Agricultural greenhouse gas emissio

Agricultural greenhouse gas emission, mainly methane from ruminants, has currently been recognized as an important issue worldwide as it is a driver for global warming and climate change. Methane eructated from ruminants is considered to be one of the most important contributors to global warming, imposing an environmental burden that cannot be ignored. Meanwhile, it represents a loss of 2% to 15% of the gross energy intake (Johnson and Johnson, 1995; Ellis et al., 2007). Animal nutritionists have been studying manipulation of the rumen microbial ecosystem to reduce methane emission without the adverse effects on rumen function. There is a need to identify feed additives to modify ruminal fermentation characteristics and increase the efficiency of feed utilization, thereby inhibiting the ruminal methanogenesis. In recent years, essential oils (Benchaar, 2007), plant secondary metabolites such as condensed tannins and saponins (Pen et al., 2006; Bhatta et al., 2009) and dietary lipids (Dohme et al., 2001) have arisen as attractive rumen modifiers to improve rumen microbial metabolism as well as inhibit methane production in ruminants. The positive effects of flavonoid-rich plant extracts (PE) on methane emission and methanogens population in vitro as well as in vivo have been examined (Patra et al., 2006; Bodas et al., 2008; Patra and Saxena, 2010; Oskoueian et al., 2013; Becker et al., 2014). In addition, flavonoid supplementation could improve ruminal fermentation of dairy cows with increasing milk yield (Theodorou et al., 1994), protecting ruminal acidosis (Balcells et al., 2012), reducing methane emission and changing microbial populations such as protozoa and methanogen (Baker, 1999).
The objective of this study was to evaluate the effect of flavonoid-rich PE on the growth of rumen microorganisms using quantitative real-time polymerase chain reaction (PCR) assay and in vitro rumen fermentation with respect to methane emissions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกษตรก๊าซเรือนกระจก มีเทนส่วนใหญ่จาก ruminants ในปัจจุบันรับรู้เป็นประเด็นสำคัญทั่วโลกซึ่งเป็นโปรแกรมควบคุมภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Eructated มีเทนจาก ruminants ถือเป็นหนึ่งที่สำคัญที่สุดผู้ให้การสนับสนุนภาวะ สง่างามมีภาระด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถละเว้น ในขณะเดียวกัน มันแสดงถึงการสูญเสียของ 2% ถึง 15% ของการบริโภคพลังงานรวม (Johnson และ Johnson, 1995 Ellis et al., 2007) Nutritionists สัตว์ได้รับการศึกษาการจัดการระบบนิเวศต่อจุลินทรีย์เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนโดยไม่กระทบกับการทำงานต่อ ไม่จำเป็นต้องระบุสารอาหารหมัก ruminal ลักษณะการปรับเปลี่ยน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์อาหารสัตว์ งบ inhibiting ruminal methanogenesis ในปีที่ผ่านมา น้ำมันหอมระเหย (Benchaar, 2007), พืช metabolites รองบีบ tannins และ saponins (ปากกาและ al., 2006 Bhatta et al., 2009) และโครงการอาหาร (Dohme et al., 2001) ได้เกิดขึ้นเป็นคำวิเศษณ์น่าสนใจต่อการปรับปรุงต่อเมแทบอลิซึมของจุลินทรีย์ ตลอดจนยับยั้งการผลิตมีเทน ruminants ผลบวกของ flavonoid อุดมไปด้วยพืชสารสกัด (PE) มีเทนประชากรมลพิษและ methanogens เพาะเลี้ยง รวมทั้งในสัตว์ทดลองได้รับการตรวจสอบ (ภัทราและ al., 2006 Bodas et al., 2008 ภัทราและซสักเสนา 2010 Oskoueian et al., 2013 Becker et al., 2014) นอกจากนี้ flavonoid แห้งเสริมสามารถปรับปรุง ruminal หมักนมเพิ่มผลผลิตน้ำนม (Theodorou et al., 1994), ปกป้อง ruminal acidosis (Balcells et al., 2012), ลดการปล่อยก๊าซมีเทน และการเปลี่ยนแปลงประชากรจุลินทรีย์เช่นโพรโทซัวและเมทาโนเจน (เบเกอร์ 1999)วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ประเมินผลของ PE flavonoid รวยเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ต่อการใช้พอลิเมอเรสแบบเรียลไทม์เชิงปริมาณวิเคราะห์ปฏิกิริยาลูกโซ่ (PCR) และหมักต่อในเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซมีเทน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปล่อยก๊าซเรือนกระจกการเกษตรส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนจากสัตว์เคี้ยวเอื้องได้รับในขณะนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญทั่วโลกมันเป็นโปรแกรมควบคุมสำหรับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก๊าซมีเทน eructated จากสัตว์เคี้ยวเอื้องจะถือเป็นหนึ่งในผู้ให้ความสำคัญมากที่สุดในการลดภาวะโลกร้อน, การจัดเก็บภาษีภาระสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถละเลย ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงการสูญเสียของ 2% ถึง 15% ของปริมาณพลังงานขั้นต้น (จอห์นสันและจอห์นสัน, 1995;. เอลลิสและคณะ, 2007) โภชนาการสัตว์ได้รับการศึกษาการจัดการของระบบนิเวศของจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมนที่จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนโดยไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของกระเพาะรูเมน มีความจำเป็นในการระบุสารอาหารในการปรับเปลี่ยนลักษณะการหมักในกระเพาะรูเมนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์ของอาหารซึ่งจะช่วยยับยั้งการปล่อยก๊าซมีเทนในกระเพาะรูเมน ในปีที่ผ่านมา, น้ำมันหอมระเหย (Benchaar, 2007) สารทุติยภูมิพืชเช่นแทนนินข้นและ saponins (ปากกา, et al, 2006;.. Bhatta et al, 2009) และไขมันในอาหาร (. Dohme, et al, 2001) ได้เกิดขึ้นเป็น การปรับเปลี่ยนในกระเพาะรูเมนที่น่าสนใจในการปรับปรุงการเผาผลาญอาหารในกระเพาะหมักจุลินทรีย์เช่นเดียวกับการยับยั้งการผลิตก๊าซมีเทนในสัตว์เคี้ยวเอื้อง ผลบวกของสารสกัดจากพืชที่อุดมไปด้วย flavonoid (PE) ในการปลดปล่อยก๊าซมีเทนและแบคทีเรียสร้างมีเทนประชากรในหลอดทดลองเช่นเดียวกับในร่างกายได้รับการตรวจสอบ (ภัทราและคณะ, 2006;. Bodas et al, 2008;. ภัทราและ Saxena 2010; Oskoueian และคณะ, 2013;.. เบกเกอร์, et al, 2014) นอกจากนี้การเสริม flavonoid สามารถปรับปรุงการหมักในกระเพาะรูเมนของโคนมที่มีการเพิ่มผลผลิตน้ำนม (Theodorou et al., 1994), การป้องกันภาวะเลือดเป็นกรดในกระเพาะรูเมน (Balcells et al., 2012), การลดการปล่อยก๊าซมีเทนและการเปลี่ยนแปลงประชากรจุลินทรีย์เช่นโปรโตซัวและเมทาโนเจน ( เบเคอร์, 1999).
วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของ flavonoid ที่อุดมด้วย PE ต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมนโดยใช้เวลาจริงเชิงปริมาณ (Polymerase chain reaction PCR) และในหลอดทดลองหมักในกระเพาะรูเมนเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซมีเทน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกการเกษตร ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง มีในขณะนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกมันเป็นไดรเวอร์สำหรับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก๊าซมีเทน eructated จากสัตว์เคี้ยวเอื้องถือว่าเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดกับภาวะโลกร้อน การกำหนดภาระด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถละเลย ในขณะเดียวกันมันหมายถึงการสูญเสีย 2 % เป็น 15 % ของการบริโภคพลังงานขั้นต้น ( จอห์นสันและจอห์นสัน , 1995 ; Ellis et al . , 2007 ) นักโภชนาการสัตว์ได้รับการศึกษาการจัดการของกระเพาะหมักจุลินทรีย์ระบบนิเวศเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน ไม่มีผลข้างเคียงต่อกระบวนการทำงานต้องมีการระบุสารปรุงแต่งอาหารเพื่อปรับเปลี่ยนลักษณะการหมักในกระเพาะรูเมน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหาร เพื่อยับยั้งและช้า . ใน ปี ล่าสุด น้ํามันหอมระเหย ( benchaar , 2007 ) , พืชสารทุติยภูมิ เช่น แทนนินย่อและซาโปนิน ( ปากกา et al . , 2006 ; bhatta et al . , 2009 ) และอาหารไขมัน ( dohme et al . ,2544 ) ได้เกิดขึ้นอย่างมีเสน่ห์กระบวนการปรับเปลี่ยนเพื่อปรับปรุงกระบวนการเมแทบอลิซึมของจุลินทรีย์ รวมทั้งยับยั้งการผลิตก๊าซมีเทนในสัตว์เคี้ยวเอื้อง . ผลบวกของฟลาโวนอยด์ที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากพืช ( PE ) และกลุ่มสร้างมีเทนก๊าซมีเทนในหลอดทดลอง ตลอดจนในสัตว์ทดลองที่ได้รับการตรวจสอบ ( ภัทร et al . , 2006 ; bodas et al . , 2008 ; ภัทร และ เนสตา , 2010 ; oskoueian et al . , 2013 ; Becker et al . ,2014 ) นอกจากนี้ ฟลาโวนอยด์เสริมสามารถปรับปรุงกระบวนการหมักในกระเพาะรูเมนของโคนมกับการเพิ่มผลผลิตน้ำนม ( Theodorou et al . , 1994 ) , การปกป้องและภาวะเลือดเป็นกรด ( balcells et al . , 2012 ) , การลดการปล่อยก๊าซมีเทนและการเปลี่ยนแปลงประชากรจุลินทรีย์ เช่น โปรโตซัว และเมธาโนเจน ( Baker
, 1999 )วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อศึกษาผลของฟลาโวนอยด์ริช PE ต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ โดยใช้กระบวนการเชิงปริมาณแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ในหลอดทดลองในกระบวนการหมักด้วยการปล่อยก๊าซมีเทน