The vegetative mycelium of R. solan

The vegetative mycelium of R. solani and other Rhizoctonia fungi are colorless when young but become brown colored as they grow and mature. The mycelium consists of hyphae partitioned into individual cells by a septum containing a dough-nut shaped pore. This septal pore allows for the movement of cytoplasm, mitochondria, and nuclei from cell to cell. The hyphae often branch at a 90o angles and usually possess more than three nuclei per hyphal cell. The anatomy of the septal pore and the cellular nuclear number (CNN) have been used extensively by researchers to differentiate R. solani from other Rhizoctonia fungi. R. solani [renamed Moniliopsis solani = Moniliopsis anderholdii (Moore, 1987)] is characterized by: CNN close to the tips in young hyphae greater than two, main runner hyphae usually wider than 7mm, mycelium buff-colored to dark brown, sclerotia (if present) irregular shape, light to dark brown, not differentiated into rind and medula and having Thanatephorus cucumeris its as teleomorph.

Because R. solani and other Rhizoctonia fungi do not produce conidia and only rarely produce basidiospores, the classification of these fungi often has been difficult. Prior to the 1960’s, researchers relied mostly on differences in morphology observed by culturing the fungus on a nutrient medium in the laboratory and/or pathogenicity on various plant species to classify Rhizoctonia. In 1969, J. R. Parmeter and his colleagues at the University of California in Berkeley, reintroduced the concept of "hyphal anastomosis" to characterize and identify Rhizoctonia. The concept implies that isolates of Rhizoctonia that have the ability to recognize and fuse (i.e. "anastomose") with each other are genetically related, whereas isolates of Rhizoctonia that do not have this ability are genetically unrelated.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Mycelium ผักเรื้อรังของ R. solani และอื่นๆ Rhizoctonia เชื้อราเป็นสีซีดเมื่อหนุ่มสาว แต่เป็นสีน้ำตาลสีพวกเขาเติบโต และผู้ใหญ่ Mycelium ประกอบด้วย hyphae ที่แบ่งเซลล์แต่ละเซลล์ โดย septum ที่ประกอบด้วยรูรูปถั่วแป้ง นี้รูของผนังกั้นสำหรับการเคลื่อนไหวของไซโทพลาซึม mitochondria และแอลฟาจากเซลล์สู่เซลล์ได้ Hyphae มักสาขาที่มุม 90o และมักจะมีมากกว่าสามแอลฟาต่อเซลล์ hyphal กายวิภาคศาสตร์ของรูของผนังกั้นและโทรศัพท์มือถือจำนวนนิวเคลียร์ (ซีเอ็นเอ็น) ได้ถูกใช้อย่างกว้างขวาง โดยนักวิจัย R. solani จากเชื้อรา Rhizoctonia อื่น ๆ R. solani [เปลี่ยนชื่อ Moniliopsis solani = Moniliopsis anderholdii (มัวร์ 1987)] โดย: CNN ใกล้กับเคล็ดลับใน hyphae hyphae วิ่งหลักสอง มักจะกว้างกว่า 7 มิลลิเมตร mycelium สีหนังกับสีน้ำตาลเข้ม sclerotia (ถ้ามี) มากกว่าหนุ่มรูปร่างผิดปกติ แสงสีน้ำตาลเข้ม ไม่แยกแยะแคบและ medula และมี Thanatephorus cucumeris เป็นของ teleomorphเพราะ R. solani และเชื้อรา Rhizoctonia อื่นไม่ผลิต conidia เท่านั้นไม่ค่อยผลิต basidiospores ประเภทของเชื้อราเหล่านี้มักจะได้รับยาก ก่อน 1960 นักวิจัยอาศัยส่วนใหญ่ในความแตกต่างในการสังเกต โดย culturing เห็ดราในกลางธาตุอาหารในห้องปฏิบัติการหรือในพืชชนิดต่าง ๆ เพื่อจัดประเภท Rhizoctonia pathogenicity สัณฐานวิทยา ใน 1969, J. R. Parmeter และเพื่อนร่วมงานของเขาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเบิร์กลีย์ ผลิตใหม่ในแนวคิดของ "hyphal anastomosis" ลักษณะ และ Rhizoctonia ที่ระบุ แนวคิดหมายถึงการที่แยกของ Rhizoctonia ที่มีความสามารถในการจดจำ และฟิวส์ (เช่น "anastomose") กัน แปลงพันธุกรรมเกี่ยวข้อง ในขณะที่แยกของ Rhizoctonia ที่ไม่มีความสามารถนี้ไม่เกี่ยวข้องแปลงพันธุกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เส้นใยพืชของเชื้อรา R. solani และเชื้อรา Rhizoctonia อื่น ๆ ที่มีสีเมื่อหนุ่มสาว แต่กลายเป็นสีน้ำตาลสีที่พวกเขาเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ เส้นใยประกอบด้วยเส้นใยแบ่งออกเป็นแต่ละเซลล์จากเยื่อบุโพรงที่มีรูขุมขนรูปแป้งถั่ว รูขุมขนผนังนี้จะช่วยให้การเคลื่อนไหวของพลาสซึมที่ mitochondria และนิวเคลียสจากเซลล์ไปยังเซลล์ เส้นใยมักสาขาที่มุม 90o และมักจะมีมากกว่าสามนิวเคลียสต่อเซลล์ hyphal ลักษณะทางกายวิภาคของรูขุมขนผนังและหมายเลขโทรศัพท์มือถือนิวเคลียร์ (ซีเอ็นเอ็น) ได้รับการใช้อย่างกว้างขวางโดยนักวิจัยที่จะแยกความแตกต่างจากเชื้อรา R. solani เชื้อรา Rhizoctonia อื่น ๆ อาร์ solani [เปลี่ยนชื่อ Moniliopsis solani = Moniliopsis anderholdii (มัวร์, 1987)] เป็นลักษณะ: ซีเอ็นเอ็นใกล้กับเคล็ดลับในเส้นใยหนุ่มสาวมากกว่าสอง hyphae วิ่งหลักมักจะกว้างกว่า 7mm, เส้นใยหนังสีน้ำตาลเข้ม, sclerotia ( ถ้ามี) รูปร่างผิดปกติ, สีน้ำตาลเข้มไม่แตกต่างออกเป็นเปลือกและ medula และมี Thanatephorus cucumeris เป็น teleomorph ของ. เพราะเชื้อรา R. solani และเชื้อรา Rhizoctonia อื่น ๆ ที่ไม่ได้ผลิตสปอร์และแทบจะไม่เคยผลิต basidiospores การจัดหมวดหมู่ของเชื้อราเหล่านี้มักจะมี เป็นเรื่องยาก ก่อนที่จะปี 1960 นักวิจัยส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนความแตกต่างในลักษณะทางสัณฐานวิทยาข้อสังเกตจากการเพาะเลี้ยงเชื้อราในสื่อสารอาหารในห้องปฏิบัติการและ / หรือเกิดโรคในพืชชนิดต่างๆที่จะจัด Rhizoctonia ในปี 1969 จูเนียร์ Parmeter และเพื่อนร่วมงานของเขาที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียในเบิร์กลีย์, แนะนำแนวคิดของ "anastomosis hyphal" เพื่อแสดงลักษณะและระบุ Rhizoctonia แนวคิดก็หมายความว่าสายพันธุ์ของ Rhizoctonia ที่มีความสามารถในการรับรู้และฟิวส์ (คือ "anastomose") กับแต่ละอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทางพันธุกรรมในขณะที่สายพันธุ์ของ Rhizoctonia ที่ไม่ได้มีความสามารถนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเพาะเลี้ยงพืชและเชื้อราไรซอคโทเนีย R . solani เป็นไม่มีสีเมื่อหนุ่มแต่เป็นสีน้ำตาลสีเช่นที่พวกเขาเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ เจริญประกอบด้วยเส้นใยแบ่งเป็นเซลล์แต่ละเซลล์ โดยผนังที่มีแป้งถั่วรูปขุมขน มีรูพรุนนี้จะช่วยให้สำหรับการเคลื่อนไหวของไซโตปลาสซึม , ไมโตคอนเดรีย และนิวเคลียสจากเซลล์ไปยังเซลล์เส้นใยมักจะสาขาที่ 90 มุมและมักจะมีมากกว่าสามต่อเส้นใยนิวเคลียสของเซลล์ กายวิภาคศาสตร์ของรูขุมขนและเซลล์มีจำนวนนิวเคลียร์ ( ซีเอ็นเอ็น ) ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยนักวิจัยแยก R . solani จากเชื้อราไรซอคโทเนียอื่นๆ R . solani [ เปลี่ยนชื่อ moniliopsis เลท = moniliopsis anderholdii ( มัวร์ , 1987 ) เป็นลักษณะ :ซีเอ็นเอ็นใกล้กับเคล็ดลับในเด็ก ) มากกว่าสองหลัก คาด ) มักจะกว้างกว่า 7 เส้นใยสีน้ำตาลเข้ม , ควาย , ( ถ้ามี ) ที่มีรูปร่างผิดปกติ เบา สีน้ำตาลเข้ม ไม่แตกต่างในเปลือกและเมดูลา และมี thanatephorus ในลุ่มแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็น teleomorph .

