Illegal drug trade in Colombia (Spa

Illegal drug trade in Colombia (Spanish: Narcotráfico en Colombia) refers to a practice of Colombian criminal groups of producing and distributing illegal drugs. Colombia has had four major drug trafficking cartels and several bandas criminales, or BACRIMs[1] which eventually created a new social class and influenced several aspects of Colombian culture and politics.

The Colombian government efforts to reduce the influence of drug related criminal organizations is one of the origins of the Colombian conflict, an ongoing low intensity war among rival narco-paramilitary groups, guerrillas and drug cartels fighting each other to increase their influence and against the Colombian government that struggles to stop them.

Coca, marijuana and other drugs had been part of the lifestyle of some Colombians, but the worldwide demand of psychoactive drugs during the 1960s and 1970s eventually increased the production and processing of these in Colombia. Cocaine is produced at $1500/kilo in jungle labs and could be sold on the streets of America for as much as $50,000/kilo.[2] The initial boom in production of drugs in Colombia for export began with marijuana in the 1960s, followed by cocaine in the mid- to late-1970s. The USA intervened in Colombia throughout this period in an attempt to cut off the supply of these drugs to the US. The drug barons of Colombia, such as Pablo Escobar and Carlos Lehder were long considered by authorities to be among the most dangerous, wealthy and powerful men in the world.

As of 2013 Colombia remains the world's largest cocaine producer.[3]

Since the establishment of the War on Drugs, the United States and European countries have provided financial, logistical, tactical and military aid to the government of Colombia in order to implement plans to combat the illegal drug trade. The most notable of these programs has been the Plan Colombia which also intended to combat leftist organizations, such as the FARC guerrillas, who have controlled many coca-growing regions in Colombia over the past decades.

Despite Colombia having the dubious distinction of being the world leading producer of coca for many years[4] those plans, slowly but surely, diminished the drug produced, to the extent that in 2010 the country reduced cocaine production by 60%, relative to the peak in 2000. In that same year, Peru surpassed Colombia as the main producer of coca leaves in the world.[5] The level of drug related violence was halved in the last 10 years and dropped below that of countries like Honduras, Jamaica, El Salvador, Venezuela, Guatemala and Trinidad and Tobago[6]

Colombia has acted in a more aggressive way than most of the countries signatories of the 1988 Vienna Convention Against Illicit Traffic in Narcotic Drugs and Psychotropic Substances, by including chemicals and drug precursors, that are freely traded in the rest of the world, in the list of nationally controlled substances.[7] Notwithstanding the internal production of drugs, the rate of internal consumption in Colombia is smaller than the one presented in the United States and in many of the countries of the European Union and the absolute drug consumption is even smaller.[8]

