This divergence cannot continue wit

This divergence cannot continue without someone eventually looking silly. Back-to-back surveys released in January 2009 show that even as the scientific consensus on anthropogenic global warming is claimed to be getting stronger, the belief that global warming is just part of a natural cycle has become more widespread among the public. In the first survey, 82 percent of scientists polled responded positively to the question, “Has human activity been a significant factor in changing mean global temperatures?” Meanwhile, Rasmussen Reports found in a national phone survey that 44 percent of Americans believe global warming to be part of a natural cycle, whereas only nine months earlier the figure was 34 percent. An annual Pew survey on the importance of twenty domestic issues to American citizens found that global warming ranked dead last. Apparently, Al Gore’s $300 million advertising blitz and T. Boone Pickens selling wind energy on TV have not had the intended effect on public opinion. This makes it all the more bizarre when a few scientists out on the fringe of global warming research claim that we are in the middle of a climate crisis. The most vocal scientist on the subject has been NASA’s James Hansen, an astrophysicist by training who has turned himself into both a climate modeler and a developer of one of the leading global temperature datasets. And he has not been shy about expressing his opinions on the subject. On September 23, 2008, Hansen told an audience of several hundred in Topeka, Kansas, that if we don’t get our emissions of carbon dioxide under control, “we are going to destroy the creation.” On June 23, 2008, the twentieth anniversary of his famous 1988 testimony before Congress for then Senator Al Gore, he wrote in a Guardian editorial, “Fossil fuel companies know what the story is. I think they’re guilty of crimes against humanity and nature.” In testimony before the Iowa Utilities Board on October 22, 2007, Dr. Hansen told of driving past a long train loaded up with coal. “If we cannot stop the building of more coal-fired power plants,” he said, “those coal trains will be death trains–no less gruesome than if they were boxcars headed to crematoria, loaded with uncountable irreplaceable species.” Hansen later apologized for this statement after complaints that his analogy had trivialized the real Holocaust. In January 2009, on the eve of President Obama’s inauguration, Hansen declared, “We cannot afford to put off change any longer. We have to get on a new path within this new administration. We have only four years left for Obama to set an example to the rest of the world. America must take the lead.” These are bold statements indeed. Dr. Hansen, like Al Gore, has called for civil disobedience to block the construction of any more coal-fired power plants. Of course, if Hansen is correct and we continue business as usual with our burning of coal and petroleum, there won’t be a habitable world in which to conduct business, will there? If the climate system is as sensitive as Dr. Hansen believes, we are