According to Goodluck (1991), nativ

According to Goodluck (1991), nativists view language as a fundamental part of the human genome, as a trait that makes humans human, and its acquisition is a natural part of maturation.[5] It seems that the human species has evolved a brain whose neural circuits contain linguistic information at birth and this natural predisposition to learn language is triggered by hearing speech. The child's brain is then able to interpret what she or he hears according to the underlying principles or structures it already contains (Linden, 2007).[6] Chomsky has determined that being biologically prepared to acquire language regardless of setting is due to the child's language acquisition device (LAD), which is used as a mechanism for working out the rules of language. Chomsky believed that all human languages share common principles, such as all languages have verbs and nouns, and it was the child's task to establish how the specific language she or he hears expresses these underlying principles. For example, the LAD already contains the concept of verb tense and so by listening to word forms such as "worked" or "played". The child will then form a hypothesis that the past tense of verbs are formed by adding the sound /d/,/t/ or /id/ to the base form. Yang (2006) also believes that children also initially possess, then subsequently develop, an innate understanding or hypothesis about grammar regardless of where they are raised.[7] According to Chomsky, infants acquire grammar because it is a universal property of language, an inborn development, and has coined these fundamental grammatical ideas that all humans have as universal grammar (UG). Children under the age of three usually don't speak in full sentences and instead say things like "want cookie" but yet you would still not hear them say things like "want my" or "I cookie" because statements like this would break the syntactic structure of the phrase, a component of universal grammar. Another argument of the nativist or innate theory is that there is a critical period for language acquisition, which is a time frame during which environmental exposure is needed to stimulate an innate trait. Linguist Eric Lenneberg in 1964 postulated that the critical period of language acquisition ends around the age of 12 years. He believed that if no language was learned before then, it could never be learned in a normal and functional sense. It was termed the critical period hypothesis and since then there has been a few case examples of individuals being subject to such circumstances such as the girl known as Genie who was imposed to an abusive environment, which didn't allow her to develop language skills.