Given the fact that the population of the United States is the largest user of illegal drugs in the world, with one in six citizens claiming to have used cocaine in their life,[9] the United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC), after reviewing the efficiency of the actions taken by the Colombian government for more than 20 years, has called for the coke consuming countries - mostly in Europe and North America - to take their share of responsibility and reduce demand for cocaine,[5] explaining that there are limits to what the Andean governments can do if cocaine consumption continues unabated, a position that has been maintained by the Colombian government for many years and recently accepted by the United States government.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ค้ายาเสพติดผิดกฎหมายในโคลอมเบีย (สเปน: Narcotráfico น้ำโคลัมเบีย) หมายถึงการปฏิบัติของกลุ่มอาชญากรรมโคลัมเบียผลิต และกระจายยาเสพติด โคลัมเบียมี cartels ค้ายาเสพติดหลักสี่ และหลาย bandas criminales หรือ BACRIMs [1] ซึ่งสร้างชนชั้นใหม่ และอิทธิพลด้านวัฒนธรรมโคลัมเบียและเมืองต่าง ๆ ในที่สุดความพยายามของรัฐบาลโคลัมเบียเพื่อลดอิทธิพลของยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมเป็นต้นกำเนิดของความขัดแย้งโคลัมเบีย สงครามความเข้มต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นกลุ่มทหารพราน narco คู่แข่ง พวก และยา cartels ต่อสู้กันเพื่อเพิ่มอิทธิพล และต่อ ต้านรัฐบาลโคลัมเบียที่ struggles หยุดพวกเขาอย่างใดอย่างหนึ่งโค้ก กัญชา และยาอื่น ๆ ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของ Colombians บาง แต่ความต้องการทั่วโลกของยาออกในช่วงปี 1960 และทศวรรษ 1970 ก็เพิ่มการผลิตและการประมวลผลเหล่านี้ในโคลัมเบีย โคเคนผลิตที่ $1500/ กิโลในแล็บป่า และสามารถขายบนท้องถนนของอเมริกาถึง $ 50000/กิโล[2] บูมเริ่มต้นในการผลิตยาเสพติดในโคลัมเบียสำหรับการส่งออกเริ่ม ด้วยกัญชาในปี 1960 ตาม ด้วยโคเคนในกลาง - ไปปลายทศวรรษที่ 1970 สหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงในโคลัมเบียตลอดช่วงเวลานี้ในความพยายามที่จะตัดอุปทานของยาเหล่านี้ไปยังสหรัฐอเมริกา ขุนนางครั้งยาของโคลัมเบีย ปาโบล Escobar และ Carlos Lehder ได้นานถือ โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ชายสุดอันตราย มั่งคั่ง และมีประสิทธิภาพในโลกณ 2013 โคลอมเบียยังคง ผลิตโคเคนที่ใหญ่ที่สุดในโลก[3]นับตั้งแต่ก่อตั้งของสงครามยาเสพติด ประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน logistical ยุทธวิธี และทหารรัฐบาลโคลอมเบียเพื่อดำเนินแผนในการต่อสู้กับการค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย สุดโดดเด่นของโปรแกรมเหล่านี้ได้แผนโคลัมเบียซึ่งวัตถุประสงค์ในการต่อสู้กับทั้งองค์กร เช่นพวก FARC ที่ควบคุมหลายโค้กเติบโตภูมิภาคในโคลัมเบียกว่าทศวรรษที่ผ่านแม้จะมีความแตกต่างไม่แน่นอนของการเป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลกของโค้กหลายปี [4] โคลอมเบียแผนเหล่านั้น ช้า แต่แน่ นอน ลดลงผลิต ยาเสพติดที่ในปี 2553 ประเทศลดผลิตโคเคน โดย 60% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในปี 2000 ในปีเดียวกัน เปรูแล้วโคลัมเบียเป็นโปรดิวเซอร์หลักของโค้กใบในโลก[5] ระดับของยาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงถูกแบ่งครึ่งใน 10 ปี และลดลงต่ำกว่าที่ประเทศฮอนดูรัส ประเทศจาเมกา เอลซัลวาดอร์ เวเนซุเอลา ประเทศกัวเตมาลา และประเทศตรินิแดดและโตเบโก [6]โคลอมเบียได้ดำเนินในทางก้าวร้าวขึ้นมากลงนามประเทศ 1988 เวียนนาประชุมกับผิดกฎหมายจราจรในการเสพยาเสพติดและสาร Psychotropic โดยการรวมสารเคมีและยา precursors ที่ได้อย่างอิสระจะซื้อขายในส่วนเหลือของโลก ในรายการของผลงานควบคุมสาร[7] อย่างไรก็ตามภายในผลิตยา อัตราการบริโภคภายในประเทศโคลัมเบียที่มีขนาดเล็กกว่าหนึ่งแสดง ในสหรัฐอเมริกา และ ในหลายประเทศของสหภาพยุโรป และใช้ยาแน่นอนมีขนาดเล็กได้[8]ให้ความจริงที่ว่าประชากรของสหรัฐอเมริกาผู้ใช้ไม่ถูกต้องที่สุด drugs ในโลก ที่มีประชาชนหนึ่งในหกที่อ้างการใช้โคเคนในชีวิตของพวกเขา, [9] สหประชาชาติสำนักงานยาเสพติด และอาชญากรรม (UNODC), หลังจากการตรวจสอบประสิทธิภาพของการดำเนินการ โดยรัฐบาลโคลัมเบียมากว่า 20 ปี มีเรียกโค้กใช้ประเทศ - ส่วนใหญ่ในยุโรปและอเมริกาเหนือ - จะกันความรับผิดชอบ และ ลดความต้องการโคเคน, [5] อธิบายว่า มีวงเงิน Andean รัฐบาลทำอย่างไรถ้าใช้โคเคนยังคงคงที่ ตำแหน่งที่ได้รับการดูแล โดยรัฐบาลโคลัมเบียหลายปี และล่าสุด ที่ยอมรับ โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมายในโคลัมเบีย (สเปน: Narcotráfico en โคลอมเบีย) หมายถึงการปฏิบัติของกลุ่มอาชญากรโคลอมเบียผลิตและจำหน่ายยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย โคลอมเบียมีสี่แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่และ Bandas หลาย criminales หรือ BACRIMs [1] ซึ่งในที่สุดสร้างชั้นทางสังคมใหม่และได้รับอิทธิพลหลายแง่มุมของวัฒนธรรมโคลอมเบียและการเมือง. ความพยายามของรัฐบาลโคลอมเบียเพื่อลดอิทธิพลของยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมเป็นหนึ่ง ของต้นกำเนิดของความขัดแย้งโคลอมเบีย, สงครามความเข้มต่ำอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม Narco-ทหารคู่แข่งกองโจรและแก๊งค้ายาเสพติดการต่อสู้แต่ละอื่น ๆ เพื่อเพิ่มอิทธิพลของตนและต่อต้านรัฐบาลโคลอมเบียที่ต้องดิ้นรนเพื่อหยุดพวกเขา. โคคากัญชาและยาเสพติดอื่น ๆ ที่ได้รับ ส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของโคลัมเบียบาง แต่ความต้องการทั่วโลกของยาเสพติดทางจิตในระหว่างปี 1960 และ 1970 ในที่สุดเพิ่มกำลังการผลิตและการประมวลผลเหล่านี้ในโคลัมเบีย โคเคนผลิตที่ $ 1,500 / กิโลกรัมในห้องปฏิบัติการป่าและอาจจะขายบนถนนของอเมริกาสำหรับเท่าที่ $ 50,000 / กิโล. [2] บูมเริ่มต้นในการผลิตยาเสพติดในโคลัมเบียเพื่อการส่งออกเริ่มมีกัญชาในปี 1960 ตามมาด้วย โคเคนในช่วงกลางถึงปลายปี 1970 สหรัฐอเมริกาแทรกแซงในโคลัมเบียตลอดช่วงเวลานี้ในความพยายามที่จะตัดอุปทานของยาเสพติดเหล่านี้ไปยังสหรัฐอเมริกา ยักษ์ใหญ่ยาเสพติดของโคลัมเบียเช่นปาโบลเอสโกบาร์และคาร์ล Lehder ได้รับการพิจารณาเป็นเวลานานโดยเจ้าหน้าที่จะอยู่ในหมู่ที่อันตรายที่สุดคนร่ำรวยและมีประสิทธิภาพในโลก. ณ 2013 โคลอมเบียยังคงผลิตโคเคนใหญ่ที่สุดในโลก. [3] นับตั้งแต่การก่อตั้ง ของสงครามกับยาเสพติด, สหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปได้ให้ทางการเงินจิสติกส์, ความช่วยเหลือทางยุทธวิธีและการทหารกับรัฐบาลของโคลัมเบียในเพื่อที่จะใช้แผนการที่จะต่อสู้กับการค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย ที่โดดเด่นที่สุดของโปรแกรมเหล่านี้ได้รับการแผนโคลัมเบียซึ่งยังตั้งใจที่จะต่อสู้กับองค์กรฝ่ายซ้ายเช่นการรบแบบกองโจร FARC ที่มีการควบคุมหลายภูมิภาคโคคาที่เติบโตในโคลัมเบียในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา. แม้จะโคลอมเบียมีความแตกต่างของการเป็นพิรุธโลก ผู้ผลิตชั้นนำของโคคามานานหลายปี [4] แผนเหล่านั้นช้า แต่แน่นอนลดลงยาเสพติดที่ผลิตที่มีขอบเขตว่าในปี 2010 ประเทศที่ลดการผลิตโคเคน 60% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในปี 2000 ในปีเดียวกันกับที่เปรู แซงโคลอมเบียเป็นผู้ผลิตหลักของใบโคคาในโลก. [5] ระดับความรุนแรงยาเสพติดที่เกี่ยวข้องได้รับการลดลงครึ่งหนึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและลดลงด้านล่างของประเทศเช่นฮอนดูรัส, จาเมกา, เอลซัลวาดอร์, เวเนซุเอลา, กัวเตมาลาและตรินิแดดและโตเบโก [6] โคลัมเบียได้ทำหน้าที่ในทางที่ก้าวร้าวมากขึ้นกว่าส่วนใหญ่ของประเทศลงนามในอนุสัญญากรุงเวียนนา 1988 ต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทโดยรวมทั้งสารเคมีและสารตั้งต้นยาเสพติดที่มีการซื้อขายได้อย่างอิสระในส่วนที่เหลือของโลก ในรายชื่อของสารควบคุมในระดับประเทศ. [7] แม้จะมีการผลิตภายในของยาเสพติดในอัตราของการบริโภคภายในประเทศโคลอมเบียมีขนาดเล็กกว่าหนึ่งที่นำเสนอในสหรัฐอเมริกาและในหลายประเทศของสหภาพยุโรปและการใช้ยาเสพติดแน่นอน แม้จะมีขนาดเล็ก. [8] ได้รับความจริงที่ว่าประชากรของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุดของยาเสพติดที่ผิดกฎหมายในโลกโดยมีหนึ่งในหกประชาชนที่อ้างว่ามีโคเคนที่ใช้ในชีวิตของพวกเขา [9] ในสำนักงานสหประชาชาติ ยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) หลังจากการตรวจสอบประสิทธิภาพของการกระทำที่ดำเนินการโดยรัฐบาลโคลอมเบียมานานกว่า 20 ปีที่ผ่านมาได้เรียกร้องให้ประเทศที่บริโภคโค้ก - ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา - ที่จะใช้หุ้นของพวกเขารับผิดชอบและลดความต้องการ โคเคน [5] อธิบายว่ามีข้อ จำกัด กับสิ่งที่รัฐบาลแอนเดียนจะทำอย่างไรหากการบริโภคโคเคนยังคงคงตำแหน่งที่ได้รับการดูแลโดยรัฐบาลโคลอมเบียเวลาหลายปีและได้รับการยอมรับเร็ว ๆ นี้โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ค้ายาเสพติดในโคลัมเบีย ( สเปน : narcotr . kgm FICO และโคลัมเบีย ) หมายถึง การฝึกของกลุ่มอาชญากรชาวโคลอมเบียของการผลิตและจำหน่ายยาที่ผิดกฎหมาย โคลัมเบียมีแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ และหลาย ๆคน criminales Bandas หรือ bacrims [ 1 ] ซึ่งในที่สุดสร้างสังคมใหม่ และอิทธิพลหลายแง่มุมของวัฒนธรรมชาวโคลัมเบียและการเมือง

