The concept of differentiation goes

The concept of differentiation goes back to the seminal work on
monopolistic competition of Chamberlin (1933), who highlighted
that customers may have different preferences among available
products within the same industry. Along this line, Porter (1980)
later popularized the generic strategy of differentiation when
a firm creates something tangible or intangible that is perceived as
“being unique” by at least one set of customers. Thus, it is the
customers’ perceptions what determines the extent of product
differentiation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนวคิดของการสร้างความแตกต่างกลับไปทำงานบรรลุถึงบน
Chamberlin (1933), ที่เน้นแข่งขัน monopolistic
ว่า ลูกค้าอาจมีลักษณะแตกต่างกันระหว่างว่าง
ผลิตภัณฑ์ภายในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ ตามนี้บรรทัด กระเป๋า (1980)
popularized กลยุทธ์ทั่วไปของการสร้างความแตกต่างในภายหลังเมื่อ
firm การสร้างสิ่งที่จับต้องได้ หรือไม่มีตัวตนที่ถือว่าเป็น
"มีเฉพาะ" โดยตั้งของลูกค้า ดังนั้น จึงจะ
ลูกค้าเข้าใจอะไรเป็นตัวกำหนดขอบเขตของผลิตภัณฑ์
สร้างความแตกต่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวคิดของความแตกต่างกลับไปที่งานที่เกี่ยวกับ
การแข่งขันผูกขาดของแชมเบอร์ (1933) ซึ่งเน้น
ที่ลูกค้าอาจมีความต้องการที่แตกต่างกันสามารถใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตามแนวนี้พอร์เตอร์ (1980)
ต่อมาความนิยมกลยุทธ์ทั่วไปของความแตกต่างเมื่อ
บริษัท สร้างบางสิ่งบางอย่างที่มีตัวตนหรือไม่มีตัวตนที่ถูกมองว่าเป็น
"การที่ไม่ซ้ำกัน" อย่างน้อยหนึ่งชุดของลูกค้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่อง
การรับรู้ของลูกค้าสิ่งที่กำหนดขอบเขตของผลิตภัณฑ์ที่
แตกต่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนวคิดของการกลับไปทํางานที่รู้จักในการแข่งขันผูกขาดของคะ

( 1933 ) ซึ่งเน้นที่ลูกค้าอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่
ภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตามบรรทัดนี้ Porter ( 1980 )
ต่อมาความนิยมกลยุทธ์ทั่วไปของความแตกต่างเมื่อการสร้างสิ่งที่มีตัวตนหรือไม่มีตัวตนจึง RM ซึ่งถูกรับรู้ว่าเป็น
" เฉพาะ " อย่างน้อยหนึ่งชุดของลูกค้า ดังนั้น มันคือการรับรู้ของลูกค้า
สิ่งที่กำหนดขอบเขตของความแตกต่างของสินค้า