indeed in trouble, and no cost is too high to save both ourselves and the rest of the creation. But if he is wrong, we run the risk of killing literally millions of people. The risk that Hansen and Gore warn about is theoretical, based on calculations in computer models. In contrast, history has taught us that the risks associated with poverty are very real. Penalizing the use of our most inexpensive energy sources will destroy wealth and will lead to starvation for many of the world’s malnourished. Millions more will become susceptible to food-borne illness if they can no longer afford a refrigerator. And what if more carbon dioxide in the atmosphere is actually a good thing for life on Earth? I will address that possibility in Chapter 7. While many applaud Gore’s and Hansen’s “courage” in speaking out on global warming, I can’t help but compare their rhetoric to yelling “Fire!” in a crowded theater. If there is no fire, people may be needlessly killed in the resulting rush for the exits. Yet these alarmists continue to be lauded and showered with awards. I do not really care where our energy comes from. If we can develop relatively clean alternative energy sources that are cost-competitive, then fine. But I do care that we have energy and that as many people have access to it as possible. Since nearly one billion of the world’s poor do not even have electricity, denying them the chance to acquire it is, in my view, immoral. Environmentalists who do not live in Africa or India have blocked the construction of hydroelectric dams there, depriving the poor of access to the electricity that we take for granted. Roy Innis, a civil rights veteran and leader of the Congress of Racial Equality, has been particularly outspoken on this subject. As he explains in his book Energy Keepers, Energy Killers: The New Civil Rights Battle, bad policies based on bad science will disproportionately hurt the poor and minorities.8 Poverty is a very real threat, and it exists today. The climate alarmists’ threat is theoretical, and it concerns events that have not yet happened and probably never will. There is no convincing evidence that anyone has ever been killed by manmade global warming. But we have daily evidence that poverty kills. If Dr. Hansen is correct and humans are responsible for the recent warming, then what caused earlier periods of dramatic warming–and cooling? Has natural climate change now ended, having been replaced by human-caused climate change? This seems unlikely.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Divergence นี้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปไม่ มีคนมองก็โง่ กลับไปกลับสำรวจออกใน 2552 มกราคมแสดงว่า แม้มติทางวิทยาศาสตร์ในการมาของมนุษย์โลกร้อนที่อ้างว่า ได้รับแข็งแกร่ง ความเชื่อว่าภาวะโลกร้อนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรธรรมชาติได้กลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในหมู่ประชาชน ในการสำรวจครั้งแรก ร้อยละ 82 ของนักวิทยาศาสตร์ชั้นตอบบวกคำถาม "กิจกรรมมนุษย์มีปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก" ในขณะเดียวกัน Rasmussen รายงานพบในการสำรวจแห่งชาติโทรศัพท์ที่ร้อยละ 