Objective: Opposite of subjective,

Objective:
Opposite of subjective, external or observable, factual, precise, quantitative
Logical, created by an explicit rational procedure, absence of personal or arbitrary decisions, follows specific preestablished rules
Value Free:
Absence of any metaphysical values or assumptions; devoid of a priori philosophical elements, amoral
Lack of influence from personal prejudice or cultural values, devoid of personal opinion, no room for unsupported views, neutral
Unbiased:
Nonrandom error eliminate, absence of systematic error, technically correct
Lack of influence from personal prejudice or cultural values , devoid of personal opinion, no room for unsupported views, neutral
¬¬¬¬


Race would be meaningless if people did not attach such a social meaning to observable racial differences.
Other social researches have built on Weber‘s ideas. For example, Moore (1973) asked whether majority-group (e.g., Anglo, white) researchers, as “outsiders,” can accurately study racial minorities, since their questions, assumptions, and interests come from a dominant, nonminority perspective. Are the culture, values, and belief system of the dominant white culture appropriate for asking important questions and really understanding the subculture of racial minorities? Similar concerns have been raised regarding gender. 62 Being from a different culture may not preclude researching a group, but is calls for extra care and sensitivity from a researcher.
Weber (1949) also argued that social scientists cannot avoid taking stands on social issues they study. Researchers must be unbiased (i.e., neutral and devoid of personal opinion and unsupported views ) when applying accepted research techniques and focus on the means or mechanisms of how the social world works, not on ends, values, or normative goals. A researcher’s values must be separate from the findings, and he should advocate positions on specific issues only when speaking as a private citizen.
Gouldner (1976) attacked the notion of value-free, objective social science. He argued that the notion of value freedom was used in the past to disguise specific value positions. In fact, value freedom is itself a value-a value in favor of “value free.” Gouldner said that complete value other professionals use the term to hide their own values. He recommended making values explicit. A researcher can be motivated to do research by a desire to do more than dispassionately study the world. He can be motivated by a strong moral desire to effect change, which need not invalidate good research practice.
Mannheim (1936) also questioned the ideas of value neutrality and objectivity. He saw the intellectuals of a society, especially those involved in social research, as occupying a unique social role. A person’s social location in society shapes his or her ideas and viewpoints. Yet, social researchers are separate from other and are less shaped by their social position because they try to learn the viewpoints of other and empathize with all parts of society. Social researchers and intellectuals are not beholden to powerful elites, and they are also less subject to shifts in popular opinion, fads, and crazes. They can and should adopt a relational position-a position apart from any other specific social group, yet in touch with all groups. They should be detached or marginal in society, yet have connections with all parts of society, even parts that are often overlooked or hidden.
CONCLUTION
I want to end this chapter by urging you, as a consumer of social research or a new social researcher, to be self-aware. Be aware of the place of the thinking researcher in modern society ana of the societal context of social research itself. Social researcher and sociologists in particular, bring a unique perspective to the larger society. Social researchers have a responsibility and role as intellectuals in society. They need an awareness of how the society sciences acquired their current place in society . It is easier to understand many ethical and political issues if they are seen in the context of the historical development of the social sciences.
In Chapter 1, we discussed the distinctive contribution of science to modern society and how social research is a source of knowledge about the social world. The perspectives and techniques of social research can be powerful tools for understanding the world. Nevertheless, with that power comes responsibility-a responsibility to yourself, a responsibility to your sponsors, a responsibility to the community of researchers, and a responsibility to the larger society. These responsibilities can and do come into conflict with each other at times.
