Venice (English /ˈvɛnɪs/ ven-iss; I

Venice (English /ˈvɛnɪs/ ven-iss; Italian: Venezia [veˈnɛttsja]; alternative obsolete form: Vinegia;[1] Venetian: Venesia [veˈnɛzja]; Latin: Venetiae; Slovene: Benetke) is a city in northeastern Italy sited on a group of 118 small islands separated by canals and linked by bridges.[2] It is located in the marshy Venetian Lagoon which stretches along the shoreline, between the mouths of the Po and the Piave Rivers. Venice is renowned for the beauty of its setting, its architecture, and its artwork.[2] The city in its entirety is listed as a World Heritage Site, along with its lagoon.[2]

Venice is the capital of the Veneto region. In 2009, there were 270,098 people residing in Venice's comune (the population estimate of 272,000 inhabitants includes the population of the whole Comune of Venezia; around 60,000[3] in the historic city of Venice (Centro storico); 176,000 in Terraferma (the Mainland), mostly in the large frazioni (roughly equivalent to "parishes" or "wards" in other countries) of Mestre and Marghera; 31,000 live on other islands in the lagoon). Together with Padua and Treviso, the city is included in the Padua-Treviso-Venice Metropolitan Area (PATREVE), with a total population of 2,600,000. PATREVE is only a statistical metropolitan area without any degree of autonomy.

The name is derived from the ancient Veneti people who inhabited the region by the 10th century BC.[4][5] The city historically was the capital of the Republic of Venice. Venice has been known as the "La Dominante", "Serenissima", "Queen of the Adriatic", "City of Water", "City of Masks", "City of Bridges", "The Floating City", and "City of Canals". Luigi Barzini described it in The New York Times as "undoubtedly the most beautiful city built by man".[6] Venice has also been described by the Times Online as being one of Europe's most romantic cities.[7]

The Republic of Venice was a major maritime power during the Middle Ages and Renaissance, and a staging area for the Crusades and the Battle of Lepanto, as well as a very important center of commerce (especially silk, grain, and spice) and art in the 13th century up to the end of the 17th century. This made Venice a wealthy city throughout most of its history.[8] It is also known for its several important artistic movements, especially the Renaissance period. Venice has played an important role in the history of symphonic and operatic music, and it is the birthplace of Antonio Vivaldi

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เวนิซ (อังกฤษ / vɛnɪs / เวน-iss; อิตาลี: Venezia [venɛttsja] ทางเลือกที่ล้าสมัยรูปแบบ: Vinegia; [1] Venetian: Venesia [venɛzja]; ละติน: Venetiae; สโลเวเนีย: Benetke) เป็นเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออิตาลีอภิมหาหนึ่ง 118 กลุ่มของเกาะเล็ก ๆ แยกจากกันโดยคลองและเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน. [2] มันตั้งอยู่ในลากูน Venetian แอ่งน้ำที่ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งระหว่างปากของปอและแม่น้ำพิ เวนิสมีชื่อเสียงในด้านความงามของการตั้งค่าของสถาปัตยกรรมและงานศิลปะของตน. [2] เมืองในสิ่งทั้งปวงที่มีการระบุว่าเป็นมรดกโลกพร้อมกับลากูนของ. [2] เวนิสเป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ในปี 2009 มี 270,098 คนที่อาศัยอยู่ในกันเวนิส (ประมาณการประชากร 272,000 คนที่อาศัยอยู่รวมถึงประชากรของทั้ง Comune ของเวเนเซียนั้นรอบ 60,000 [3] ในเมืองประวัติศาสตร์ของเวนิซ (Centro Storico); 176,000 ใน Terraferma (แผ่นดินใหญ่ ) ส่วนใหญ่ใน frazioni ขนาดใหญ่ (ประมาณเทียบเท่ากับ "ตำบล" หรือ "วอร์ด" ในประเทศอื่น ๆ ) ของเมสเตรและ Marghera; 31000 อยู่บนเกาะอื่น ๆ ในลากูน) ร่วมกับเตรวิโซปาดัวและเมืองจะรวมอยู่ในปาดัว-Treviso เวนิสพื้นที่มหานคร (PATREVE) มีประชากรรวมทั้งสิ้น 2,600,000 PATREVE เป็นเพียงพื้นที่นครบาลสถิติโดยไม่ต้องระดับของความเป็นอิสระใด ๆ . ชื่อมาจากคน Veneti โบราณที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคโดยศตวรรษที่ 10. [4] [5] เมืองในอดีตเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเวนิส เวนิซได้รับการเรียกว่า "ลา dominante", "Serenissima", "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก", "เมืองน้ำ", "เมืองมาสก์", "เมืองบริด", "เมืองลอยน้ำ" และ "เมือง คลอง " Luigi Barzini เล่าว่าในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สว่า "ไม่ต้องสงสัยเมืองที่สวยงามที่สุดที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์". [6] เวนิสยังได้รับการอธิบายโดยไทมส์ออนไลน์เป็นหนึ่งในเมืองที่โรแมนติกที่สุดของยุโรป. [7] สาธารณรัฐเวนิสเป็น อำนาจทางทะเลที่สำคัญในช่วงยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและพื้นที่สำหรับจัดเก็บสงครามครูเสดและรบที่เลเช่นเดียวกับศูนย์ที่สำคัญมากของการค้า (โดยเฉพาะผ้าไหม, ธัญพืชและเครื่องเทศ) และศิลปะในศตวรรษที่ 13 ขึ้นไป ปลายศตวรรษที่ 17 นี้ทำให้เวนิสเป็นเมืองที่ร่ำรวยตลอดเวลาส่วนใหญ่ของประวัติศาสตร์. [8] เป็นที่รู้จักกันสำหรับการเคลื่อนไหวของศิลปะที่สำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เวนิสมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเพลงไพเราะและโอเปร่าและมันก็เป็นบ้านเกิดของแอนโตนิโอ Vivaldi

