Merchandise Planning then is "A sys

Merchandise Planning then is "A systematic approach. It is aimed at maximising return on investment, through planning sales and inventory in order to increase profitability. It does this by maximising sales potential and minimising losses from mark - downs and stock - outs."

That gives us a broad-brush definition. Let's now take a look at these ideas in detail.

It is a "systematic approach" in many ways. You need the systems to ensure that you have the right people, the right processes and the right computerised support. Without the people and processes you will get nowhere. The software available is merely an enabler - the final piece of a jigsaw.

It is "aimed at maximising return on investment", but where is this investment made? Most obviously we are talking about a financial outlay in stock, but less evidently there is also considerable financial investment in retail space, people and corporate infrastructure. Again, whilst financial investment is the most obvious type, we should not overlook the "opportunity cost" of the investment in time that is required by planning.

We achieve the goals "through planning sales and inventory". These two elements are inextricably linked and finding an optimum balance is the key to retail success. We are doing more here, though, than merely calculating a purchase quantity. We need to balance carefully the requirement to support sales with the constraints and tensions imposed by store layouts and warehousing and transportation issues.

We put the effort into Merchandise Planning "in order to increase profitability". Profitability is the key driver of most businesses. Effective merchandise planning delivers margin increases directly to the bottom line. We achieve the increase in profitability "by maximising sales potential and minimising losses from mark - downs and stock - outs". There are two major areas of profit leakage in retail. Firstly lost sales resulting from lack of stock and secondly forced margin reductions due to excessive stock.

If we can provide systems that can help us to identify and support the winners whilst diverting resources from the losers that suck the profit from the business then we shall be successful. A typical retail clothing business will lose about 15% of its turnover in markdown and perhaps 10% due to lost sales. If we assume a turnover of £100 million, then we are looking at a loss of £25 million here. Reducing each of these figures by 1%, adds £2 million to the bottom line. What is equally important it that this profit increase can be delivered in a sustained way. That is "Merchandise Planning".

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สินค้าการวางแผนจากนั้นเป็น "ระบบวิธีการ มันจะมุ่ง maximising ผลตอบแทนจากการลงทุน ผ่านการวางแผนการขายและสินค้าคงคลังเพื่อเพิ่มผลกำไร ไม่นี้ โดยแนวโน้มการขาย maximising และขาดทุนกับลดจากเครื่องหมาย -ลงของและสต็อก - ลึกหนาบาง "

ที่ให้เรากำหนดแบบกว้างแปรง ลองตอนนี้มาดูที่ความคิดเหล่านี้ในรายละเอียด

มันเป็น "วิธีระบบ" ในหลาย ๆ ระบบเพื่อให้แน่ใจว่า คุณมีคน กระบวนการเหมาะสม และการสนับสนุนระบบคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมได้ โดยประชาชนและกระบวนการ คุณจะได้รับไม่มี ซอฟต์แวร์เป็นเพียงการสตัวเปิดใช้งาน - ชิ้นสุดท้ายของตัวจิ๊กซอว์

จึง "มุ่ง maximising ผลตอบแทนจากการลงทุน" แต่ลงทุนนี้ทำอย่างไร มากที่สุดแน่นอนเรากำลังพูดถึง outlay เงินในหุ้น แต่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดมีลงทุนเงินจำนวนมาก ในพื้นที่ขายของ โครงสร้างองค์กร อีก ในขณะที่เงินลงทุนเป็นแบบเห็นได้ชัดที่สุด เราควรไม่มองข้าม "โอกาสต้นทุน" ของการลงทุนในเวลาที่กำหนด โดยวางแผนการ

เราบรรลุเป้าหมาย "ผ่านการวางแผนการขายและสินค้าคงคลัง" องค์ประกอบเหล่านี้สอง inextricably เชื่อมโยง และหาสมดุลเหมาะสมเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จขายปลีก เราทำที่นี่มากขึ้น แม้ว่า กว่าเพียงการคำนวณปริมาณการซื้อ เราจำเป็นต้องสมดุลความต้องการเพื่อสนับสนุนการขายที่ มีข้อจำกัดอย่างระมัดระวัง และความตึงเครียดที่กำหนดโดยเก็บเค้าโครงและปัญหาการคลังสินค้าและขนส่ง

เราใส่ความพยายามลงไปในสินค้าการวางแผน "เพื่อเพิ่มผลกำไร" ผลกำไรคือ ไดรเวอร์หลักของธุรกิจมากที่สุด สินค้ามีประสิทธิภาพการวางแผนให้กำไรเพิ่มขึ้นไปบรรทัดล่างโดยตรง เราได้เพิ่มในผลกำไร "โดยแนวโน้มการขาย maximising และกับลดการสูญเสียจากเครื่องหมาย -ลงของและสต็อก - ลึกหนาบาง" มีสองพื้นที่หลักรั่วกำไรในการขายปลีก ประการแรก หายไปขายผลแห้งจากการขาดกำไรหุ้น และประการที่สองบังคับลดเนื่องจากสินค้าคงคลังมากเกินไป