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตาม Goodluck (1991), nativists ดูภาษาเป็นส่วนหนึ่งของมมนุษย์ ตามติดที่ทำให้มนุษย์มนุษย์ และซื้อของเป็นส่วนหนึ่งตามธรรมชาติของพ่อแม่ [5] มันดูเหมือนว่า สายพันธุ์มนุษย์มีพัฒนาสมองเป็นวงจรประสาทประกอบด้วยข้อมูลภาษาศาสตร์ที่เกิด และทริกเกอร์ โดยได้ยินเสียงนี้ predisposition ธรรมชาติการเรียนรู้ภาษา สมองของเด็กได้ แล้วต้องแปลว่าเธอคงได้ยินตามหลักการพื้นฐาน หรือโครงสร้างแล้วประกอบด้วย (ลินเดน 2007) [6] ชัมสกีได้กำหนดชิ้นกำลังเตรียมรับภาษา โดยการตั้งค่าว่าเนื่องจากเด็กภาษาซื้ออุปกรณ์ (ลาดพร้าว), ซึ่งถูกใช้เป็นกลไกสำหรับการทำงานออกกฎของภาษา ชัมสกีเชื่อว่า มนุษย์ทุกภาษาหลักการทั่วไปที่ใช้ร่วมกัน เช่นทุกภาษามี คำกริยา และคำนาม และเป็นงานของเด็กเพื่อสร้างวิธีแสดงภาษาที่เธอหรือเขาได้ยินนี้ต้นหลัก ตัวอย่าง การลาดแล้วประกอบด้วยแนวคิดของกริยากาลและฟังรูปแบบของคำเช่น "ทำงาน" หรือการ "เล่น" เด็กแล้วจะรูปแบบสมมติฐานที่ว่า อดีตกาลของกริยาเกิดขึ้นจากการเพิ่ม เสียง/d / t/หรือ /id/ ฟอร์มพื้นฐาน ยาง (2006) เชื่อว่า เด็กยังเริ่มมี แล้วต่อมา พัฒนา การทำความเข้าใจข้อสอบหรือสมมติฐานเกี่ยวกับไวยากรณ์โดยที่พวกเขาจะยก [7] ตามอยู่กับชัมสกี ทารกรับไวยากรณ์เนื่องจากเป็นคุณสมบัติสากลของภาษา พัฒนา inborn และมีจังหวะพื้นฐานไวยากรณ์แนวความคิดนี้ที่มนุษย์ทั้งหมดมีไวยากรณ์สากล (ยูจี) เด็กอายุสามมักจะไม่พูดเต็มประโยค และแทน พูดเช่น "ต้องการคุกกี้" แต่ยัง คุณจะยังไม่ได้ยินพวกเขาพูดสิ่งที่ชอบ "ต้องของฉัน" หรือ "ฉันคุกกี้" เนื่องจากคำสั่งนี้จะแบ่งโครงสร้างทางไวยากรณ์ของวลี ส่วนประกอบของไวยากรณ์สากล อาร์กิวเมนต์อื่น nativist หรือทฤษฎีข้อสอบคือมีรอบระยะเวลาสำคัญสำหรับภาษา ซึ่งเป็นเวลาที่ต้องสัมผัสสิ่งแวดล้อมเพื่อกระตุ้นการติดข้อสอบ นักภาษาศาสตร์ Eric Lenneberg ในปี 1964 postulated ว่า ช่วงวิกฤติของภาษามาจบรอบอายุ 12 ปี เขาเชื่อว่า ถ้าภาษาไม่มีการเรียนรู้ก่อนแล้ว มันอาจไม่ได้เรียนความรู้สึกปกติ และการทำงาน มันถูกเรียกว่าสมมติฐานระยะเวลาสำคัญ และตั้งแต่นั้น ได้มีไม่กี่ตัวอย่างกรณีของบุคคลที่ถูกต้องอย่างไรเช่นผู้หญิงที่เป็นภูตที่ถูกกำหนดเป็นคำผรุสวาทสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เธอพัฒนาทักษะภาษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่ Goodluck (1991), n​​ativists ดูภาษาเป็นส่วนพื้นฐานของจีโนมมนุษย์เป็นลักษณะที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์และการเข้าซื้อกิจการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของการเจริญเติบโต. [5] ดูเหมือนว่าสายพันธุ์ของมนุษย์มีการพัฒนาสมอง มีวงจรประสาทมีข้อมูลภาษาที่เกิดและจูงใจธรรมชาตินี้เพื่อเรียนรู้ภาษาจะถูกเรียกโดยการได้ยินการพูด สมองของเด็กก็จะสามารถที่จะตีความสิ่งที่เขาหรือเธอได้ยินตามหลักการพื้นฐานหรือโครงสร้างมันแล้วมี (ลินเด็น 2007). [6] ชัมได้กำหนดว่าการเตรียมความพร้อมทางชีวภาพที่จะได้รับภาษาโดยไม่คำนึงถึงการตั้งค่าเป็นเพราะเด็ก อุปกรณ์การเรียนรู้ภาษา (หนุ่ม) ซึ่งจะใช้เป็นกลไกในการทำงานออกกฎของภาษา ชัมเชื่อว่าทุกภาษามนุษย์แบ่งปันหลักการทั่วไปเช่นทุกภาษามีคำกริยาและคำนามและมันก็เป็นงานของเด็กที่จะสร้างวิธีการที่ภาษาเฉพาะเขาหรือเธอได้ยินเป็นการแสดงออกถึงหลักการพื้นฐานเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่นหนุ่มแล้วมีแนวคิดของคำกริยาเครียดและอื่น ๆ โดยการฟังเพื่อรูปแบบคำเช่น "ทำงาน" หรือ "เล่น" เด็กก็จะก่อให้เกิดสมมติฐานที่ว่าอดีตกาลของกริยาที่เกิดขึ้นโดยการเพิ่มเสียง / d / / T / หรือ / ID / รูปแบบฐาน ยาง (2006) ยังเชื่อว่าเด็กยังเริ่มแรกมีแล้วต่อมาได้พัฒนาความเข้าใจธรรมชาติหรือสมมติฐานเกี่ยวกับไวยากรณ์ไม่คำนึงถึงการที่พวกเขาจะยก. [7] ตามที่ชัมทารกได้รับไวยากรณ์เพราะมันเป็นสถานที่ให้บริการที่เป็นสากลของภาษาที่ พัฒนามา แต่กำเนิดและได้ประกาศเกียรติคุณความคิดเหล่านี้ไวยากรณ์พื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมีความเป็นสากลไวยากรณ์ (UG) เด็กอายุต่ำกว่าสามมักจะไม่พูดในประโยคเต็มรูปแบบและแทนที่จะบอกว่าสิ่งที่ต้องการ "ต้องการคุกกี้" แต่คุณยังจะยังไม่ได้ยินพวกเขาพูดสิ่งที่ต้องการ "ต้องการของฉัน" หรือ "ฉันคุกกี้" เพราะงบเช่นนี้จะทำลาย โครงสร้างประโยควลีส่วนประกอบของไวยากรณ์สากล ข้อโต้แย้งของทฤษฎี nativist หรือโดยธรรมชาติก็คือว่ามีเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ภาษาซึ่งเป็นกรอบเวลาในระหว่างที่มีการสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นในการกระตุ้นให้เกิดลักษณะโดยธรรมชาติ นักภาษาศาสตร์ Lenneberg เอริคในปี 1964 ตั้งสมมติฐานว่าช่วงเวลาที่สำคัญของการพัฒนาทักษะภาษาจบรอบอายุ 12 ปี เขาเชื่อว่าถ้าไม่มีภาษาที่ได้เรียนรู้มาก่อนแล้วก็อาจไม่ได้รับการเรียนรู้ในความรู้สึกปกติและการทำงาน มันถูกเรียกว่าสมมติฐานช่วงเวลาที่สำคัญและตั้งแต่นั้นมาได้มีการยกตัวอย่างกรณีที่ไม่กี่ของบุคคลที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวเป็นหญิงสาวที่รู้จักกันเป็นมารที่ถูกกำหนดเพื่อไม่เหมาะสมสภาพแวดล้อมซึ่งไม่ได้ให้เธอในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามกู๊ดลัค ( 1991 ) , nativists ภาษาดูเป็นส่วนพื้นฐานของจีโนมมนุษย์ เป็นคุณลักษณะที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ และการซื้อสินทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งธรรมชาติของการเจริญเติบโต [ 5 ] ดูเหมือนว่า สายพันธุ์ของมนุษย์มีวิวัฒนาการสมองที่มีวงจรประสาทประกอบด้วยข้อมูลทางภาษาศาสตร์ที่กำเนิดและจูงใจธรรมชาตินี้เพื่อเรียนรู้ ภาษาจะถูกทริกเกอร์ โดยการพูด การได้ยินสมองของเด็กเป็นแล้วสามารถที่จะตีความสิ่งที่เธอหรือเขาจะตาม หลักการพื้นฐานหรือโครงสร้างมันก็มี ( Linden , 2007 ) . [ 6 ] ชอมสกีได้กำหนดให้เป็นได้เตรียมที่จะได้รับโดยไม่คำนึงถึงการตั้งค่าภาษาของเด็กคือ เนื่องจากอุปกรณ์การเรียนรู้ภาษา ( เด็ก ) ซึ่งจะใช้เป็น กลไกการทำงานออกกฎของภาษาชอมสกีเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนใช้ภาษาหลักการทั่วไป เช่นภาษาทั้งหมดมีคำกริยาและคำนาม และมันเป็นงานของเด็กเพื่อสร้างวิธีการเฉพาะภาษาเธอหรือเขาได้ยินแสดงเหล่านี้หลักการพื้นฐาน . ตัวอย่างเช่นเด็กแล้วมีแนวคิดของกริยา กาล และโดยการฟังรูปแบบคำเช่น " ทำงาน " หรือ " เล่น "เด็กจะได้ตั้งข้อสมมติฐานว่า กาลอดีตของคำกริยารูปแบบโดยการเพิ่มเสียง / d / , / t / หรือ / ID / รูปแบบพื้นฐาน ยาง ( 2006 ) ยังเชื่อว่า เด็กก็เริ่มมีแล้ว ต่อมาพัฒนาเป็นแหล่งความรู้หรือสมมติฐานเกี่ยวกับไวยากรณ์ไม่ว่าที่พวกเขาจะขึ้น [ 7 ] ตาม ชอมสกี้ทารกได้รับไวยากรณ์ เพราะมันเป็นสมบัติสากลของภาษา การพัฒนาที่มีมาแต่กำเนิด และมีการประกาศเกียรติคุณเหล่านี้พื้นฐานไวยากรณ์ความคิดมนุษย์ทุกคนมีไวยากรณ์สากล ( 2 )เด็กอายุต่ำกว่าสามมักจะไม่พูดประโยคเต็มและแทนที่จะพูดว่า " ต้องการคุกกี้ " แต่คุณก็ยังไม่ได้ยินพวกเขาพูดสิ่งที่ชอบ " ต้องการ " หรือ " คุกกี้ " เพราะงบแบบนี้ จะแบ่งโครงสร้างไวยากรณ์ของประโยคเป็นองค์ประกอบของไวยากรณ์สากลอีกเหตุผลของทฤษฎี nativist หรือโดยกำเนิด คือมีช่วงเวลาสำหรับการได้มาซึ่งภาษา ซึ่งมีกรอบเวลาในช่วงที่แสงเป็นสิ่งแวดล้อมเพื่อกระตุ้นลักษณะโดยธรรมชาติ . นักภาษาศาสตร์ อีริค lenneberg ในปี 1964 ซึ่งระยะเวลาที่สำคัญของการเรียนรู้ภาษา สิ้นสุดอายุประมาณ 12 ปี เขาเชื่อว่า ถ้าภาษาไม่ได้เรียนรู้มาก่อนแล้วมันไม่อาจจะเรียนรู้ในแบบปกติ และแบบสัมผัส มันถูกเรียกว่าสมมติฐานช่วงวิกฤติและตั้งแต่นั้นมาได้มีไม่กี่กรณีตัวอย่างของบุคคลที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เช่น ผู้หญิงที่รู้จักกันเป็นจินนี่ที่กำหนดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เขาพัฒนาทักษะภาษา