4. DiscussionHuman behavioral scien

4. Discussion
Human behavioral science has developed studies on health behavior since more than sixty years ago. Oral health
behavior consists of individual and professional care, and includes toothbrushing, dental flossing, using
mouthwashes and visiting a dentist. The Oral self-care practice is an effective preventive measure for maintaining
good individual oral health which is an integral part of one’s general health. His main aim is to remove dental
plaque, the essential determinant of dental decays, gum and periodontal disease.
Several previous studies (Ostberg, Halling, & Lindblad, 1999; Nanakorn et al., 1999) have showed major
differences between oral health behaviors in male and female students: females possesses a greater interest in oral
health, engage in better oral hygiene behavior oral measures, visited their dentists and brushed their teeth more often
than males. In this study were not significant differences between males and females with regard to toothbrushing
and flossing frequency, mouth rinsing or dental visits (reason for visit or frequency). Oral health behavior may be
determined during childhood, and may be well developed in young persons who have decided to follow medical and
dental sciences. They would thus be more concerned about their oral health, visiting the dentist and would tend to be
more educated about their dentition even before entering to the undergraduate studies. Hence, we found that females
reported higher values on perceived severity and self-efficacy and lower values on perceived barriers regarding oral
health behaviors, most probably to their concern in body appearance.
Exploratory regression analyses revealed, in both males and females, self-efficacy as predictor of oral health
behaviors. This is not surprising as self-efficacy, or judgment about ability to perform certain behaviors, is an
important basis for action: persons with a high sense of efficacy tend to set higher goals, persist longer at tasks
despite obstacles, and devote more effort and energy to the task compared to those without a strong sense of efficacy
(Bandura & Locke, 2003).
Self-efficacy should be considered when designing practical recommendations for improving oral health
behaviors (Stretcher, DeVellis, Becker, & Rosenstock, 1986). Once the dentist has identified the patient’s selfmotivation
for changing the oral health behavior(s), the changes that need to be made will be explored and subtly