ถ้าเราสามารถมีระบบที่สามารถช่วยให้เราระบุ และสนับสนุนผู้ชนะขณะโอนทรัพยากรจาก losers การดูดที่ กำไรจากธุรกิจ แล้วเราจะประสบความสำเร็จ ธุรกิจเสื้อผ้าค้าปลีกทั่วไปจะสูญเสียประมาณ 15% ของการหมุนเวียนของรวมยอดและอาจจะ 10% เนื่องจากยอดขายที่หายไป ถ้าเราสมมติว่าการหมุนเวียนของ 100 ล้านปอนด์ แล้วเรากำลังมองตะลึงของ 25 ล้านปอนด์นี่ แต่ละตัวเลขเหล่านี้ลด 1% เพิ่ม 2 ล้านปอนด์กับบรรทัดล่าง อะไรเป็นสิ่งสำคัญว่านี้กำไรเพิ่มสามารถจัดส่งในแบบ sustained นั่นคือ "การวางแผนการสินค้า"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวางแผนสินค้าแล้วคือ "แนวทางที่เป็นระบบจะมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนผ่านการขายและสินค้าคงคลังการวางแผนเพื่อที่จะเพิ่มผลกำไรมันไม่นี้โดยการเพิ่มศักยภาพการขายและการลดการสูญเสียจากการทำเครื่องหมาย -.. ดาวน์และสต็อก -. ลึกหนาบาง" นั่น ช่วยให้เรามีความหมายที่กว้างแปรง ตอนนี้ขอให้ดูที่ความคิดเหล่านี้ในรายละเอียดมันเป็นวิธีการ "ระบบ" ในหลาย ๆ คุณจำเป็นต้องมีระบบเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีคนที่เหมาะสมกระบวนการที่ถูกต้องและการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม โดยไม่ต้องมีคนและกระบวนการที่คุณจะได้รับไม่มีที่ไหนเลย ซอฟแวร์ที่มีอยู่เป็นเพียง enabler - ชิ้นสุดท้ายของจิ๊กซอว์มันคือ "มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน" แต่ที่มีการลงทุนนี้ทำ ส่วนใหญ่เห็นได้ชัดว่าเรากำลังพูดถึงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางการเงินในสต็อก แต่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดนอกจากนี้ยังมีการลงทุนทางการเงินมากในพื้นที่ค้าปลีกที่ผู้คนและโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร อีกครั้งในขณะที่การลงทุนทางการเงินเป็นชนิดที่เห็นได้ชัดที่สุดเราไม่ควรมองข้าม "ต้นทุนค่าเสียโอกาส" ของการลงทุนในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องมีการวางแผนโดยเราบรรลุเป้าหมาย "ผ่านการวางแผนการขายและสินค้าคงคลัง" ทั้งสององค์ประกอบที่เชื่อมโยงความสัมพันธุ์และหาสมดุลที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีก เรากำลังทำอะไรเพิ่มเติมได้ที่นี่ แต่กว่าเพียงการคำนวณปริมาณการซื้อ เราจำเป็นต้องมีความสมดุลอย่างระมัดระวังความต้องการที่จะสนับสนุนการขายที่มีข้อ จำกัด และความตึงเครียดที่กำหนดโดยรูปแบบการจัดเก็บและปัญหาคลังสินค้าและการขนส่งเราใส่ความพยายามลงไปในการวางแผนสินค้า "เพื่อที่จะเพิ่มผลกำไร" ในการทำกำไรเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของธุรกิจมากที่สุด การวางแผนสินค้าที่มีประสิทธิภาพให้เพิ่มขึ้นอัตราการโดยตรงไปยังบรรทัดด้านล่าง เราเกิดการเพิ่มขึ้นในการทำกำไร "โดยการเพิ่มศักยภาพการขายและการลดการสูญเสียจากการทำเครื่องหมาย - ดาวน์และหุ้น - ลึกหนาบาง" มีสองส่วนที่สำคัญของการรั่วไหลกำไรในการค้าปลีกเป็น สูญเสียยอดขายที่เกิดจากการขาดสต็อกประการแรกและประการที่สองถูกบังคับให้ลดกำไรจากการสต็อกมากเกินไปถ้าเราสามารถให้บริการระบบที่ช่วยให้เราสามารถที่จะระบุและสนับสนุนผู้ชนะในขณะที่โอนทรัพยากรจากผู้แพ้ที่ดูดกำไรจากธุรกิจแล้วเราจะ ที่ประสบความสำเร็จ ธุรกิจเสื้อผ้าค้าปลีกทั่วไปจะสูญเสียประมาณ 15% ของผลประกอบการใน Markdown และบางทีอาจจะ 10% เนื่องจากยอดขายหายไป ถ้าเราสมมติหมุนเวียน 100 ล้านปอนด์แล้วเรากำลังมองหาที่การสูญเสีย£ 25 ล้านที่นี่ ลดแต่ละตัวเลขเหล่านี้โดย 1%, เพิ่ม£ 2,000,000 บรรทัดด้านล่าง มันเป็นสิ่งที่สำคัญเท่าเทียมกันที่การเพิ่มขึ้นของกำไรนี้สามารถส่งมอบในลักษณะที่ยั่งยืน นั่นคือ "การวางแผนสินค้า"