44 ของชาวอเมริกันเชื่อว่าโลกร้อนเป็น ส่วนหนึ่งของวงจรธรรมชาติ ในขณะที่ก่อนหน้านี้เพียง 9 เดือนตัวเลขถูกราคา 34 เปอร์เซ็นต์ การสำรวจพิวประจำปีของปัญหาภายในประเทศ 20 กับพลเมืองอเมริกันพบว่า ภาวะโลกร้อนอันดับตายล่าสุด เห็นได้ชัด Al Gore $300 ล้านโฆษณาสงครามและต. Boone Pickens ขายพลังงานลมบนโทรทัศน์จะไม่มีผลตามมติมหาชน ทำได้ทุกยิ่งแปลกประหลาดเมื่อนักวิทยาศาสตร์บางออกในรอบนอกของวิจัยโลกร้อนอ้างว่า เราเป็นกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศ นักวิทยาศาสตร์ vocal สุดในเรื่องแล้วของ NASA James แฮนเซ่น astrophysicist เป็นการฝึกที่ได้เปิดตัวเองใน modeler สภาพภูมิอากาศและนักพัฒนาของ datasets อุณหภูมิทั่วโลกชั้นนำอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่ได้อายเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของเขาในเรื่อง 23 กันยายน 2008 แฮนเซ่นบอกผู้ชมหลายร้อยใน Topeka แคนซัส ว่า ถ้าเราไม่ได้รับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้การควบคุมของเรา "เราจะไปทำลายการสร้าง" บน 23 มิถุนายน 2008 วันครบรอบยี่สิบของพยาน 1988 ของพระองค์มีชื่อเสียงก่อนสภาสำหรับแล้วสวี Al Gore เขาเขียนในผู้ปกครองบรรณาธิการ "เชื้อเพลิงฟอสซิลบริษัทรู้เรื่องคืออะไร ผมคิดว่า เป็นความผิดของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและธรรมชาติ" ในพยานหลักฐานก่อนบอร์ดสาธารณูปโภครัฐไอโอวาบน 22 ตุลาคม 2007 ดร.แฮนเซ่นบอกของขับรถไฟยาวโหลดกับถ่านหินที่ผ่านมา "ถ้า เราไม่สามารถหยุดการสร้างเพิ่มเติมถ่านไฟฟ้า เขากล่าวว่า, " รถไฟถ่านหินเหล่านั้นจะตายรถไฟ – ไม่สยดสยองน้อยกว่าถ้าพวกเขามุ่งหน้าไป crematoria, boxcars โหลดกับพันธุ์อังกฤษ irreplaceable " หลังอุ้มแฮนเซ่นสำหรับคำสั่งนี้หลังจากที่เปรียบเทียบเขาได้ trivialized ฮอโลคอสต์จริงร้องเรียน มกราคม 2552 ในวันประธานาธิบดี Obama นอก แฮนเซ่นประกาศ "เราไม่สามารถจะผลัดเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป เราต้องได้รับเส้นทางใหม่ภายในจัดนี้ใหม่ เรามีเพียงสี่ปีซ้ายสำหรับ Obama เพื่อตั้งค่าตัวอย่างของโลก อเมริกาต้องใช้ลูกค้าเป้าหมาย" นี่คือคำสั่งตัวหนาแน่นอน ดร.แฮนเซ่น เช่น Al Gore เรียกว่าการอารยะขัดขืนเพื่อบล็อคการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใด ๆ เพิ่มเติมถ่าน แน่นอน ถ้าแฮนเซ่นถูกต้อง และเราทำธุรกิจตามปกติกับเราเผาถ่านหินและปิโตรเลียม ไม่มีโลก habitable ในการดำเนินธุรกิจ จะมีหรือไม่ ถ้าระบบภูมิอากาศเป็นสำคัญเป็นดร.แฮนเซ่นเชื่อ แน่นอนเรามีปัญหา และไม่มีต้นทุนไม่สูงเกินไปที่จะบันทึกทั้งตนเองและส่วนเหลือของการส แต่ถ้าเขาไม่ถูกต้อง เราเสี่ยงต่อการฆ่าล้านแท้จริงของคน ความเสี่ยงที่แฮนเซ่นและขวิดเตือนเกี่ยวกับเป็นทฤษฎี ตามการคำนวณในแบบจำลองคอมพิวเตอร์ ในทางตรงกันข้าม ประวัติได้สอนเราว่า ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความยากจนแท้ โทษการใช้แหล่งพลังงานของเราราคาไม่แพงมากที่สุดจะทำลายให้เลือกมากมาย แล้วจะนำไปสู่ความอดอยากในหลายของโลก malnourished ล้านขึ้นจะไวต่อการเจ็บป่วยเชื่อว่าอาหารถ้าพวกเขาไม่สามารถซื้อตู้เย็น และถ้าเพิ่มเติมคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเป็นจริงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตบนโลก ฉันจะอยู่ที่ความเป็นไปได้ในบทที่ 7 ในขณะที่หลายตบมือของกอร์ และของแฮนเซ่น "กล้า" พูดออกมาในภาวะโลกร้อน ที่ฉันไม่สามารถช่วย แต่เปรียบเทียบสำนวนของพวกเขาจะตะโกน "ไฟไหม้" ในโรงละครที่แออัด ถ้ามีไม่มีไฟ คนอาจถูกโดยไม่จำเป็นฆ่าในวิ่งได้สำหรับการออกจากกัน ยัง alarmists เหล่านี้ต่อไปเป็น lauded และนี้ มีรางวัล