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

4. DiscussionHuman behavioral science has developed studies on health behavior since more than sixty years ago. Oral healthbehavior consists of individual and professional care, and includes toothbrushing, dental flossing, usingmouthwashes and visiting a dentist. The Oral self-care practice is an effective preventive measure for maintaininggood individual oral health which is an integral part of one’s general health. His main aim is to remove dentalplaque, the essential determinant of dental decays, gum and periodontal disease.Several previous studies (Ostberg, Halling, & Lindblad, 1999; Nanakorn et al., 1999) have showed majordifferences between oral health behaviors in male and female students: females possesses a greater interest in oralhealth, engage in better oral hygiene behavior oral measures, visited their dentists and brushed their teeth more oftenthan males. In this study were not significant differences between males and females with regard to toothbrushingand flossing frequency, mouth rinsing or dental visits (reason for visit or frequency). Oral health behavior may bedetermined during childhood, and may be well developed in young persons who have decided to follow medical anddental sciences. They would thus be more concerned about their oral health, visiting the dentist and would tend to bemore educated about their dentition even before entering to the undergraduate studies. Hence, we found that femalesรายงานค่าสูงในการรับรู้ความรุนแรงและตนเองประสิทธิภาพ และต่ำกว่าค่าในอุปสรรครับรู้เกี่ยวกับช่องปากพฤติกรรมสุขภาพ การกังวลของพวกเขาในลักษณะร่างกายที่วิเคราะห์ถดถอยเชิงบุกเบิกเปิดเผย ทั้งชายและหญิง ประสิทธิภาพตนเองเป็นผู้ทายผลของสุขภาพช่องปากลักษณะการทำงาน ไม่น่าแปลกใจเป็นประสิทธิภาพตนเอง หรือตัดสินเกี่ยวกับความสามารถในการทำพฤติกรรมบางอย่าง การพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินการ: ผู้ มีความประสิทธิภาพสูงมักจะ ตั้งเป้าหมายสูง คงอยู่อีกต่อไปที่งานแม้ มีอุปสรรค และทุ่มเทความพยายามมากขึ้นและพลังงานงานเปรียบเทียบกับที่ไม่มีความรู้ความสามารถของประสิทธิภาพ(Bandura & ล็อก 2003)ควรพิจารณาตนเองประสิทธิภาพเมื่อมีการออกคำแนะนำการปฏิบัติสำหรับการปรับปรุงสุขภาพของช่องปากพฤติกรรม (เปลหาม DeVellis, Becker และ Rosenstock, 1986) เมื่อหาหมอฟันได้ระบุ selfmotivation ของผู้ป่วยสำหรับการเปลี่ยน behavior(s) สุขภาพช่องปาก จะสำรวจการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต้องทำ และรายละเอียด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4.
อภิปรายมนุษย์พฤติกรรมวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพตั้งแต่กว่าหกสิบปีที่ผ่านมา สุขภาพช่องปากพฤติกรรมประกอบด้วยการดูแลของแต่ละบุคคลและเป็นมืออาชีพและรวมถึงการแปรงฟัน, ไหมขัดฟันทันตกรรมโดยใช้น้ำยาและเยี่ยมชมทันตแพทย์ การปฏิบัติดูแลตนเองในช่องปากเป็นมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีสุขภาพของแต่ละบุคคลในช่องปากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพโดยทั่วไปของคน ๆ หนึ่ง จุดมุ่งหมายหลักของเขาคือการเอาฟัน. คราบจุลินทรีย์เป็นปัจจัยสำคัญของการสูญสลายฟันเหงือกและโรคปริทันต์ศึกษาก่อนหน้านี้หลายคน(Østberg, Halling และ Lindblad 1999. Nanakorn, et al, 1999) ได้แสดงให้เห็นความสำคัญแตกต่างระหว่างพฤติกรรมสุขภาพในช่องปากนักเรียนชายและหญิง: หญิงครอบครองสนใจมากขึ้นในช่องปากสุขภาพส่วนร่วมในพฤติกรรมสุขภาพช่องปากที่ดีกว่ามาตรการในช่องปากเยี่ยมทันตแพทย์ของพวกเขาและแปรงฟันของพวกเขาบ่อยขึ้นกว่าเพศชาย ในการศึกษานี้ไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเพศชายและหญิงในเรื่องเกี่ยวกับการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันความถี่ปากล้างหรือเข้าชมฟัน (เหตุผลสำหรับการเยี่ยมชมหรือความถี่) พฤติกรรมสุขภาพช่องปากที่อาจจะกำหนดในช่วงวัยเด็กและอาจจะพัฒนาได้ดีในคนหนุ่มสาวที่ได้ตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ทางทันตกรรม พวกเขาจึงจะมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของพวกเขาไปเยือนทันตแพทย์และจะมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับฟันของพวกเขาแม้ก่อนที่จะเข้าไปศึกษาระดับปริญญาตรี ดังนั้นเราจึงพบว่าเพศหญิงรายงานค่าที่สูงขึ้นอยู่กับความรุนแรงการรับรู้และการรับรู้ความสามารถตนเองและค่านิยมที่ลดลงในการรับรู้อุปสรรคเกี่ยวกับช่องปากพฤติกรรมสุขภาพส่วนใหญ่อาจจะกังวลของพวกเขาในลักษณะร่างกาย. การวิเคราะห์การถดถอยสำรวจเผยให้เห็นทั้งในเพศชายและเพศหญิงรับรู้ความสามารถของตนเอง เป็นปัจจัยบ่งชี้ของสุขภาพช่องปากพฤติกรรม นี้ไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจรับรู้ความสามารถของตนเองหรือการตัดสินเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินการพฤติกรรมบางอย่างเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดำเนินการ: บุคคลที่มีความรู้สึกที่สูงของการรับรู้ความสามารถมีแนวโน้มที่จะกำหนดเป้าหมายที่สูงขึ้นยังคงมีอยู่อีกต่อไปที่งานแม้จะมีอุปสรรคและทุ่มเทความพยายามมากขึ้นและพลังงานกับงานเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีความรู้สึกของการรับรู้ความสามารถ(Bandura และล็อค, 2003). การรับรู้ความสามารถตนเองควรได้รับการพิจารณาเมื่อออกแบบคำแนะนำการปฏิบัติสำหรับการปรับปรุงสุขภาพช่องปากพฤติกรรม (เปล, DeVellis เบกเกอร์และ Rosenstock, 1986) เมื่อทันตแพทย์ได้ระบุ selfmotivation ของผู้ป่วยสำหรับการเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในช่องปาก(s), การเปลี่ยนแปลงที่จะต้องทำจะได้รับการสำรวจอย่างละเอียดและ