Allelopathy is theeffect of one pla

Allelopathy is theeffect of one plant on another through the production of chemical compounds that are released into the environment (Rice, 1984;Lambers et al., 2008). In nature, allelopathy can be a result of thejoint action of several allelochemicals, which can affect crucialphysiological processes in native plants (Inderjit and Duke, 2003).Several studies show evidences that allelochemicals released by A. dealbata has inhibitory effects on the germination of different species (Carballeira and Reigosa, 1999; Lorenzo et al., 2008),also inducing changes in net photosynthesis and the respiration rates of some native understory species in northwestern Spain (Lorenzo et al., 2011). The absence or scarcity of vegetation under the canopy of A. dealbata is often attributed to an allelopathy phenomenon (Fuentes-Ramírez et al., 2011) and, consequently, the inhibitory effects to the secondary metabolites released by this species (Lorenzo et al., 2013). Volatile compounds were identified in different A. dealbata parts (Souza-Alonso et al., 2014). Until now, Aguilera et al. (2015b) have identified nonvolatile biomolecules present in A. dealbata (leaves, flowers, pods and bark) and those involved in this process, attributing great importance to resorcinol,lupanine and stigmasterol,amongothers. In addition, they detected root growth inhibition in Lactuca sativa L., various receiving native herbaceous plants (e.g. Helenium aromaticum (Hook.) L.H. Bailey and Rodophiala maculata (L´ıella.) Ravenna) and trees species (e.g.Quillaja saponaria Mol.), which produced necrosis and ultimately compromised their survival. Furthermore, these authors suspected that the mentioned alterations at radicles may be associated with damage at tissue level.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อัลลีโลพาทีเป็น theeffect ของพืชหนึ่งในอีกเครื่องหนึ่งผ่านการผลิตสารเคมีที่ออกมาในสภาพแวดล้อม (ข้าว 1984 Lambers et al. 2008) ในธรรมชาติ อัลลีโลพาทีได้ผลของการ thejoint allelochemicals หลาย ซึ่งมีผลต่อกระบวนการ crucialphysiological ในพืชพื้นเมือง (Inderjit และดยุค 2003) มีหลายการศึกษาแสดงหลักฐานที่ allelochemicals ออก โดย A. dealbata inhibitory ผลการงอกต่างชนิด (Carballeira และ Reigosa, 1999 Lorenzo et al. 2008), กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสังเคราะห์ด้วยแสงสุทธิและอัตราการหายใจของพันธุ์พื้นเมือง understory ในตะวันตกเฉียงเหนือสเปน (Lorenzo et al. 2011) ขาดงานหรือขาดแคลนของพืชภายใต้ท้องฟ้าของ A. dealbata มักจะเกิดจากปรากฏการณ์อัลลีโลพาที (Fuentes-Ramírez et al. 2011) และ จึง inhibitory ผลการสารรองออก โดยพันธุ์ (Lorenzo et al. 2013) สารระเหยได้ระบุไว้ในส่วน dealbata ก.แตกต่างกัน (ให้ Alonso et al. 2014) จนถึงขณะนี้ สตินาร้อยเอ็ด (2015b) มีระบุชื่อมลบเลือนโมเลกุลชีวภาพใน A. dealbata (ใบ ดอก ฝัก และเปลือก) และผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ attributing สำคัญ resorcinol และ stigmasterol, amongothers, lupanine นอกจากนี้ พวกเขาพบยับยั้งการเจริญเติบโตของรากใน Lactuca sativa L. รับเจ้าต้นไม้พืชต่าง ๆ (เช่น Helenium aromaticum (Hook) Maculata L.H. เบลีย์และ Rodophiala (L´ıella) ราเวนนา) และสายพันธุ์ (e.g.Quillaja saponaria Mol.), ซึ่งตายเฉพาะส่วนผลิต และในที่สุด ทำลายความอยู่รอดของต้นไม้ นอกจากนี้ ผู้เขียนเหล่านี้สงสัยว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่ผิดอาจเกี่ยวข้องกับความเสียหายในระดับเนื้อเยื่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Allelopathy เป็น theeffect ของหนึ่งในพืชอื่นผ่านการผลิตของสารประกอบทางเคมีที่ถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม (RICE 1984; Lambers et al, 2008). ในธรรมชาติ allelopathy อาจจะเป็นผลมาจากการกระทำ thejoint หลาย allelochemicals ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการ crucialphysiological ในพืชพื้นเมือง (Inderjit และดยุค, 2003) การศึกษา .Several แสดงหลักฐานว่า allelochemicals การปล่อยตัวโดย A. dealbata มีผลยับยั้งการงอกของที่แตกต่างกัน สายพันธุ์ (Carballeira และ Reigosa 1999. อเรนโซ, et al, 2008) นอกจากนี้ยังมีการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสังเคราะห์แสงสุทธิและอัตราการหายใจบางชนิด understory พื้นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือสเปน (. อเรนโซ et al, 2011) หรือการขาดความขาดแคลนของพืชภายใต้ร่มเงาของเอ dealbata มักจะถูกนำมาประกอบกับปรากฏการณ์ allelopathy (Fuentes-Ramírez et al. 2011) และดังนั้นผลกระทบที่จะยับยั้งสารทุติยภูมิที่ปล่อยออกมาจากสายพันธุ์นี้ (Lorenzo, et al , 2013) สารระเหยที่ถูกระบุในส่วน A. dealbata แตกต่างกัน (Souza-อลอนโซ่ et al., 2014) จนถึงขณะนี้ Aguilera, et al (2015b) ได้ระบุสารชีวโมเลกุล nonvolatile อยู่ในเอ dealbata (ใบดอกฝักและเปลือก) และผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี​​้เจตนารมณ์สำคัญอย่างยิ่งต่อ resorcinol, lupanine และ stigmasterol, amongothers นอกจากนี้พวกเขาตรวจพบการยับยั้งการเจริญเติบโตของรากใน Lactuca sativa L. รับพืชสมุนไพรพื้นเมืองต่างๆ (เช่น Helenium aromaticum (Hook.) LH เบลีย์และ Rodophiala maculata (L'ıella.) Ravenna) และต้นไม้ชนิด (egQuillaja Saponaria Mol.) ซึ่งผลิตเนื้อร้ายและท้ายที่สุดการบุกรุกรอดของพวกเขา นอกจากนี้ผู้เขียนเหล่านี้ที่น่าสงสัยว่าการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวถึง radicles อาจจะเกี่ยวข้องกับความเสียหายในระดับเนื้อเยื่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สจวร์ต ดาวนิง คือผลของพืชอื่นที่ผ่านการผลิตของสารเคมีที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม ( ข้าว , 1984 ; lambers et al . , 2008 ) ในธรรมชาติ , สจวร์ต ดาวนิง จะรับผลของการกระทำของ allelochemicals หลายแบบ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อ crucialphysiological กระบวนการในพืชพื้นเมือง ( inderjit และดยุค , 2003 ) หลายการศึกษาแสดงหลักฐานว่า allelochemicals ออกโดย dealbata มีผลยับยั้งการงอกของชนิดที่แตกต่างกัน ( carballeira และ reigosa , 1999 ; ลอเรนโซ่ et al . , 2008 ) ยังกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงในการสังเคราะห์แสงสุทธิและอัตราการหายใจของบางชนิด understory พื้นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ( Lorenzo et al . , 2011 ) การขาดหรือความขาดแคลนของพืชภายใต้หลังคาของ dealbata มักเกิดจากการอัลลีโลพาทีปรากฏการณ์ ( บุรีรัมย์ ฟูเอนเตส มาร์ติน เรซ et al . , 2011 ) และดังนั้นผลยับยั้งการปล่อยสารทุติยภูมิชนิดนี้ ( Lorenzo et al . , 2013 ) ระเหยที่ถูกระบุในที่แตกต่างกัน . dealbata ชิ้นส่วน ซูซาลอน et al . , 2010 ) จนถึงตอนนี้ , Aguilera et al . ( 2015b ) ได้ระบุ nonvolatile สารชีวโมเลกุลปัจจุบัน . dealbata ( ใบ ดอก ฝักและเปลือก ) และผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ และไสยและรี lupanine , stigmasterol , amongothers . นอกจากนี้ ยังพบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของรากในประสิทธิภาพ sativa L . , รับพืชต้นไม้พื้นเมืองต่างๆ เช่น helenium aromaticum ( hook ) และ l.h. เบลีย์ rodophiala maculata ( L ´ıเอลล่า ) ราเวนนา ) และต้นไม้ชนิด e.g.quillaja saponaria มอล ) ซึ่งผลิตเนื้อเยื่อตายและในที่สุดทำให้พวกเขามีชีวิตรอด นอกจากนี้ ผู้เขียนเหล่านี้สงสัยว่าพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่ radicles อาจจะเกี่ยวข้องกับความเสียหายในระดับเนื้อเยื่อ