ฉันไม่จริง ๆ ดูแลแหล่งพลังงานของเรามา ถ้าเราสามารถพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกค่อนข้างสะอาดที่มีต้นทุนแข่งขัน ดีแล้ว แต่ดูแลให้เรามีพลังงานและเป็นหลายคนได้เข้าถึงที่สุด ตั้งแต่เกือบพันของคนจนในโลกไม่ได้มีกระแสไฟฟ้า การปฏิเสธโอกาสที่จะได้รับมันได้ ในมุมมองของฉัน immoral Environmentalists ที่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาหรืออินเดียไม่ได้บล็อกการก่อสร้างเขื่อน hydroelectric, depriving คนจนเข้าถึงไฟฟ้าที่เราใช้สำหรับให้ รอย Innis, rights พลเรือนทหารผ่านศึกและผู้นำสภาคองเกรสของเชื้อชาติความเสมอภาค มีแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปิดเผยในเรื่องนี้ ตามที่เขาอธิบายในหนังสือของเขาใครที่ได้พลังงาน พลังงานยา: เดอะใหม่สิทธิพลเมืองต่อสู้ ดีนโยบายตามวิทยาศาสตร์ไม่ดีจะทำร้ายคนจนสลาย minorities.8 ความยากจนเป็นจริง และมันมีวันนี้ ภัยคุกคามของ alarmists สภาพเป็นทฤษฎี และจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และจะไม่ มีหลักฐานไม่น่าเชื่อถือว่า ทุกคนเคยถูกฆ่า โดยหวั่นโลกร้อน แต่เรามีหลักฐานวันที่ฆ่าความยากจน ดร.แฮนเซ่นถูก และมนุษย์ไม่ชอบร้อนล่าสุด ถ้าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้ารอบระยะเวลาของภาวะโลกร้อนอย่าง – และเย็น สภาพธรรมชาติขณะนี้สิ้นสุดลง มีถูกแทนที่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์หรือไม่ นี้ดูเหมือนไม่น่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความแตกต่างนี้ไม่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีใครบางคนในที่สุดก็มองโง่ กลับไปกลับการสำรวจได้รับการปล่อยตัวในเดือนมกราคม 2009 แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นฉันทามติทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่มนุษย์จะอ้างว่าจะได้รับที่แข็งแกร่งเชื่อว่าภาวะโลกร้อนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรธรรมชาติได้กลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในหมู่ประชาชน ในการสำรวจครั้งแรกร้อยละ 82 ของนักวิทยาศาสตร์ถึงขนาดตอบสนองเชิงบวกกับคำถามที่ว่า "มีกิจกรรมของมนุษย์เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกเฉลี่ย?" ในขณะเดียวกัน Rasmussen รายงานพบในการสำรวจโทรศัพท์แห่งชาติที่ร้อยละ 44 ของชาวอเมริกันที่เชื่อว่าภาวะโลกร้อนที่จะ เป็นส่วนหนึ่งของวงจรธรรมชาติในขณะที่เพียงเก้าเดือนก่อนหน้านี้คิดเป็นร้อยละ 34 สำรวจ Pew ประจำปีเกี่ยวกับความสำคัญของปัญหายี่สิบประเทศเพื่อประชาชนชาวอเมริกันพบว่าภาวะโลกร้อนอันดับสุดท้ายที่ตายแล้ว เห็นได้ชัดว่าอัลกอร์ $ 300,000,000 โฆษณาแบบสายฟ้าแ​​ลบและตเนเคนส์ขายพลังงานลมในทีวีไม่ได้มีผลกระทบที่ตั้งใจไว้ในความคิดเห็นของประชาชน ทั้งหมดนี้ทำให้แปลกประหลาดมากขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์ไม่กี่ออกบนขอบของการเรียกร้องการวิจัยภาวะโลกร้อนที่เราอยู่ในช่วงกลางของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ นักวิทยาศาสตร์ที่เสียงส่วนใหญ่ในเรื่องที่ได้รับของนาซ่าเจมส์แฮนเซนนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์โดยการฝึกอบรมที่มีการเปิดตัวเองเป็นทั้งสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาของหนึ่งในผู้นำด้านชุดข้อมูลอุณหภูมิของโลก และเขาก็ไม่ได้อายเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2008 แฮนเซนบอกกับผู้ชมหลายร้อยในโทพีกาแคนซัสว่าถ้าเราไม่ได้รับการปล่อยของเราของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้การควบคุม "เราจะไปทำลายการสร้าง." ที่ 23 มิถุนายน 2008 ครบรอบปีที่ยี่สิบปี 1988 เขามีชื่อเสียงหลักฐานก่อนรัฐสภาแล้ววุฒิสมาชิกอัลกอร์เขาเขียนไว้ในบทบรรณาธิการการ์เดียน "บริษัท น้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลรู้ว่าสิ่งที่เป็นเรื่อง ผมคิดว่าพวกเขามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและธรรมชาติ. "ในหลักฐานก่อนไอโอวาสาธารณูปโภคคณะกรรมการเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2007, ดร. แฮนเซนบอกว่าขับรถผ่านรถไฟยาวโหลดขึ้นกับถ่านหิน "ถ้าเราไม่สามารถหยุดการสร้างถ่านหินมากขึ้นโรงไฟฟ้​​า" เขากล่าวว่า "รถไฟขนถ่านหินเหล่านั้นจะตายรถไฟไม่น่ากลัวน้อยกว่าถ้าพวกเขาโครมครามมุ่งหน้าไปยัง crematoria เต็มไปด้วยสายพันธุ์ที่ไม่สามารถถูกแทนที่นับไม่ได้." แฮนเซนกล่าวขอโทษต่อ สำหรับคำสั่งหลังจากที่ข้อร้องเรียนที่คล้ายคลึงกันของเขาได้ trivialized หายนะที่แท้จริง ในเดือนมกราคม 2009 ในวันเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีโอบามาแฮนเซนประกาศว่า "เราไม่สามารถที่จะนำออกเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีกต่อไป เราจะต้องได้รับบนเส้นทางใหม่ภายในการบริหารงานใหม่นี้ เราได้เพียงสี่ปีที่เหลือให้โอบามาที่จะเป็นตัวอย่างที่เหลือของโลก อเมริกาจะต้องนำ. "เหล่านี้เป็นงบหนาแน่นอน ดร. แฮนเซนเช่นอัลกอร์ได้เรียกร้องให้การละเมิดสิทธิที่จะปิดกั้นการก่อสร้างใด ๆ ถ่านหินโรงไฟฟ้​​ามากขึ้น แน่นอนถ้าแฮนเซนที่ถูกต้องและเรายังคงดำเนินธุรกิจตามปกติท​​ี่มีการเผาไหม้ของถ่านหินและปิโตรเลียมจะไม่มีโลกที่อาศัยอยู่ในการที่จะดำเนินธุรกิจจะมี? หากระบบของสภาพภูมิอากาศที่มีความละเอียดอ่อนเป็นดร. แฮนเซนเชื่อว่าเรามีความแน่นอนในปัญหาและไม่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปที่จะช่วยทั้งตัวเองและส่วนที่เหลือของการสร้าง แต่ถ้าเขาไม่ถูกต้องเราจะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวอักษรผู้คนนับล้าน ความเสี่ยงที่แฮนเซนและกอร์เตือนเกี่ยวกับความเป็นทฤษฎีที่อยู่บนพื้นฐานของการคำนวณในรูปแบบคอมพิวเตอร์ ในทางตรงกันข้ามประวัติศาสตร์ได้สอนเราว่ามีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นจริงมาก ทัณฑ์ใช้แหล่งพลังงานราคาถูกที่สุดของเราจะทำลายความมั่งคั่งและจะนำไปสู่​​ความอดอยากสำหรับหลาย ๆ คนของโลกที่ขาดสารอาหาร ล้านขึ้นจะกลายเป็นความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยที่เกิดจากอาหารถ้าพวกเขาไม่สามารถที่ตู้เย็น และสิ่งที่ถ้าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศมากขึ้นเป็นจริงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตบนโลก? ฉันจะอยู่ที่ความเป็นไปได้ว่าในบทที่ 7 ในขณะที่หลายปรบมือกอร์และแฮนเซน "ความกล้าหาญ" ในการพูดออกมาในภาวะโลกร้อนผมไม่สามารถช่วย แต่เปรียบเทียบสำนวนของพวกเขาไปตะโกน "ไฟ" ในโรงละครที่แออัด หากมีไฟไม่มีคนอาจจะถูกฆ่าตายโดยไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในผลสำหรับการออก แต่ alarmists เหล่านี้ยังคงได้รับการยกย่องและอาบน้ำด้วยรางวัล ฉันไม่สนใจจริงๆที่พลังงานของเรามาจาก ถ้าเราสามารถพัฒนาความสะอาดแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายในการแข่งขันแล้วดี แต่ฉันจะดูแลว่าเรามีพลังงานและการที่หลาย ๆ คนเป็นสามารถเข้าถึงได้ที่เป็นไปได้ ตั้งแต่เกือบหนึ่งพันล้านของคนยากจนของโลกที่ไม่ได้มีการผลิตไฟฟ้าปฏิเสธพวกเขามีโอกาสที่จะได้รับมันเป็นในมุมมองของฉันผิดศีลธรรม สิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้อยู่ในทวีปแอฟริกาหรืออินเดียได้ปิดกั้นการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำมีพรากที่ดีของการเข้าถึงไฟฟ้​​าที่เราใช้สำหรับการรับ รอย Innis