With regard to dual nationals, each

With regard to dual nationals, each state of which the offender is a national
should have the right to extend its penal jurisdiction to such persons based
on the active personality principle. In relation to persons who have changed
nationality it was proposed that the state of which the person is a national at
the time of the commission of the crime as well as the one whose nationality
(s)he bears at the time of prosecution should both be permitted to exercise
such jurisdiction. In turn, the state of permanent residence should have jurisdiction
over stateless persons as far as crimes committed after their having acquired
such a status are concerned, even if they subsequently abandon that
residence. Finally, the state of asylum should be entitled to active personality
jurisdiction over crimes committed by the refugee – only – after he had acquired
that status. Conversely, crimes committed after the person has fled that
state should not fall under the jurisdiction of the state of origin under the nationality
principle, but the former state could exercise jurisdiction over crimes
committed prior to the refugee seeking asylum elsewhere.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกี่ยวกับชาวคู่ แต่ละรัฐที่ผู้กระทำผิดเป็นคนชาติ
ควรมีสิทธิที่จะขยายเขตอำนาจศาลอาญาของบุคคลดังกล่าวตาม
หลักบุคลิกภาพที่ใช้งานอยู่ เกี่ยวกับบุคคลที่มีการเปลี่ยนแปลง
สัญชาติมันถูกเสนอรัฐซึ่งบุคคลนั้นชาติที่
เมื่อคณะของฉันเช่นกันที่มีสัญชาติ
(s) เขาหมีเวลาดำเนินคดีควรทั้งสองได้รับอนุญาตให้ออกกำลังกาย
อำนาจดังกล่าว ใช้ สถานะการพำนักถาวรควรมีอำนาจ
กว่ายีคนเท่าที่ทำความผิดที่กระทำหลังจากการไม่ได้รับ
สถานะดังกล่าวมีความกังวล แม้ว่าพวกเขาละทิ้งมาที่
เรสซิเดนซ์ สุดท้าย รัฐลี้ภัยควรจะมีสิทธิใช้บุคลิกภาพ
เขตอำนาจเหนืออาชญากรรมความมุ่งมั่น โดยผู้ลี้ภัย – เฉพาะ – หลังจากที่เขาได้มา
สถานะนั้น ในทางกลับกัน มุ่งมั่นที่อาชญากรรมหลังจากบุคคลได้หลบหนีไปที่
รัฐไม่ควรอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐผู้ผลิตภายใต้สัญชาติ
หลัก แต่สถานะเดิมสามารถออกกำลังกายเขตอำนาจเหนืออาชญากรรม
กำหนดก่อนผู้ลี้ภัยลี้ภัยอื่น ๆ ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรื่องสองสัญชาติ แต่ละรัฐซึ่งกระทำความผิดเป็นชาติ
ควรมีสิทธิขยายกำหนดอำนาจบุคคลดังกล่าวตาม
บนหลักการบุคลิกภาพคล่องแคล่ว ในความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีการเปลี่ยนแปลง
สัญชาติจึงได้เสนอให้รัฐซึ่งเป็นชาติที่
เวลาของการก่ออาชญากรรม รวมทั้งคนที่มีสัญชาติ
( s ) เขามีเวลาที่โจทก์ทั้งสองควรได้รับอนุญาตให้ออกกำลังกาย
บางราย ในการเปิดสถานะถิ่นที่อยู่ถาวรควรสังกัด
กว่าบุคคลไร้สัญชาติเท่าที่ก่ออาชญากรรม หลังจากมีการซื้อ
เช่นสถานะกังวล แม้ว่าต่อมาทิ้งที่
เรสซิเดนซ์ ในที่สุด สภาพของโรงพยาบาลควรมีสิทธิใช้งานบุคลิกภาพ
เขตอำนาจเหนืออาชญากรรมที่กระทำโดยผู้ลี้ภัยที่นำเสนอ–หลังจากที่เขาได้มา
ที่สถานะ ในทางกลับกัน การก่ออาชญากรรมหลังจากที่บุคคลได้หนีไปที่
รัฐไม่ควรตกอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐของประเทศตามสัญชาติ
หลักการ แต่อดีตรัฐอาจใช้เขตอำนาจเหนืออาชญากรรม
มุ่งมั่นก่อนที่จะอพยพลี้ภัยที่กำลังมองหาที่อื่น ๆ