A.SOCIO-ECONOMIC AND/OR CULTURAL IM

A.SOCIO-ECONOMIC AND/OR CULTURAL IMPACT

When Senator Ramon B. Magsaysay, Jr. dissented in the enactment of the Retail Trade Liberalization Act in 1998, many were in the opinion that while Magsaysay advocates globalization, the preparedness and readiness of the small businessmen are primordial for them to survive international competition. Believing that full government assistance, identification of safety nets, and a five-year transition period to prepare SMEs with the advent of liberal economy and open trading are significant to enjoy the benefits of GATT-WTO.

B.GEOGRAPHIC IMPACT

When Senator Magsaysay expressed his belief that there was collusion between the military and the Abu Sayyaf expressed through a Senate Committee Report after conducting investigations on the Basilan siege, many agreed that the solon wanted national reform and would not countenance wrongdoing. While he believed that the Filipino soldiers should be accorded the highest recognition by anchoring laws which would further professionalize their ranks by increasing militia’s base pay, providing them and their families scholarships and housing assistance, and upgrading the table of the AFP organization, he also would not tolerate abuses and violations of the basic rights of the civilians.

C. YEARS OF DEDICATED WORK AND SERVICE

His entry into politics came in 1966, when he was elected as Congressman in the lone district of Zambales, until 1969. He went back to the private sector soon after. Gifted with a keen business sense and learned in the ways of mechanics, he pioneered the cable TV industry in the country in the early '70s when antennas for cable television were things unheard of. Today, with roughly 900 cable operators nationwide, the cable television business has turned into a multi-billion peso a year industry. And in recognition of setting the blueprint for the sector, Magsaysay is known as “The Father of Cable Television.”

For the last nine years since his election in 1995 and his subsequent reelection in 2001, Senator Jun Magsaysay strives to work for legislation that will help improve the living conditions of the majority of the Filipino people. His programs and policies for the development of cooperatives and small and medium enterprises (SMEs) are geared toward encouraging ordinary Filipinos to make use of their individual capabilities as they strive to attain their socio-economic goals and uplift their standard of living to a more decent and humane condition.

Likewise, he is the proponent of programs that empower the ordinary Filipino and help in the economic transformation of our society through Information Technology (IT), E-commerce, SME start-ups, professionalization of varied sectors and improving the cooperatives’ viability.

At present, he chairs two major committees : agriculture and food, and science and technology.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