เป็นทหารผ่านศึกสิทธิมนุษยชนและเป็นผู้นำของรัฐสภาแห่งชาติภาคได้รับการเปิดเผยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องนี้ ในขณะที่เขาอธิบายในหนังสือของเขาเฝ้าพลังงาน, The Killers พลังงาน: สิทธิใหม่รบนโยบายที่ไม่ดีบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ที่ไม่ดีจะทำร้ายสัดส่วนความยากจนยากจนและ minorities.8 เป็นภัยคุกคามที่แท้จริงมากและมันมีอยู่ในปัจจุบัน สภาพภูมิอากาศภัยคุกคาม alarmists เป็นทฤษฎีและมันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นและอาจจะไม่ ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อว่าทุกคนที่ได้เคยถูกฆ่าตายจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็น แต่เรามีหลักฐานประจำวันที่ยากจนฆ่า หากดร. แฮนเซนที่ถูกต้องและมนุษย์มีความรับผิดชอบในภาวะโลกร้อนที่ผ่านมาแล้วสิ่งที่เกิดจากช่วงก่อนหน้านี้ที่น่าทึ่งของภาวะโลกร้อนและการระบายความร้อน? ได้เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศธรรมชาติสิ้นสุดวันที่ในขณะนี้ได้รับการแทนที่ด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์? นี้ดูเหมือนว่าไม่น่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความแตกต่างนี้จะไม่มีคนก็มองโง่ กลับไปสำรวจออกในเดือนมกราคม 2009 แสดงให้เห็นว่าแม้เป็นฉันทามติทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลกร้อนอ้างว่ามนุษย์จะแข็งแกร่งกลับมีความเชื่อว่าภาวะโลกร้อนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวัฏจักรตามธรรมชาติได้กลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในหมู่ประชาชน ในการสำรวจครั้งแรก82 เปอร์เซ็นต์ของนักวิทยาศาสตร์ที่จะตอบสนองเชิงบวกกับคำถาม " มีกิจกรรมของมนุษย์เป็นปัจจัยสําคัญในการเปลี่ยนแปลงหมายความว่า อุณหภูมิโลก ? ในขณะเดียวกัน ราสมุสเซ่น รายงานที่พบในการสำรวจทางโทรศัพท์แห่งชาติที่ 44 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันเชื่อว่าภาวะโลกร้อนเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตามธรรมชาติ ในขณะที่เพียงเก้าเดือนก่อนหน้านี้ คิดเป็น 34 เปอร์เซ็นต์การสำรวจการสำรวจประจำปีเกี่ยวกับความสำคัญของประเด็นยี่สิบประเทศประชาชนอเมริกันพบว่าภาวะโลกร้อนอันดับตายสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า อัล กอร์ $ 300 ล้าน สายฟ้า ต. Boone Pickens และโฆษณาขายพลังงานลมในโทรทัศน์ไม่ได้มีเจตนาต่อความคิดเห็นของประชาชนนี้จะทำให้มันยิ่งแปลกประหลาดเมื่อไม่กี่นักวิทยาศาสตร์ออกมาบนขอบของภาวะโลกร้อนการวิจัยอ้างว่าเราอยู่ในกลางของวิกฤตภูมิอากาศ . นักวิทยาศาสตร์มากที่สุดร้องในเรื่องถูกนาซาเจมส์ แฮนเซน นักดาราศาสตร์ โดยการฝึกอบรมที่ได้เปิดตัวในบรรยากาศแบบและนักพัฒนาของหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่อุณหภูมิชุดข้อมูลเขาไม่ได้ขี้อายเกี่ยวกับการแสดงความเห็นของเขาในเรื่อง วันที่ 23 กันยายน 2551 แฮนเซ่นบอกผู้ชมหลายร้อยในโทพีกา , แคนซัส , ถ้าเราไม่ได้รับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้การควบคุมของเรา เรากำลังจะทำลายการสร้าง " วันที่ 23 มิถุนายน 2008 , ยี่สิบปีของเขาที่มีชื่อเสียง 1988 หลักฐานก่อนที่รัฐสภาแล้ววุฒิสมาชิกอัล กอร์เขาเขียนไว้ในบทบรรณาธิการผู้พิทักษ์ " เชื้อเพลิงฟอสซิลบริษัทรู้ว่าเรื่องราวเป็น ฉันคิดว่าพวกเขามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและธรรมชาติ " ในพยานก่อนที่คณะกรรมการไอโอวาสาธารณูปโภคที่ตุลาคม 22 , 2007 , ดร. แฮนเซนบอกขับรถผ่านรถไฟยาวโหลดกับถ่านหิน " ถ้าเราไม่สามารถหยุดสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินมากขึ้น " เขากล่าว" ถ่านหินรถไฟ จะเป็นรถไฟตาย–ไม่น่ากลัวกว่าถ้าพวกเขา boxcars ไปเผาศพ เต็มไปด้วยชนิดนับไม่ถ้วนทดแทน " แฮนเซนขอโทษในภายหลังสำหรับข้อความนี้หลังจากร้องเรียนที่คล้ายคลึงของเขาได้ trivialized ความหายนะที่แท้จริง ในเดือนมกราคม 2009 , ในวันรับตำแหน่งของประธานาธิบดีโอบามา แฮนเซ่น ประกาศว่า " เราไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้อีกต่อไปเราต้องไปบนเส้นทางใหม่ในการบริหารใหม่ เรามีเพียงสี่ปีจากโอบามายกตัวอย่างกับส่วนที่เหลือของโลก อเมริกาต้องใช้เวลารอคอย . " เหล่านี้เป็นงบหนาจริงๆ ดร. แฮนเซน เช่น อัล กอร์ ได้เรียกอารยะขัดขืน ขัดขวางการก่อสร้างของโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินมากขึ้น แน่นอนถ้า แฮนเซ่น ถูกต้อง และเรายังคงเหมือนเดิมกับการเผาไหม้ของถ่านหินและปิโตรเลียม จะไม่มีธรรมเนียมในการประกอบธุรกิจ จะมี ถ้าระบบภูมิอากาศเป็นสำคัญ ดร. แฮนเซ่นเชื่อว่า เราก็มีปัญหา และไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไปที่จะบันทึกตัวเองและส่วนที่เหลือของการสร้าง แต่ถ้าเขาผิดเราใช้ความเสี่ยงของการฆ่าล้านแท้จริงของประชาชน ความเสี่ยงที่ แฮนเซนและขวิดเตือนเกี่ยวกับทฤษฎี จากการคำนวณในแบบจำลองคอมพิวเตอร์ ในทางตรงกันข้าม ประวัติศาสตร์ได้สอนเราว่า ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความยากจนมีมากจริงๆ การลงโทษการใช้ของเราแหล่งพลังงานราคาถูกที่สุดจะทำลายทรัพย์สมบัติและจะนำไปสู่ความอดอยากหลายของโลกขาดอาหารล้านเพิ่มเติมจะกลายเป็นไวต่ออาหาร borne เจ็บป่วย ถ้าพวกเขาไม่สามารถซื้อตู้เย็น แล้วถ้าเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตบนโลก ผมจะอยู่ที่ความเป็นไปได้ในบทที่ 7 ในขณะที่หลายคนปรบมือให้ กอร์ และ แฮนเซ่น " ความกล้าหาญ " ในการพูดในภาวะโลกร้อน , ฉันไม่สามารถช่วย แต่เปรียบเทียบระหว่างพวกเขาตะโกนว่า " ไฟไหม้ !" ในโรง . ถ้าไม่มีไฟ คนอาจจะต้องการฆ่าให้วิ่งออก แต่ alarmists เหล่านี้ยังคงได้รับการยกย่องสรรเสริญและ showered กับรางวัล ฉันไม่จริงๆดูแลที่พลังงานของเรามาจาก ถ้าเราสามารถพัฒนาความสะอาดแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายก็ได้แข่งขัน .แต่ผมแคร์ ที่ เรา ได้ พลังงาน และหลายคนได้เข้าถึงที่เป็นไปได้ เมื่อเกือบหนึ่งพันล้านของโลกที่ยากจนไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า ปฏิเสธ พวกเขามีโอกาสที่จะได้รับมันในมุมมองของฉัน , ศีลธรรม สิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในแอฟริกา หรือ อินเดีย ได้ปิดกั้นการก่อสร้างเขื่อนพลังน้ำนั้นพรากคนจนเข้าถึง ไฟฟ้าที่เราใช้สำหรับการรับ รอยอินนิส , สิทธิทหารผ่านศึก และผู้นำของรัฐสภาของความเสมอภาคทางเชื้อชาติ ได้รับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่เขาอธิบายในหนังสือของเขาพลังงานพลังงานลงบัญชี , นักฆ่า : การต่อสู้สิทธิใหม่ไม่ดี นโยบายตามวิทยาศาสตร์เลวจะสลายทำร้ายคนจน และชนกลุ่มน้อย8 ความยากจนเป็นภัยคุกคามจริงมาก และมันมีอยู่ในวันนี้ บรรยากาศ alarmists ' ภัยคุกคามทางทฤษฎี และมันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และคงไม่มีวัน ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า มีใครเคยถูกฆ่าโดยมนุษย์ทั่วโลก แต่เราได้ทุกวัน หลักฐานที่ยากจนมาก ถ้า ดร. แฮนเซนถูกต้อง และมนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบภาวะโลกร้อนล่าสุดแล้วอะไรเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน และช่วงก่อนหน้านี้ละครเย็น ? ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ธรรมชาติ ตอนนี้ก็มี ถูกแทนที่โดยมนุษย์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ? เรื่องนี้ดูไม่น่าเป็นไปได้