Maybe if you understand about Supre

Maybe if you understand about Supreeya family more, maybe you will see them as they are.

Her sister
I met Supreeya's sister at a dating agency, she had married a man - not signed - with family, he had paid a very, very large dowry when they married in the house. His name was Jimmy. I never met him, but he was a nice man on the phone. He asked me to make sure his wife was OK when she was with me and Supreeya.

In December in 2001 I flew to Thailand to be with Supreeya and her sister when they went to the UK embassy to get their 6 month fiance visas. Both of the sisters got the visas. When we came out of the embassy, Supreeya's sister asked me to tell Jimmy she did not get the visa. I told her I would not lie to Jimmy.

When I returned to the UK with Supreeya, Jimmy was always asking where his wife was, he always kept asking Supreeya why she would not contact him. The 6 months went by and the visa expired. She refused to return the dowry.

Jimmy lost his money and his wife !

Supreeya's sister came to visit for a while in 2007, she asked me to help her open a small shop near a University. She asked for 85,000 baht. I agreed, she would repay me bak over the following year. She took the money bak to Thailand then refused to pay it back saying her friend had stolen it ! She also stood up in a UK court and said I did not give it to her.

In 2006 her sister dated my ex lodger - they split when he refused to give her money.

In 2009 her sister returned with a new husband. I asked her sister for my money back - then had her new husband threaten to hit me saying she would not pay anything and did not owe me anything. BUT, within 10 days, he knew he was wrong - she left him and moved in with Supreeya.

2014 - Her sister has new husband. 

Supreeya and her sister will stop at nothing to get money, no matter the cost to other people in either money or emotion. 

What I am telling you Pim, is that her sister is older than her, her sister is who Supreeya follows.

Supreeya.
I married Supreeya in her house - before the monks had left she asked for 5,000 baht for her overdue phone.

Before Jimmy went to marry her sister, Supreeya told me she wass pregnant and could I send more money. I did not believe her, but sent money. I asked Jimmy to take are of her, but I would not be surprised if she told him she had lost it if he asked why the baby did not show. He rang and said how did I know she would say that. Maybe I should have known then and not legally married her.

6 months into marriage she asks for a divorce and can I sign the paper so she can stay in the country.

She agrees to try for a baby - but for 1 years I keep finding contraceptive pills.

I tried to make it work. She wanted me to take out a loan in my name for 550,000 baht for a small thai catering business, she would pay me back each month. So I took out the loan.

One year later I had men  knoking on my front doot looking for her - they were debt collectors. Show owed 2 million baht to the taxman , banks, credit cards.

She borrowed 150,000 baht from a friend and said if she did not pay in bak in 3 months - he could have the business for free !!!

I was in shock - she told me everything was fine. I cheked her accounts - all the money from the catering was being taken out in BKK by her sister. The business had no money.

I immediately filed for divorce to protet my own house. I nearly lost my house beause of her.

In the divore I had to agree to pay ALL her debts as most were in my name - she could not get a loan - so done in my name. It took me years to clear.

She sold what was left of the business - did not give it to me - but went back to thailand for 6 months and spent it all.

In the divorce she tried to accuse me of having an affair by showing some pictures of me with a lady - this was not true - they were pictures of her friends. At court when the judge starting seeing this could not be true, she withdrew her evidene and signed the divorce admitting blame. But I still had to pay her debt !!!

The divorce went through - I met and married Meaw. We divorced due to the pneumonia - not my fault. I tried again to make it work with Supreeya - we aplit up many times in the 2 years 2007 to 2009, but still had the boys. 

I went to Pattaya with Zeno in 2009 - I got a two month visa from Thai Embassy - , Supreeya was going to join me there with Neo. When she came later, she took Zeno from me and refused to bring him back unless I gave her 50,000 baht to bring him back. So I got a new flight and went bak home - if you look at my visa you will see I left early.

Now they know I will not help Supreeya OR her sister, they have moved on to other people.

Her sister has had 3 lots dowry. Supreeya once asked me in 2007 to marry her again - but said I would need a second new higher dowry !!!

They are both scam artists. I was taken as a fool. I do not like to htink about it, but you keep bringing it up.

Maybe now you see some of the truth of two sisters.

