Regardless of how it is illustrated

Regardless of how it is illustrated or defined, the OTA has a high impedance terminal (B); a low
impedance terminal (E) that can be considered either as an input or an output depending on the circuit;
and a output current source terminal (C). The output current source terminal is high impedance. Looking
at the transconductor, any voltage that appears between B and E will generate a current that flows out of
C. For the balance of this document, however, we will consider circuits. The first circuit that demonstrates
how an OTA operates is shown in Figure 2.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่ว่าจะแสดง หรือกำหนด โอตะมีความสูงความต้านทานเทอร์มินัล (B); เป็นความต้านทานเทอร์มินัล (E) ที่ถือได้ว่า เป็นการเข้าหรือออกตามวงจรและผลผลิตปัจจุบันแหล่งเทอร์มินัล (C) ผลผลิตปัจจุบันแหล่งเทอร์มินัลเป็นความต้านทานสูง มองที่ transconductor แรงดันไฟฟ้าระหว่าง E และ B จะสร้างกระแสที่ไหลออกมาจากค.สำหรับยอดดุลของเอกสารนี้ อย่างไรก็ตาม เราจะพิจารณาวงจร วงจรแรกที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานของโอตะจะแสดงในรูปที่ 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่จะแสดงหรือกำหนด OTA มีขั้วความต้านทานสูง (B); ต่ำขั้วความต้านทาน (E) ที่ถือได้ว่าไม่ว่าจะเป็นการป้อนข้อมูลหรือการส่งออกขึ้นอยู่กับวงจร; และขั้วแหล่งส่งออกในปัจจุบัน (C) ขั้วเอาท์พุทที่มาปัจจุบันความต้านทานสูง กำลังมองหาที่ transconductor แรงดันไฟฟ้าใด ๆ ที่ปรากฏขึ้นระหว่าง B และ E จะสร้างกระแสที่ไหลออกมาจากซี เพื่อความสมดุลของเอกสารนี้ แต่เราจะพิจารณาวงจร วงจรแรกที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ดำเนิน OTA จะแสดงในรูปที่ 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไม่ว่ามันเป็นภาพประกอบ หรือการกำหนด OTA มีขั้วความต้านทานสูง ( b ) ; ขั้วความต้านทานต่ำ
( E ) ที่สามารถจะถือว่าเป็น input หรือ output ขึ้นอยู่กับวงจร ;
และกระแสแหล่ง Terminal ( C ) กระแสแหล่งขั้วคืออิมพีแดนซ์สูง มองที่ transconductor
,แรงดันไฟฟ้าใด ๆที่ปรากฏระหว่าง B และ E จะสร้างกระแสที่ไหลออกจาก
C . เพื่อความสมดุลของเอกสารนี้ แต่เราจะพิจารณาวงจร วงจรแรกที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการการ OTA
แสดงดังรูปที่ 2