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวางแผนสินค้าแล้วคือ " วิธีการที่เป็นระบบ มันเป็นวัตถุประสงค์สูงสุด ผลตอบแทนในการลงทุน โดยการวางแผนการขายและสินค้าคงคลังเพื่อเพิ่มผลกำไร มันไม่นี้โดยการขายที่มีศักยภาพสูงสุดและลดการสูญเสียจากเครื่องหมาย - ดาวน์และหุ้น - ins "

ที่ให้ความหมายกว้างแปรง . เรามาดูความคิดเหล่านี้ในรายละเอียด

มันเป็น " เครื่องมือ " ในหลายวิธี คุณต้องการระบบเพื่อให้แน่ใจว่า คุณมีคนที่เหมาะสม กระบวนการที่เหมาะสมและสนับสนุนคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง โดยคนและกระบวนการที่คุณจะได้รับไม่มีที่ไหนเลย ซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้ได้เป็นแค่บน - ชิ้นสุดท้ายของจิ๊กซอว์

มันคือ " มุ่งสูงสุดผลตอบแทนการลงทุน แต่การลงทุนนี้อยู่ไหน ?ส่วนใหญ่เราก็จะพูดถึงค่าใช้จ่ายทางการเงินในตลาดหลักทรัพย์ แต่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดนอกจากนี้ยังมีการลงทุนมากในพื้นที่ค้าปลีกของผู้คนและโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร อีกครั้ง , การลงทุนทางการเงินในขณะที่เป็นชนิดที่ชัดเจนที่สุดที่เราไม่ควรมองข้าม " ต้นทุน " โอกาสในการลงทุนของเวลา ที่ต้องวางแผน

เราบรรลุเป้าหมาย " ผ่านการวางแผนการขายและสินค้าคงคลัง " เหล่านี้สององค์ประกอบที่มีการเชื่อมโยง inextricably และหาสมดุลที่เหมาะสมเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ การค้าปลีก เรามาทำอะไรที่นี่ แม้ว่า มากกว่าเพียงการซื้อปริมาณเราต้องให้สมดุลอย่างรอบคอบความต้องการที่จะสนับสนุนการขายกับปัญหาและความตึงเครียดที่กำหนดโดยรูปแบบร้านและปัญหาคลังสินค้าและขนส่ง

เราใช้ความพยายามในการวางแผนสินค้า " เพื่อเพิ่มผลกำไร " กำไรคือไดรเวอร์ที่สำคัญของธุรกิจมากที่สุด การทดสอบประสิทธิภาพของสินค้าให้ตรงกับขอบเพิ่มบรรทัดด้านล่างเราให้เพิ่มขึ้นในอัตรา " โดยพื้นที่ที่มีศักยภาพและลดการสูญเสียจากการขายหุ้นและเครื่องหมาย - ดาวน์ - ins " มีสองพื้นที่หลักของกำไรของค้าปลีก ประการแรก ยอดขายหายไปเป็นผลจากการขาดสต็อก และประการที่สอง บังคับขอบลดลงเนื่องจากสต็อกมากเกินไป

ถ้าเราสามารถให้ระบบที่สามารถช่วยให้เราในการระบุและสนับสนุนผู้ชนะในขณะที่การโอนทรัพยากรจากผู้ที่ดูดกำไรจากธุรกิจเราก็จะประสบความสำเร็จ ธุรกิจขายปลีกเสื้อผ้าโดยทั่วไปจะสูญเสียประมาณ 15 % ของการหมุนเวียนในเซลส์ และบางที 10% เนื่องจากยอดขายหายไป ถ้าเราถือว่า การหมุนเวียนของกว่า 100 ล้าน แล้วเรากำลังมองหาที่ขาดทุนกว่า 25 ล้านเหรียญลดแต่ละตัวเลขเหล่านี้โดยการเพิ่มกว่า 2 ล้านบรรทัดด้านล่าง สิ่งที่สำคัญพอๆกันนั่นนี่เพิ่มกําไรให้อย่างยั่งยืนในทาง นั่นคือ " การวางแผน " สินค้า