Richard

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บางทีถ้าคุณเข้าใจเกี่ยวกับครอบครัว Supreeya มาก บางทีคุณจะเห็นพวกเขาเป็นน้องสาวของเธอผมได้พบกับน้องสาวของ Supreeya ที่บริษัทหาคู่ เธอได้แต่งงาน -ไม่เซ็น - คน มีครอบครัว เขาได้จ่ายสินสอดมาก มากใหญ่เมื่อพวกเขาแต่งงานในบ้าน ชื่อของเขาถูกจิมมี่ ผมไม่เคยเจอ แต่เขาเป็นคนดีในโทรศัพท์ เขาถามฉันแน่ใจว่าภรรยาของเขาได้ตกลงเมื่อเธอกับฉันและ Supreeyaในเดือนธันวาคมในปี 2001 ผมบินมาไทยจะ Supreeya และน้องสาวของเธอเมื่อพวกเขาไปสถานทูตอังกฤษจะได้รับวีซ่าของ fiance 6 เดือน ทั้งสองสาวพี่น้องได้รับวีซ่า เมื่อเราออกมาจากสถานทูต น้องสาวของ Supreeya ถามผมบอกจิมมี่เธอไม่ได้รับวีซ่า ฉันบอกเธอฉันจะไม่โกหกกับจิมมี่เมื่อฉันกลับไปสหราชอาณาจักรกับ Supreeya จิมมี่ถูกเสมอถามที่ภรรยาถูก เขาเสมอยังคงถาม Supreeya ทำไมเธอจะไม่ติดต่อเขา 6 เดือนไปด้วย และการหมดอายุของวีซ่า เธอปฏิเสธที่จะคืนสินสอดจิมมี่หายไปเงินของเขาและภรรยาของเขาน้องสาวของ Supreeya มาเยี่ยมชมหนึ่งใน 2007 เธอถามฉันช่วยเธอเปิดร้านเล็ก ๆ ใกล้มหาวิทยาลัย เธอถาม 85000 บาท ฉันตกลง เธอจะชำระผมบัคปีต่อไปนี้ เธอเอาบัคเงินไทย แล้วปฏิเสธที่จะจ่ายมันกลับบอกว่า เพื่อนของเธอได้ถูกขโมย นอกจากนี้เธอยังลุกขึ้นยืนในศาลอังกฤษ และกล่าวว่า ฉันไม่ได้ให้เธอในปี 2006 น้องลงแฟน lodger - พวกเขาแยกเมื่อเขาปฏิเสธที่จะให้เงินของเธอในปี 2009 น้องสาวของเธอกลับมาพร้อมกับสามีใหม่ ขอให้น้องมีเงินกลับ - แล้วมีสามีใหม่ที่คุกคามจะตีฉันว่า เธอจะต้องจ่ายอะไร และไม่ได้ไม่เป็นหนี้ฉันอะไร แต่ ภายใน 10 วัน เขารู้ว่า เขาผิด - เธอทิ้งเขา และย้าย ด้วย Supreeya2014 - น้องมีสามีใหม่ Supreeya และน้องสาวของเธอจะหยุดที่ไม่ได้รับเงิน ไม่ว่าต้นทุนทำให้คนอื่นในเงินหรืออารมณ์ ฉันบอกคุณพิมพ์ สิ่งที่น้องสาวของเธอมีอายุมากกว่าเธอ น้องสาวของเธอเป็นที่ Supreeya ตามSupreeyaฉันแต่งงาน Supreeya ในบ้าน - ก่อนพระสงฆ์มีซ้ายเธอขอ 5000 บาท สำหรับโทรศัพท์ของเธอเลยก่อนจิมมี่ไปแต่งงานกับน้องสาวของเธอ Supreeya บอก wass เธอตั้งครรภ์ และสามารถส่งเงินเพิ่มเติม ฉันไม่เชื่อเธอ แต่ส่งเงินมา ผมถามจิมมี่จะเป็นของเธอ แต่ฉันไม่ต้องแปลกใจถ้าเธอบอกเธอก็หายถ้าเขาถามว่า ทำไมเด็กไม่ได้แสดง เขารัง และกล่าวว่า ไม่ได้ฉันรู้เธอจะบอกว่า บางทีฉันควรได้รู้จักกันแล้ว และไม่กฎหมายแต่งงานของเธอ6 เดือนแต่งงานเธอขอให้สำหรับการหย่าร้าง และสามารถฉันลงกระดาษเพื่อให้เธอสามารถอยู่ในประเทศเธอตกลงที่จะลองสำหรับทารก - แต่ 1 ปี ผมให้หายาคุมกำเนิดพยายามที่จะให้ทำงาน เธออยากให้ฉันควักเงินกู้ในชื่อ 550,000 บาทสำหรับธุรกิจอาหารไทยขนาดเล็ก เธอจะคืนเงินให้ฉันแต่ละเดือน ดังนั้น ฉันเอาออกเงินกู้หนึ่งปีต่อมามีคน knoking บน doot หน้าฉันหาเธอ - พวกสะสมหนี้ แสดงเป็นหนี้ 2 ล้านบาท taxman ธนาคาร บัตรเครดิตเธอยืมปริมาณ 150000 บาท จากเพื่อน และกล่าวว่า ถ้าเธอไม่ชำระในบัคใน 3 เดือน - เขาอาจมีธุรกิจฟรี!!!ผมช็อก - เธอบอกไม่แพง ฉัน cheked เธอบัญชี - รายได้ทั้งหมดจากอาหารถูกนำออกในกรุงเทพฯ โดยน้องสาวของเธอ ธุรกิจการเงินไม่ได้ฉันทันทียื่นศาลเพื่อ protet บ้านของฉันเอง ผมเกือบหาย beause บ้านของฉันของเธอใน divore ที่มีการตกลงที่จะชำระหนี้ทั้งหมดของเธอเป็นที่สุดอยู่ในชื่อของฉัน - เธอไม่สามารถรับเงินกู้ - ทำให้ ชื่อของฉัน มันเอาฉันปีการล้างเธอขายสิ่งที่เหลือของธุรกิจ- ไม่ได้ให้มันกับฉัน - แต่กลับไปไทยเดือน 6 และใช้ทั้งหมดหย่าร้างที่เธอพยายามกล่าวหาผม มีชู้โดยแสดงภาพบางส่วนของฉันกับสุภาพสตรี -ซึ่งไม่จริง - พวกรูปภาพของเพื่อน ที่ศาล ผู้พิพากษาเริ่มเห็นข้อความนี้ไม่จริง เธอต้องถอน evidene เธอ และเซ็นหย่า admitting ตำหนิ แต่ยังมีการชำระหนี้ของเธอ!!!ศาลได้ - ผมได้พบ และแต่งงาน Meaw เราหย่าแล้วเนื่องจากโรคปอด - ไม่ความผิดของฉัน ผมพยายามอีกครั้งเพื่อให้ทำงานกับ Supreeya - เรา aplit ขึ้นหลายครั้งใน 2 ปี 2007 ถึง 2009 แต่ยังมีเด็กผู้ชาย ผมก็ไปพัทยากับ Zeno ใน 2009 - ผมสองเดือนขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตไทย - Supreeya กำลังไปร่วมฉันมีนีโอ เมื่อเธอมาในภายหลัง เธอเอา Zeno จากฉัน และปฏิเสธที่จะนำเขากลับเว้นแต่ฉันให้เธอ 50000 บาท ไปกลับ ดังนั้นฉันได้บินใหม่ และไปบัคบ้าน - ถ้าคุณดูที่วีซ่าของฉันคุณจะเห็นความเร็วตอนนี้พวกเขารู้ว่า ฉันจะไม่ช่วยหรือ Supreeya น้องสาวของเธอ พวกเขาจะเคลื่อนไปในบุคคลอื่นน้องมีสินสอดมากมาย 3 Supreeya ถามฉันในปี 2007 เพื่อแต่งงานกับเธออีก - ครั้งเดียว แต่ว่า ต้องสองสินสอดสูงใหม่!!!พวกเขาจะหลอกลวงศิลปินทั้งสอง ฉันถูกนำเป็นคนโง่ ไม่ชอบคิดเกี่ยวกับมัน แต่คุณให้นำค่าบางทีตอนนี้คุณเห็นของจริงของสองสาวริชาร์ด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บางทีถ้าคุณเข้าใจเกี่ยวกับ supreeya ครอบครัวมากขึ้น บางทีคุณอาจจะเห็นพวกเขาเป็นพวกเขา น้องสาว