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เวนิส ( อังกฤษ / ˈ V ɛ N ɪ / s ยังสถานีอวกาศนานาชาติ ; อิตาลี : Venezia [ ได้ˈ N ɛ ttsja ] ; ทางเลือก ล้าสมัย รูปแบบ : vinegia ; [ 1 ] เวนิส : เวเนเซีย [ ได้ˈ N ɛ zja ] ; ละติน : venetiae ; สโลวีน : benetke ) เป็นเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีจากกลุ่ม 118 เกาะเล็ก คั่นด้วยคลองและการเชื่อมโยงโดยสะพาน [ 2 ] ตั้งอยู่ในเมืองเวนิสซึ่งเป็นหนองบึงทะเลสาบซึ่งทอดยาวไปตามชายฝั่งระหว่างปากของโพและแม่น้ำพิ . เวนิสมีชื่อเสียงด้านความงามของการตั้งค่าของสถาปัตยกรรม และงานศิลปะ [ 2 ] เมืองอย่างครบถ้วนจดทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมกับลากูน [ 2 ]

เวนิส เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ภูมิภาค ในปี 2009 มี 270098 ผู้คนที่อาศัยอยู่ใน comune เวนิส ( ประชากรประมาณ 272 ,000 คน รวมประชากรของ comune ทั้งหมดของเวเนเซีย ; ประมาณ 60000 [ 3 ] ในเมืองประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิส ( Centro ใน ) ; 176 , 000 ในเทอร์ราเฟอร์มา ( แผ่นดินใหญ่ ) , ส่วนใหญ่ใน Communes ขนาดใหญ่ ( ประมาณเทียบเท่ากับ " รัฐ " หรือ " เขตการปกครอง " ในประเทศอื่น ๆ ) และ 31 , 000 อาศัยอยู่ในมาเกราที่ ; เกาะอื่น ๆในทะเลสาบ ) ด้วยกันกับปาดัว และ Treviso ,เมืองรวมอยู่ใน Padua Treviso เวนิสมหานคร ( patreve ) มีประชากรทั้งหมดของ 2600000 . patreve เป็นเพียงสถิติกรุงเทพมหานคร โดยไม่มีองศาอิสระ

ชื่อนี้มาจากโบราณเวนิสคนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคโดยศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสต์ศักราช . [ 4 ] [ 5 ] เมืองประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเวนิซเวนิสได้ถูกเรียกว่า " ลา dominante " , " serenissima " , " ราชินีแห่งเวนิส " , " เมืองน้ำ " , " เมืองแห่งหน้ากาก " , " เมืองแห่งสะพาน " , " เมืองลอยน้ำ " และ " เมืองแห่งคลอง " ลุยจิ barzini อธิบายในนิวยอร์กไทม์สว่า " ไม่ต้องสงสัย เมืองที่สวยงามที่สุดที่สร้างโดยมนุษย์ " [ 6 ] เวนิสยังได้รับการอธิบายโดยไทม์ ออนไลน์ เป็นหนึ่งในเมืองที่โรแมนติกที่สุดในยุโรป [ 7 ]

สาธารณรัฐเวนิสเป็นหลักอำนาจทางทะเลในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และจัดเตรียมพื้นที่สำหรับสงครามครูเสดและยุทธการแซนด์วิช รวมทั้งศูนย์ที่สำคัญมากของการค้า ( โดยเฉพาะผ้าไหม ธัญพืชและเครื่องเทศ ) และศิลปะในศตวรรษที่ 13 จนถึงปลายศตวรรษที่ 17 นี้ทำให้เวนิสเป็นเมืองที่ร่ำรวยตลอดที่สุดของประวัติศาสตร์ของ[ 8 ] นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักของหลาย ๆที่สำคัญของยุคฟื้นฟูศิลปะ โดยเฉพาะช่วง เวนิสได้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของดนตรีและเสียงไพเราะ และเป็นบ้านเกิดของ อันโตนีโอ วีวัลดี