Especially, tax auditors should ass

Especially, tax auditors should assess the business risk, include inherent and control risk that is a matter of professional judgment (Ritchie and Khorwatt, 2007), and reduce levels of testing (Curtis and Turley, 2007). In addition, they should change audit technology such as audit support systems to enhance efficient and effective audits to use decision aids (Dowling and Leech, 2007).

Surprisingly, the relationship between fraud risk analysis (H1c: b3 =.009, p > 0.05) have a positive and no significant effect of audit judgment. In the crisis situation, tax auditors who have concentrated with the fraudulent of management may not distress from a stress of firms’ fraud risk activities that affect audit judgments. Therefore, hypothesis 1c is not supported.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาษีผู้สอบบัญชีควรประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจ รวมโดยธรรมชาติ และควบคุมความเสี่ยงที่เป็นเรื่องของดุลยพินิจ (ริตชีและ Khorwatt, 2007), และลดระดับของการทดสอบ (เคอร์ติสและ Turley, 2007) นอกจากนี้ พวกเขาควรเปลี่ยนเทคโนโลยีตรวจสอบเช่นตรวจสอบระบบสนับสนุนเพื่อเพิ่มการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการใช้เครื่องช่วยในการตัดสินใจ (ดาวลิ่งและปลิง 2007) น่าแปลกที่ ความสัมพันธ์ระหว่างการวิเคราะห์ความเสี่ยงการทุจริต (H1c: b3 =. 009, p > 0.05) มีบวกและไม่มีผลกระทบต่อการพิพากษาตรวจสอบ ในสถานการณ์วิกฤต ผู้ตรวจสอบภาษีที่มีความเข้มข้นกับการหลอกลวงของผู้บริหารอาจ distress จากความเครียดของกิจกรรมของบริษัทการทุจริตความเสี่ยงที่มีผลต่อการใช้ดุลยพินิจการตรวจสอบ ดังนั้น สมมติฐาน 1c ไม่สนับสนุน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สอบบัญชีภาษีควรประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจรวมถึงความเสี่ยงและการควบคุมที่เป็นเรื่องของการตัดสินมืออาชีพ (ริชชี่และ Khorwatt 2007) และลดระดับของการทดสอบ (เคอร์ติและ Turley 2007) นอกจากนี้พวกเขาควรเปลี่ยนเทคโนโลยีการตรวจสอบเช่นการสนับสนุนระบบการตรวจสอบเพื่อเพิ่มการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพในการใช้การตัดสินใจเอดส์ (ดาวลิ่งและปลิง, 2007). น่าแปลกที่ความสัมพันธ์ระหว่างการวิเคราะห์ความเสี่ยงการทุจริต (H1c: B3 = 0.009, p> 0.05 ) มีบวกและไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญของการตัดสินการตรวจสอบ ในสถานการณ์วิกฤตที่ผู้สอบบัญชีภาษีที่มีความเข้มข้นกับการฉ้อฉลของการจัดการอาจไม่ทุกข์จากความเครียดของกิจกรรมที่มีความเสี่ยงการทุจริต บริษัท 'ที่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ ดังนั้นสมมติฐาน 1C ไม่สนับสนุน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยผู้สอบบัญชีภาษีอากรควรประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจรวมที่แท้จริง และควบคุมความเสี่ยงที่เป็นเรื่องของวิจารณญาณมืออาชีพ ( Ritchie และ khorwatt , 2007 ) , และลดระดับของการทดสอบ ( Curtis และ turley , 2007 ) นอกจากนี้พวกเขาควรจะเปลี่ยนการตรวจสอบเทคโนโลยี เช่น ระบบสนับสนุนการตรวจสอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการใช้ช่วยการตัดสินใจและดาวลิงปลิง , 2007 )จู่ ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างการวิเคราะห์ความเสี่ยงการทุจริต ( h1c : B3 = . 009 , P > 0.05 ) มีบวกและผลของการตรวจสอบ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้สอบบัญชีภาษีอากรที่เข้มข้น ด้วยการหลอกลวงของการจัดการอาจไม่ทุกข์จากความเครียดของการฉ้อโกงของบริษัทต่างๆ ที่มีผลต่อความเสี่ยงการตรวจสอบ ดังนั้น ในสมมติฐานที่ไม่รองรับ