Ultimately, you personally must decide to conduct research in an ethical manner, to uphold and defend the principles of the social science approach you adopt, and to demand ethical conduct by other. The truthfulness of knowledge produced by social research and its use or misuse depends on individual researchers like you, reflecting on their actions and on how social research fits into society.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์:
ตรงข้ามของอัตนัยภายนอกหรือติดตาม, ข้อเท็จจริงที่แม่นยำปริมาณ
ตรรกะสร้างขึ้นโดยขั้นตอนที่มีเหตุผลที่ชัดเจนไม่มีการตัดสินใจส่วนบุคคลหรือโดยพลการตามกฎที่เฉพาะเจาะจง preestablished
ค่าฟรี:
ไม่มีค่าเลื่อนลอยหรือสมมติฐาน; ไร้องค์ประกอบปรัชญาเบื้องต้นไร้ศีลธรรม
ขาดอิทธิพลจากอคติส่วนบุคคลหรือคุณค่าทางวัฒนธรรมไร้ความเห็นส่วนตัวของห้องพักสำหรับมุมมองที่ไม่สนับสนุนไม่เป็นกลางที่เป็นกลาง

ข้อผิดพลาด nonrandom กำจัดข้อผิดพลาดที่ไม่มีระบบที่ถูกต้องในทางเทคนิค
ขาดอิทธิพลจากอคติส่วนบุคคลหรือคุณค่าทางวัฒนธรรมไร้ ความเห็นส่วนตัวของห้องพักได้รับการสนับสนุนสำหรับมุมมองที่ไม่เป็นกลาง
¬¬¬¬


การแข่งขันจะมีความหมายถ้าคนไม่ได้แนบดังกล่าวมีความหมายทางสังคมเพื่อความแตกต่างทางเชื้อชาติชัด.
งานวิจัยอื่น ๆ ในสังคมได้สร้างขึ้นในความคิดของเวเบอร์ ตัวอย่างเช่นมัวร์ (1973) ถามว่าส่วนใหญ่กลุ่ม (เช่นแองโกล, สีขาว) นักวิจัยเป็น "คนนอก" อย่างถูกต้องสามารถศึกษาชนกลุ่มน้อยเชื้อชาติตั้งแต่คำถามของพวกเขาสมมติฐานและความสนใจมาจากการที่โดดเด่นที่มุมมอง nonminority มีวัฒนธรรมค่านิยมและระบบความเชื่อของวัฒนธรรมที่โดดเด่นสีขาวที่เหมาะสมสำหรับการถามคำถามที่สำคัญและเข้าใจจริงๆวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยเชื้อชาติหรือไม่ ความกังวลที่คล้ายกันได้รับการยกเกี่ยวกับเพศ 62 คนที่มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างอาจจะไม่ได้หมายความว่าการวิจัยกลุ่ม แต่ก็เรียกร้องให้มีการดูแลเป็นพิเศษและความไวจากนักวิจัย.
เวเบอร์ (1949) นอกจากนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่านักวิทยาศาสตร์ทางสังคมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการยืนในประเด็นทางสังคมที่พวกเขาศึกษา นักวิจัยจะต้องมีความเป็นกลาง (คือเป็นกลางและปราศจากความเห็นส่วนตัวและมุมมองที่ได้รับการสนับสนุน) เมื่อใช้เทคนิคการวิจัยได้รับการยอมรับและให้ความสำคัญกับวิธีการหรือกลไกของวิธีการที่สังคมโลกการทำงานไม่ได้อยู่บนปลายค่านิยมหรือเป้าหมายกฎเกณฑ์ค่าของนักวิจัยจะต้องแยกออกจากผลการวิจัยและเขาควรจะสนับสนุนตำแหน่งในประเด็นเฉพาะเพียง แต่เมื่อพูดในฐานะที่เป็นพลเมืองส่วนตัว.
Gouldner (1976) โจมตีความคิดของมูลค่าฟรีสังคมศาสตร์วัตถุประสงค์ เขาแย้งว่าแนวความคิดของเสรีภาพค่าถูกนำมาใช้ในอดีตที่ผ่านมาในการปลอมตัวตำแหน่งค่าเฉพาะ ในความเป็นจริงเสรีภาพค่าตัวเองเป็นมูลค่าค่าในความโปรดปรานของ "ค่าฟรี." Gouldner กล่าวว่าค่าสมบูรณ์อาชีพอื่น ๆ ใช้คำว่าเพื่อซ่อนค่าของตัวเอง เขาแนะนำให้ทำค่าที่ชัดเจน นักวิจัยสามารถเป็นแรงบันดาลใจในการทำวิจัยด้วยความปรารถนาที่จะทำมากกว่า dispassionately ศึกษาโลก เขาสามารถได้รับการกระตุ้นโดยความปรารถนาทางศีลธรรมที่แข็งแกร่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่จำเป็นต้องทำให้การปฏิบัติงานวิจัยดี.
แมนไฮม์ (1936) นอกจากนี้ยังถามความคิดของความเป็นกลางและค่าเป้าหมาย เขาเห็นปัญญาชนของสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในการวิจัยทางสังคมที่ครอบครองบทบาททางสังคมที่ไม่ซ้ำกัน สถานทางสังคมของบุคคลในสังคมรูปร่างความคิดและมุมมองของเขาหรือเธอ ยังนักวิจัยทางสังคมจะแยกจากคนอื่น ๆ และมีรูปทรงที่น้อยลงโดยฐานะทางสังคมของพวกเขาเพราะพวกเขาพยายามที่จะเรียนรู้มุมมองของคนอื่นและเอาใจใส่กับทุกส่วนของสังคม นักวิจัยทางสังคมและปัญญาชนไม่ได้รับความเมตตาให้กับชนชั้นสูงที่มีประสิทธิภาพและพวกเขายังมีน้อยอาจมีการเปลี่ยนแปลงในความคิดเห็นที่นิยมแฟชั่นและ crazesพวกเขาสามารถและควรจะนำมาใช้ตำแหน่งตำแหน่งสัมพันธ์อื่น ๆ นอกเหนือจากกลุ่มสังคมที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ แต่ในการติดต่อกับทุกกลุ่ม พวกเขาควรจะถอดออกหรือชายขอบในสังคมยังมีการเชื่อมต่อกับทุกส่วนของสังคมแม้ชิ้นส่วนที่มักจะมองข้ามหรือซ่อน.

conclution ฉันต้องการที่จะจบบทนี้โดยการกระตุ้นให้คุณเป็นผู้บริโภคของการวิจัยทางสังคมหรือทางสังคมใหม่ นักวิจัยจะทราบตนเอง จะตระหนักถึงสถานที่ของนักวิจัยคิดที่ทันสมัย​​ในสังคม ana ของบริบททางสังคมของการวิจัยทางสังคมตัวเอง นักวิจัยทางสังคมและนักสังคมวิทยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งนำมุมมองที่ไม่ซ้ำกันให้กับสังคมขนาดใหญ่ นักวิจัยทางสังคมมีความรับผิดชอบและมีบทบาทในฐานะปัญญาชนในสังคมพวกเขาต้องตระหนักว่าวิทยาศาสตร์สังคมที่ได้มาสถานที่ปัจจุบันของพวกเขาในสังคม มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจประเด็นด้านจริยธรรมและการเมืองจำนวนมากถ้าพวกเขาจะเห็นในบริบทของการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของว​​ิทยาศาสตร์สังคม.
ในบทที่ 1 เราพูดถึงการมีส่วนร่วมที่โดดเด่นของวิทยาศาสตร์กับสังคมที่ทันสมัย​​และวิธีการวิจัยทางสังคมเป็นแหล่งที่มาของความรู้ เกี่ยวกับสังคมโลกมุมมองและเทคนิคของการวิจัยทางสังคมสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำความเข้าใจโลก แต่ด้วยพลังที่มาพร้อมความรับผิดชอบความรับผิดชอบให้กับตัวเองรับผิดชอบในการให้การสนับสนุนของคุณความรับผิดชอบต่อชุมชนของนักวิจัยและความรับผิดชอบต่อสังคมขนาดใหญ่ ความรับผิดชอบเหล่านี้และสามารถทำมาสู่ความขัดแย้งกับคนอื่น ๆ ในเวลาที่
.ในที่สุดคุณจะต้องตัดสินใจเองในการดำเนินการวิจัยอย่างมีจริยธรรมในการรักษาและปกป้องหลักการของวิธีการทางสังคมศาสตร์คุณนำมาใช้และจะเรียกร้องจริยธรรมโดยอื่น ๆ ความจริงของความรู้ที่เกิดจากการวิจัยทางสังคมและการใช้งานหรือการใช้งานจะขึ้นอยู่กับนักวิจัยแต่ละคนเหมือนที่คุณสะท้อนให้เห็นถึงการกระทำของพวกเขาและในการวิจัยทางสังคมควรเป็นสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์:
ฝั่งตรงข้ามกับภายนอกหรือ observable จริง แม่นยำ เชิงปริมาณตามอัตวิสัย
Logical สร้างขึ้น โดยวิธีเชือดชัดเจน ขาดงานส่วนบุคคล หรือกำหนดตัดสินใจ กฎ preestablished เฉพาะดังนี้
มูลค่าฟรี:
ขาดค่าขัดแย้งหรือสมมติฐาน ไร้ priori มีปรัชญาองค์ คุณธรรม
ขาดอิทธิพลจากอคติส่วนตัวหรือค่านิยมทางวัฒนธรรม ไร้ความเห็นส่วนตัว ห้องพักสำหรับมุมมองสนับสนุน กลาง
Unbiased:
กำจัดข้อผิดพลาด Nonrandom ขาดงานผิดพลาดระบบ เทคนิคถูกต้อง
ขาดอิทธิพลจากอคติส่วนตัวหรือค่านิยมทางวัฒนธรรม ไร้ความเห็นส่วนตัว ห้องพักสำหรับมุมมองสนับสนุน กลาง
¬¬¬


การแข่งขันจะไม่คนไม่แนบหมายสังคมกับ observable เชื้อชาติแตกต่างกัน
อื่น ๆ งานวิจัยสังคมได้สร้างขึ้นในความคิดของเวเบอร์ ตัวอย่าง มัวร์ (1973) ถามว่า นักวิจัยส่วนใหญ่กลุ่ม (เช่น Anglo ขาว) เป็น "บุคคลภายนอก การศึกษาคมิเชื้อชาติ อย่างถูกต้องเนื่องจากคำถามของพวกเขา สมมติฐาน และสนใจมาเป็น dominant มุมมองของ nonminority มีวัฒนธรรม ค่านิยม และระบบความเชื่อของวัฒนธรรมสีขาวโดดเด่นเหมาะสำหรับถามคำถามที่สำคัญ และทำความเข้าใจวัฒนธรรมของเชื้อชาติคมิจริง ๆ ได้รับการเลี้ยงคล้ายความกังวลเกี่ยวกับเพศ 62 อยู่จากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอาจห้ามการวิจัยกลุ่ม แต่เป็นโทรศัพท์สำหรับความไวและการดูแลพิเศษจากนักวิจัย
เวเบอร์ (1949) โต้เถียงนักวิทยาศาสตร์สังคมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการยืนในประเด็นทางสังคมที่พวกเขาศึกษา นักวิจัยต้องคน (เช่น กลาง และ devoid ไม่สนับสนุนมุมมองและความเห็นส่วนตัว) เมื่อใช้เทคนิควิจัย และเน้นวิธีการหรือกลไกของวิธีโลกสังคมงาน บนปลาย ค่า หรือ normative เป้าหมายไม่ ต้องแยกต่างหากจากผลการวิจัยของนักวิจัยค่า และเขาควรสนับสนุนตำแหน่งในประเด็นเฉพาะเมื่อพูดเป็นแบบส่วนตัวพลเมือง.
Gouldner (1976) โจมตีแนวคิดของสังคมค่าฟรี ประสงค์ เขาโต้เถียงว่า มีใช้แนวคิดของค่าอิสระในอดีตถูกค่าเฉพาะตำแหน่ง อันที่จริง ค่าอิสระเป็นเองค่าค่าที่สามารถ "ค่าฟรี" Gouldner กล่าวว่า ค่าสมบูรณ์ผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ใช้คำเพื่อซ่อนค่าของตนเอง เขาแนะนำให้ทำค่าชัดเจน นักวิจัยสามารถเป็นแรงจูงใจเพื่อการวิจัย โดยความปรารถนาที่จะทำได้มากกว่าศึกษาโลก dispassionately เขาสามารถเป็นแรงจูงใจ โดยแรงปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงลักษณะพิเศษ ทำซึ่งต้องไม่ให้ฝึกวิจัยดี.
มันน์ไฮม์ (ค.ศ. 1936) ยังไต่สวนความคิดของค่าความเป็นกลางและปรวิสัย เขาเห็นนักวิชาการสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยสังคม เป็นมีบทบาททางสังคมเฉพาะ ตำแหน่งทางสังคมของบุคคลในสังคมรูปร่างความคิดและมุมมองของเขา หรือเธอ ยัง นักวิจัยสังคมถูกแยกออกจากกันและไม่น้อยกว่ารูป โดยตำแหน่งทางสังคมของพวกเขา เพราะพวกเขาพยายามที่จะเรียนรู้มุมมองของอื่น และ empathize ทุกส่วนของสังคม นักวิจัยสังคมและนักวิชาการไม่ beholden จะร่ำรวยมีประสิทธิภาพ และพวกเขายังน้อยต้องกะความเห็นยอดนิยม fads และใน crazes พวกเขาสามารถ และควรนำมาใช้เชิงตำแหน่งได้มา จากอื่นสังคมกลุ่มใด ยังติดต่อ กับกลุ่มทั้งหมด พวกเขาควรจะเดี่ยว หรือกำไรในสังคม ยังมีการเชื่อมต่อกับทุกส่วนของสังคม แม้แต่ส่วนที่มักจะมองข้าม หรือซ่อน
CONCLUTION
อยากจะจบบทนี้ ด้วยการกระตุ้นให้คุณ เป็นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยหรือนักวิจัยทางสังคมใหม่ เป็น self-aware สามารถทราบถึงสถานที่ที่นักวิจัยคิดในอานาสังคมสมัยใหม่ของบริบทนิยมของมหาวิทยาลัยเอง นักวิจัยสังคมและพูดเฉพาะ นำมุมมองเฉพาะสังคมใหญ่ นักวิจัยทางสังคมมีความรับผิดชอบและบทบาทเป็นนักวิชาการในสังคม พวกเขาต้องการรับรู้ของวิธีวิทยาศาสตร์สังคมมาทำปัจจุบันในสังคม ง่ายต่อการเข้าใจปัญหาจริยธรรม และการเมืองมากถ้าพวกเขาจะเห็นในบริบทของการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของสังคมศาสตร์
ในบทที่ 1 เรากล่าวที่โดดเด่นของวิทยาศาสตร์กับสังคมสมัยใหม่และการวิจัยทางสังคมว่ามีความรู้เกี่ยวกับโลกทางสังคม มุมมองและเทคนิคการวิจัยทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพเครื่องมือในการทำความเข้าใจโลก อย่างไรก็ตาม กับ พลังงานมารับผิดชอบความรับผิดชอบได้ต่อตัวเอง ความรับผิดชอบของผู้สนับสนุน ความรับผิดชอบต่อสังคมของนักวิจัย และความรับผิดชอบต่อสังคมขนาดใหญ่ ความรับผิดชอบเหล่านี้สามารถ และมาขัดแย้งกันตลอดเวลา
ในที่สุด ตัวกันเพื่อดำเนินการวิจัยอย่างมีจริยธรรม ทำนุบำรุง และปกป้องหลักการของวิธีสังคมคุณใช้ และจริยธรรมต้องดำเนิน ด้วยกัน ความรู้ผลิตงานวิจัยทางสังคมและการใช้ หรือผิดขึ้นอยู่กับนักวิจัยแต่ละเช่นคุณ สะท้อนให้เห็นถึง การดำเนินการของพวกเขา และสังคมวิธีวิจัยเหมาะกับในสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป้าหมาย:
ทางฝั่งด้านตรงข้ามกับของอัตวิสัย ภายนอก หรือเห็นได้ตามความเป็นจริงได้อย่างแม่นยำเชิงปริมาณ
ตามมาตรฐานแบบลอจิกสร้างขึ้นโดยไม่มีขั้นตอนอย่างมีเหตุผลชัดเจนในการตัดสินใจตาม อำเภอ ใจหรือส่วนตัวดังนี้:ไม่มี:

ตามมาตรฐานกฎระเบียบ preestablished เฉพาะค่าแบบไม่เสียค่าบริการของการประมาณค่าสัมบูรณ์ใดๆหรือส่วนประกอบไร้ Priori ที่ทางปรัชญาของเขียน
ไม่มีการรับอิทธิพลจากอคติส่วนตัวหรือคุณค่าทางวัฒนธรรมไร้ความเห็นส่วนตัวไม่มีห้องสำหรับการรับชมวิวทิวทัศน์ที่ไม่สนับสนุนความเป็นกลาง
ตามมาตรฐาน:
nonrandom เกิดข้อผิดพลาดขจัดไม่มีข้อผิดพลาดอย่างเป็นระบบที่ถูกต้องทางด้านเทคนิค
ไม่มีอิทธิพลจากอคติส่วนตัวหรือคุณค่าทางวัฒนธรรมไร้ความเห็นส่วนตัวไม่มีห้องสำหรับการรับชมวิวทิวทัศน์ที่ไม่สนับสนุนอาจทำเป็นกลาง
อาจทำอาจทำอาจทำ


การแข่งขันจะไม่มีความหมายหากผู้คนไม่ติดความหมายทางสังคมเช่นในความแตกต่างทางเชื้อชาติเห็นได้.
การวิจัยทางสังคมอื่นๆได้สร้างขึ้นในความคิดของ Weber ตัวอย่างเช่นมัวร์( 1973 )ถามว่านักวิจัยส่วนใหญ่ - กลุ่ม(เช่นวัฒนธรรมชนพื้นเมืองลาตินสีขาว)เป็น"คนนอก"สามารถศึกษาได้อย่างแม่นยำชนกลุ่มน้อยกลุ่มเชื้อชาติมาตั้งแต่ความสนใจและสมมติฐานคำถามของพวกเขามาจากที่มีมุมมอง nonminority . มีระบบความเชื่อและค่านิยมวัฒนธรรมของวัฒนธรรมสีขาวเป็นหลักที่เหมาะสมกับการถามคำถามที่สำคัญและจริงๆแล้วก็ทำความเข้าใจ subculture ของชนกลุ่มน้อยทางด้านเชื้อชาติ ข้อกังวลเดียวกันได้รับการยกขึ้นเกี่ยวกับเรื่องเพศ 62 การจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันที่อาจไม่ได้ห้ามกลุ่มวิจัยแต่เป็นการโทรสำหรับความไวแสงและการดูแลเป็นพิเศษจากนักวิจัย.
Weber (ปี 1949 )ยังให้เหตุผลว่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ทางสังคมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตั้งอยู่บนประเด็นทางสังคมที่การศึกษา นักวิจัยจะต้องได้รับความเป็นกลาง(เช่นเป็นกลางและไร้ความเห็นส่วนตัวและมีวิวทิวทัศน์ที่ไม่สนับสนุน)เมื่อใช้เทคนิคการวิจัยได้รับการยอมรับและให้ความสำคัญกับวิธีการหรือกลไกของสังคมโลกได้อย่างไรที่จะทำงานไม่ได้อยู่ที่ปลายค่าหรือเป้าหมายเป็นบรรทัดฐานค่าของนักวิจัยที่จะต้องเป็นแบบแยกพื้นที่จากการค้นพบและเขาควรจะสนับสนุนตำแหน่งในปัญหาที่ระบุเท่านั้นในการสื่อสารกับประชาชนส่วนตัว.
gouldner ( 1976 )ถูกโจมตีความคิดของวิทยาศาสตร์ทางสังคมโดยมีวัตถุประสงค์ค่า - แบบไม่เสียค่าบริการ เขาให้เหตุผลว่าความคิดที่จะใช้ความเป็นอิสระในอดีตเพื่อปลอมแปลงตำแหน่งค่าเฉพาะ ในความเป็นจริงแล้วอิสระในค่าตัวของมันเองเป็นค่าความคุ้มค่า - ที่เป็นที่นิยมใน"มูลค่า" gouldner กล่าวว่าเสร็จสมบูรณ์ผู้เชี่ยวชาญอื่นๆมูลค่าการใช้คำเพื่อซ่อนค่าของตัวเอง เขาแนะนำให้ทำให้ค่าอย่างชัดเจน นักวิจัยสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำวิจัยด้วยความปรารถนาที่จะทำอะไรได้มากกว่ากว่าประจำการศึกษาระดับโลกได้ เขาสามารถสร้างแรงจูงใจโดยทางศีลธรรมอันดีความปรารถนาดีที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่จำเป็นต้องส่งผลให้การปฏิบัติการวิจัยที่ดี.
Mannheim ( 1936 )นอกจากนี้ยังถามความคิดของวัตถุและความเป็นกลางความคุ้มค่า เขาเห็นปัญญาชนของสังคมโดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการวิจัยทางสังคมเป็นผู้ครอบครองมีบทบาททางสังคมที่โดดเด่น มีที่ตั้งทางสังคมของคนในสังคมหรือรูปร่างของเธอเปิดรับความคิดเห็นและความคิดของเขา ยังไม่นักวิจัยของทางสังคมถูกแยกพื้นที่ออกจากกันและมีน้อยรูปโดยตำแหน่งทางสังคมของพวกเขาเพราะพวกเขาพยายามที่จะเรียนรู้เปิดรับความคิดเห็นของผู้อื่นและ empathize พร้อมด้วยส่วนพื้นที่ทั้งหมดของสังคม ปัญญาชนและนักวิจัยทางสังคมไม่ได้มรดกชนชั้นสูงที่มีอำนาจและพวกเขายังไม่ขึ้นอยู่กับกะได้รับความนิยมในความเห็นและ ภูมิอากาศพวกเขาสามารถทำได้และควรปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่ประกอบไปด้วยตำแหน่งที่แตกต่างไปจากกลุ่มอื่นๆทางสังคมที่มีลักษณะเฉพาะแต่ในการติดต่อกับทุกกลุ่ม ควรจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือเศษในสังคมแต่ยังมีการเชื่อมต่อกับส่วนพื้นที่ทั้งหมดของสังคมแม้ชิ้นส่วนที่ได้รับมักมองข้ามหรือถูกซ่อนอยู่.

conclution ฉันต้องการจบบทนี้โดยเรียกร้องให้คุณเป็น ผู้บริโภค ของการวิจัยทางสังคมหรือเป็นนักวิจัยทางสังคมใหม่เป็นแบบบริการตัวเอง - ตระหนักถึง คุณควรตระหนักถึงของสถานที่แห่งนี้ของนักวิจัยคิดว่าในสังคมที่ทันสมัย ANA บริบทของสังคมที่มีการวิจัยทางสังคม นักสังคมศาสตร์และนักวิจัยทางสังคมในแต่ละรุ่นโดยเฉพาะนำมุมมองของ ภาพ ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในสังคมมีขนาดใหญ่กว่า นักวิจัยทางสังคมมีบทบาทและความรับผิดชอบที่เป็นปัญญาชนในสังคมพวกเขาต้องการความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สังคมที่ได้รับในปัจจุบันที่ในสังคมของพวกเขา จะทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจปัญหาและมีจริยธรรมทางการเมืองจำนวนมากหากพวกเขาได้รับการมองว่าในบริบทของการพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของทางสังคมศาสตร์ที่.
ในบทที่ 1 เราได้กล่าวถึงบทบาทที่โดดเด่นของวิทยาศาสตร์เพื่อสังคมที่ทันสมัยและการวิจัยทางสังคมเป็นแหล่งที่มาของความรู้เกี่ยวกับโลกสังคมเทคนิคและมุมมองของการวิจัยทางสังคมสามารถเป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลก แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังพร้อมด้วยที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อ - ความรับผิดชอบให้ตัวคุณเองเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหลักของคุณกับผู้สนับสนุนที่ให้กับชุมชนของนักวิจัยและความรับผิดชอบต่อสังคมมีขนาดใหญ่กว่า ความรับผิดชอบเหล่านี้สามารถทำได้และไม่ต้องมาเข้าสู่ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ด้วยกันในช่วงเวลา.
ในท้ายที่สุดคุณเป็นการส่วนตัวจะต้องตัดสินใจในการทำการวิจัยในลักษณะทางจริยธรรมที่จะส่งเสริมและรักษาหลักการของวิทยาศาสตร์ทางสังคมที่เข้ามาถามคุณใช้และความต้องการปฏิบัติตนอย่างอื่น เป็นความจริงที่ผลิตขึ้นในความรู้โดยการวิจัยทางสังคมและนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือใช้ของตนขึ้นอยู่กับนักวิจัยของบุคคลเช่นคุณสะท้อนถึงการกระทำของตนได้อย่างไรและในการวิจัยทางสังคมกับสังคม