ผมเคยเจอน้องสาว supreeya เป็นหน่วยงาน dating , เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้เซ็นสัญญากับครอบครัว เขาเคยจ่ายมาก ใหญ่มาก ค่าสินสอดเมื่อพวกเขาแต่งงานกันในบ้าน เขาชื่อ จิมมี่ ผมไม่เคยเจอเขา แต่เขาเป็นคนดี ในโทรศัพท์เขาถามฉันเพื่อให้แน่ใจว่าภรรยาของเขาได้ เมื่อเธออยู่กับผม และ supreeya

ในธันวาคม 2001 ผมบินไปประเทศไทยต้องมี supreeya และน้องสาวของเธอเมื่อพวกเขาไปที่สถานทูตอังกฤษได้ 6 เดือน คู่หมั้น วีซ่า ทั้งสองพี่น้องได้วีซ่า เมื่อเราออกมาจากสถานทูต น้องสาว supreeya ขอให้ผมบอกจิมมี่ว่า เธอไม่ได้รับวีซ่า ชั้นบอกเธอว่าชั้นจะไม่โกหกจิมมี่

เมื่อฉันกลับไปที่อังกฤษกับ supreeya จิมมี่ก็มักจะถามว่า ภรรยาของเขาคือ เขามักจะถาม supreeya ทำไมเธอไม่ติดต่อเขา 6 เดือนผ่านไป วีซ่าหมดอายุ เธอปฏิเสธที่จะคืนสินสอด

จิมมี่ เสียเงิน และภรรยาของเขา !

supreeya น้องสาวมาเยี่ยมสักพักในปี 2007 เธอขอให้ฉันช่วยเธอเปิดร้านเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัย เธอถาม 85 ,000 บาท ผมเห็นด้วยที่เธอจะตอบแทนฉันบากกว่าปีต่อไปนี้ เธอเอาเงินบักไทยแล้วปฏิเสธที่จะจ่ายมันกลับมาบอกว่าเพื่อนของเธอได้ขโมยมัน ! เธอยังยืนหยัดใน UK ศาล และกล่าวว่า ผมไม่ได้ให้มันกับเธอ

พี่สาวของเธอในปี 2549 ลงวันที่ฟื้นตัว - อดีตของฉันพวกเขาแยก เมื่อเขาปฏิเสธที่จะให้เงินเธอ

) น้องสาวเธอกลับมาพร้อมกับสามีใหม่