เพราะ อาร์เลทและเชื้อราไรซอคโทเนียอื่นไม่ผลิต conidia เท่านั้นไม่ค่อยผลิตและถ่ายทอดเชื้อ , การจำแนกเชื้อราเหล่านี้มักจะได้รับยาก ก่อนปี 1960 นักวิจัยอาศัยส่วนใหญ่ในความแตกต่างในสัณฐาน สังเกตได้จากการเพาะเลี้ยงเชื้อราในอาหารกลาง ในห้องปฏิบัติการ และ / หรือ การก่อโรคในพืชหลายๆ ชนิด เพื่อแยกประเภทไรซอคโทเนีย . ใน 1969 , เจ. อาร์.parmeter และเพื่อนร่วมงานของเขาที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กลีย์ , reintroduced แนวคิด " เส้นใย anastomosis " เพื่ออธิบายลักษณะและระบุไรซอคโทเนีย . แนวคิดบางไอโซเลท ไรซอคโทเนียว่า มีความสามารถในการรับรู้และฟิวส์ ( เช่น " anastomose " ) กับแต่ละอื่น ๆ มีพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องในขณะที่เชื้อไรซอคโทเนียที่ไม่ได้มีความสามารถนี้เป็นพันธุกรรม ไม่เกี่ยวข้องกัน