A.SOCIO เศรษฐกิจและสังคมและ / หรือมีผลกระทบทางวัฒนธรรมเมื่อวุฒิสมาชิกรามอนแมกไซไซบีจูเนียร์แย้งในการตรากฎหมายของพระราชบัญญัติการเปิดเสรีการค้าปลีกในปี 1998 หลายคนในความคิดว่าในขณะที่แมกไซไซสนับสนุนโลกาภิวัตน์การเตรียมความพร้อมและความพร้อมของขนาดเล็ก ธุรกิจเป็นดั่งเดิมสำหรับพวกเขาที่จะอยู่รอดการแข่งขันระหว่างประเทศ เชื่อว่าความช่วยเหลือเต็มรูปแบบของรัฐบาลประจำตัวประชาชนของตาข่ายความปลอดภัยและระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงห้าปีเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ SMEs กับการถือกำเนิดของเศรษฐกิจเสรีนิยมและเปิดการซื้อขายที่มีความสำคัญที่จะได้รับประโยชน์จาก GATT-องค์การการค้าโลก. ที่B.GEOGRAPHIC อิมแพ็คเมื่อวุฒิสมาชิกแมกไซไซแสดงของเขา เชื่อว่ามีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างทหารและอาบู Sayyaf แสดงออกผ่านการรายงานคณะกรรมาธิการวุฒิสภาหลังจากการสืบสวนในล้อมบาซิลันหลายตกลงกันว่าโซลต้องการปฏิรูประดับชาติและจะไม่ยอมกระทำผิดกฎหมาย ในขณะที่เขาเชื่อว่าฟิลิปปินส์มีทหารควรจะคบหายอมรับมากที่สุดโดยยึดกฎหมายซึ่งต่อไปจะ professionalize กลุ่มของพวกเขาโดยการเพิ่มอาสาสมัครของฐานเงินให้พวกเขาและครอบครัวของพวกเขาทุนการศึกษาและความช่วยเหลือที่อยู่อาศัยและการอัพเกรดตารางขององค์กรเอเอฟพีนอกจากนี้เขายังจะ ไม่ทนต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเรือน. ซี ปีของการทำงานที่ทุ่มเทและบริการรายการของเขามาสู่การเมืองในปี 1966 เมื่อเขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาคองเกรสในย่านเดียวของ Zambales จนกระทั่งปี 1969 เขาก็กลับไปที่ภาคเอกชนไม่นานหลังจากนั้น พรสวรรค์ที่มีความรู้สึกทางธุรกิจที่กระตือรือร้นและเรียนรู้ในรูปแบบของกลศาสตร์ที่เขาเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีในประเทศในช่วงต้นยุค 70 เมื่อเสาอากาศเคเบิลทีวีเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินจาก วันนี้มีประมาณ 900 ผู้ประกอบการเคเบิลทั่วประเทศธุรกิจเคเบิลทีวีได้กลายเป็นหลายพันล้านเปโซอุตสาหกรรมปี และในการรับรู้ของการตั้งพิมพ์เขียวสำหรับภาคแมกไซไซเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "พระบิดาแห่งการเคเบิ้ลทีวี." สำหรับที่ผ่านมาเก้าปีนับตั้งแต่การเลือกตั้งของเขาในปี 1995 และเลือกตั้งต่อมาในปี 2001 วุฒิสมาชิกมิถุนายนแมกไซไซมุ่งมั่นที่จะทำงานสำหรับการออกกฎหมายที่จะ ช่วยปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ของคนฟิลิปปินส์ โปรแกรมและนโยบายของเขาสำหรับการพัฒนาของสหกรณ์และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะมุ่งเน้นที่การส่งเสริมให้ชาวฟิลิปปินส์สามัญเพื่อให้การใช้ความสามารถของแต่ละคนขณะที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมของพวกเขาและยกระดับมาตรฐานการครองชีพที่จะดีมากขึ้น และสภาพมนุษยธรรม. ในทำนองเดียวกันเขาเป็นผู้สนับสนุนของโปรแกรมที่ช่วยให้สามัญฟิลิปปินส์และช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของสังคมของเราผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), E-commerce, SME เริ่มอัพ, professionalization ของภาคที่แตกต่างกันและการพัฒนาสหกรณ์ . 'มีชีวิตในปัจจุบันเขาเป็นประธานคณะกรรมการทั้งสองสาขา: เกษตรและอาหารและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลกระทบ a.socio-economic และ / หรือวัฒนธรรมเมื่อวุฒิสมาชิก Ramon พ. แมกไซไซ จูเนียร์ dissented ในการออกกฎหมายค้าปลีกการทำในปี 1998 หลายคนในความคิดที่ในขณะที่แมกไซไซสนับสนุนโลกาภิวัตน์ การเตรียมความพร้อม และความพร้อมของกลุ่มนักธุรกิจขนาดเล็กสำหรับพวกเขาที่จะอยู่รอดการแข่งขันระหว่างประเทศ เชื่อว่ารัฐบาลช่วยเหลือเต็ม รหัสของตาข่ายและการเปลี่ยนระยะเวลาห้าปีเพื่อเตรียมความพร้อม SMEs กับแอดเวนต์ของเศรษฐกิจเสรีนิยมและการค้าเปิดกันอย่างเพลิดเพลินกับประโยชน์ของ gatt-wto .ผลกระทบ b.geographicตอนที่สว. แมกไซไซแสดงความเชื่อของเขาว่ามีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างทหารและอาบูแสดงออกผ่านคณะกรรมการวุฒิสภารายงานหลังจากทำการสอบสวนในบาซีลันล้อมมากมาย เห็นด้วยว่ากฎหมายต้องการปฏิรูปแห่งชาติและจะไม่สนับสนุนการกระทำผิดเกิดขึ้น ในขณะที่เขาเชื่อว่าชาวฟิลิปปินส์ ทหารควรได้รับการยอมรับสูงสุด โดยการยึดกฎหมายซึ่งต่อไปจะยังคงตำแหน่งของพวกเขาโดยการเพิ่มทหารฐานจ่ายให้พวกเขาและครอบครัวของพวกเขา ทุนการศึกษาและความช่วยเหลือที่อยู่อาศัยและการอัพเกรดตารางของ AFP องค์กร เขาจะไม่ทนต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนปีในการทำงานทุ่มเทและบริการ .รายการของเขาในการเมืองมาในปี 1966 เมื่อเขาได้รับเลือกเป็น ส.ส. ในเขตโดดเดี่ยวของ Zambales จนกว่า 1969 เขากลับไปที่ภาคเอกชน หลังจากที่ พรสวรรค์ที่มีความกระตือรือร้นทางความรู้สึก และเรียนรู้ในทางกลศาสตร์ เขาเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในประเทศในช่วงต้นยุค 70 เมื่อเสาอากาศสำหรับโทรทัศน์เป็นสิ่ง ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน วันนี้มีประมาณ 900 ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศ ธุรกิจได้กลายเป็นอุตสาหกรรมหลายพันล้านเปโซในปี และในการจัดทำพิมพ์เขียวสำหรับภาคแมกไซไซเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น " บิดาของเคเบิลทีวี”สำหรับที่ผ่านมาเก้าปี ตั้งแต่การเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2538 และการเลือกตั้งของเขาตามมาในปี 2001 ท่านจุนแมกไซไซมุ่งมั่นที่จะทำงานสำหรับกฎหมายที่จะช่วยปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ของชาวฟิลิปปินส์คน โปรแกรมและนโยบายของเขาเพื่อการพัฒนาสหกรณ์และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SMEs ) มุ่งสู่การส่งเสริมให้ชาวฟิลิปปินส์ทั่วไปเพื่อให้ใช้ความสามารถของตนตามที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับมาตรฐานการครองชีพให้เหมาะสมมากขึ้น และสภาวะมีมนุษยธรรมอนึ่ง เขาเป็นผู้เสนอของโปรแกรมที่ช่วยให้ชาวฟิลิปปินส์ทั่วไป และช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของสังคมของเราผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( ไอที ) , e - commerce , SME start-ups professionalization ของภาคที่แตกต่างกันและปรับปรุงสหกรณ์ 3 .ปัจจุบันเขาเก้าอี้สองคณะกรรมการสาขาเกษตรและอาหาร และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี