) ขึ้นที่จานหน้า (chain wheel หรือ

) ขึ้นที่จานหน้า (chain wheel หรือ chainring) หมุนด้วยความเร็วเชิงมุม (angular velocity) ω0 ดังรูปที่ 2 แต่จานหน้ากับเฟืองหลัง (rear sprocket) ที่เชื่อมโยงกันโดยโซ่ (chain) เป็นเหมือนกับระบบรอก (pulley system) นั่นเอง ทอร์คที่ถูกสร้างขึ้นที่จานหน้าจึงสามารถถ่ายทอดไปที่ล้อหลังได้ ทำให้ล้อหลังหมุนด้วยความเร็วเชิงมุม ω และความเร่งเชิงมุม (angular acceleration) α ซึ่งจะส่งผลให้รถจักรยานมีความเร่งเชิงเส้น (linear acceleration) a เป็นไปตามสมการที่ 1 ต่อไปนี้ a = FpR IG

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

) ขึ้นที่จานหน้า (โซ่ล้อหรือ chainring) หมุนด้วยความเร็วเชิงมุม (ความเร็วเชิงมุม) ω0 ดังรูปที่ 2 แต่จานหน้ากับเฟืองหลัง (หนามเตยหลัง) ที่เชื่อมโยงกันโดยโซ่ (โซ่) เป็นเหมือนกับระบบรอก (ระบบรอก) นั่นเองทอร์คที่ถูกสร้างขึ้นที่จานหน้าจึงสามารถถ่ายทอดไปที่ล้อหลังได้ทำให้ล้อหลังหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมωและความเร่งเชิงมุม (เร่งความเร็วเชิงมุม) αซึ่งจะส่งผลให้รถจักรยานมีความเร่งเชิงเส้น (เร่งความเร็วเชิงเส้น) ต่อไปนี้เป็นไปตามสมการที่ 1 ตัว = FpR IG

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

) ขึ้นที่จานหน้า (โซ่ล้อหรือ chainring) หมุนด้วยความเร็วเชิงมุม (ความเร็วเชิงมุม) ω0ดังรูปที่ 2 แต่จานหน้ากับเฟืองหลัง (ด้านหลังเฟือง) ที่เชื่อมโยงกันโดยโซ่ (โซ่) เป็นเหมือนกับระบบรอก (ระบบรอก ) นั่นเอง ωและความเร่งเชิงมุม (การเร่งความเร็วเชิงมุม) α (เร่งเชิงเส้น) เป็นไปตามสมการที่ 1 ต่อไปนี้ = FPR IG

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

) ขึ้นที่จานหน้า ( โซ่ chainring ค็อคล้อ ) หมุนด้วยความเร็วเชิงมุม ( ความเร็วเชิงมุม ) ω 0 ดังรูปที่ 2 แต่จานหน้ากับเฟืองหลัง ( เฟืองหลัง ) ที่เชื่อมโยงกันโดยโซ่ ( โซ่ ) เป็นเหมือนกับระบบรอก ( ระบบลูกรอก ) นั่นเองทำให้ล้อหลังหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมωและความเร่งเชิงมุม ( ความเร่งเชิงมุม ) αซึ่งจะส่งผลให้รถจักรยานมีความเร่งเชิงเส้น ( ความเร่งเชิงเส้น ) เป็นไปตามสมการที่ 1 ต่อไปนี้ = fpr อิก