ความผิดปกติที่พบที่สองคือเซียม ( 46% ) ซึ่งอีกทั้งแยก ( 14% ) หรือที่เกี่ยวข้องกับภาวะธำรงดุล ( 26% ) ประมาณ 10% ของผู้ป่วยได้ hypernatremia ประมาณ 3 % มีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง . ยี่สิบหนึ่ง ( 37% ) ผู้ป่วยมีความไม่สมดุลอิเล็กโทรไลต์ผสม การวิเคราะห์บริษัทได้เพียง 16 คน การวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดงจะได้แค่ 16 คน สาธารณรัฐมาลาวีเข้าร่วมใน 15 ( 94% ) ในขณะที่หนึ่ง ( 6 % ) มีทัลก์ . จาก 57 , 5 ราย ( 8.7% ) หมดอายุ ทั้งหมดของพวกเขามีเกลือแร่ผิดปกติ ในห้าของผู้ป่วยที่เสียชีวิต มีแยกภาวะธำรงดุล 2 มีภาวะธำรงดุล + เซียม ในขณะที่แต่ละคนมีเซียม hypernatremia + และ hypernatremia + ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง . อัตราการตายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติพบว่าในผู้ป่วยที่นำเสนอด้วยภาวะธำรงดุลหรือเซียมเมื่อเทียบกับกลุ่มที่เป็นปกติสรุป : ภาวะธำรงดุล hypokalemia สาธารณรัฐมาลาวี , และเกลือแร่และกรด - ด่าง พบความผิดปกติในเด็กที่มีอาการท้องเสียและ dehydration และมักจะรับผิดชอบต่อการตาย