โคลอมเบียความพยายามของรัฐบาลที่จะลดอิทธิพลของยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของความขัดแย้งโคลอมเบียอย่างต่อเนื่องความเข้มต่ำ narco สงครามระหว่างทหารและกลุ่มกองโจรของ cartels ยาเสพติดต่อสู้แต่ละอื่น ๆเพื่อเพิ่มอิทธิพลของพวกเขาและกับรัฐบาลโคลอมเบียว่าพยายามจะหยุดพวกเขา

โคคา ,กัญชาและยาเสพติดอื่น ๆที่ได้รับส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของพวกโคลัมเบีย แต่อุปสงค์ทั่วโลกของยาในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ในที่สุดเพิ่มการผลิตและการประมวลผลของเหล่านี้ในโคลัมเบีย เป็นสินค้าที่ผลิต 1 , 500 $ / กิโลกรัมในป่า Labs และสามารถขายได้บนถนนของอเมริกาสำหรับเท่าที่ $ 50 , 000 กิโลกรัม[ 2 ] เริ่มบูมในการผลิตยาเสพติดในโคลัมเบียเพื่อการส่งออกเริ่มมีกัญชาใน 1960 , ตามด้วยโคเคนในช่วงกลางถึง late-1970s . อเมริกาเข้ามาแทรกแซงในโคลัมเบีย ตลอดช่วงเวลานี้ในความพยายามที่จะตัดอุปทานของยาเสพติดเหล่านี้ให้กับเรา ยายักษ์ใหญ่ของโคลัมเบียเช่น ปาโบล เอสโกบาร์ และ คาร์ลอส lehder ได้นานถือว่า โดยหน่วยงานที่เป็นหนึ่งในที่อันตรายที่สุด ร่ำรวย และผู้มีอำนาจในโลก

เป็น 2013 โคลัมเบียยังคงผลิตโคเคนรายใหญ่ที่สุดของโลก [ 3 ]

ตั้งแต่ก่อตั้งในสงครามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรปมีบริการทางการเงิน , จิสติกส์ ,ยุทธวิธีและช่วยเหลือรัฐบาลโคลัมเบียเพื่อใช้แผนการที่จะต่อสู้กับการค้ายาเสพติด ทหาร ที่เด่นที่สุดของโปรแกรมเหล่านี้ได้รับแผนโคลอมเบีย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อสู้กับองค์กรฝ่ายซ้าย เช่น FARC กองโจรที่ควบคุมหลายพื้นที่ปลูกโคคาในโคลัมเบียกว่าทศวรรษที่ผ่านมา .

แม้จะมีความแตกต่างที่น่าสงสัยของโคลัมเบียเป็นผู้ผลิตชั้นนําของโลก โคคา หลายปี [ 4 ] แผนนั้น ช้า แต่แน่นอน ลดลงยาผลิตในขอบเขตว่าในปี 2010 ประเทศลดการผลิตโคเคน โดย 60 เปอร์เซ็นต์ , เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในปี 2000 ในปีเดียวกันนั้น เปรู โคลอมเบีย ทะลุเป็นโปรดิวเซอร์หลักของโคคาใบในโลก[ 5 ] ระดับของยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงก็ลดลงครึ่งหนึ่งในช่วง 10 ปี และลดลงต่ำกว่าที่ของประเทศ เช่น ฮอนดูรัส , จาเมกา , El Salvador , เวเนซุเอลา , กัวเตมาลา และตรินิแดดและโตเบโก [ 6 ]

โคลัมเบียได้ปฏิบัติในทางก้าวร้าวมากขึ้นกว่ามากที่สุดของประเทศที่ลงนามในอนุสัญญาเวียนนา ค.ศ. ผิดกฎหมายจราจรยาเสพติดและวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ,โดยรวมถึงสารเคมีและสารตั้งต้นยาเสพติด ว่า เป็น อิสระ ซื้อขายในส่วนที่เหลือของโลกในรายชื่อสารระดับชาติควบคุม [ 7 ] แม้จะมีการผลิตภายในของยาเสพติด , อัตราการบริโภคภายในในโคลัมเบียมีขนาดเล็กกว่าหนึ่งที่นำเสนอในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในสหภาพยุโรป การใช้ยาแน่นอน แม้จะมีขนาดเล็กลง[ 8 ]

ให้ข้อเท็จจริงว่า ประชากรของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ใช้ที่ใหญ่ที่สุดของยาเสพติดในโลก หนึ่งในหกประชาชนที่อ้างว่ามีการใช้โคเคนในชีวิตของพวกเขา , [ 9 ] สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม ( UNODC ) หลังจากทบทวนประสิทธิภาพของการกระทำที่ถ่ายโดย รัฐบาลโคลัมเบีย มากกว่า 20 ปีสั่งโค้กการบริโภคประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปและอเมริกาเหนือจะแบ่งปันความรับผิดชอบและลดความต้องการโคเคน [ 5 ] อธิบายว่า มีการ จำกัด สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ ถ้าใช้ความอ่อนหวานโคเคนยังคงคงที่ ,ตำแหน่งที่ได้รับการดูแลรักษาโดยรัฐบาลโคลอมเบียเป็นเวลาหลายปีและได้รับการยอมรับเมื่อเร็ว ๆนี้ โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา