6.1. Contribution of the proposed a

6.1. Contribution of the proposed approach to educational technology areas
To improve the learning achievement of students, it is important to diagnose the learning problems and provide learning suggestions for
individual students. In the past decade, several studies have been conducted for diagnosing student learning problems and providing
appropriate learning guidance for individual students. Among the existing models, the CER model (Hwang, 2003a) has been widely adopted
by researchers for detecting the learning barriers of students and improving their learning achievements in several fields, including Natural
Science, Mathematics, Physics, Electronic Engineering, and Health (Chu, Hwang, Tseng, & Hwang, 2006; Hwang et al., 2007; Jong et al., 2004;
Tseng et al., 2007).
Nevertheless, although the CER model seems to be effective in several applications, past experiences of using this model have also
revealed a drawback (Hwang, Tseng et al., 2008; Lee et al., 2009); that is, individual teachers might provide some imprecise relationships owing to ignorance or subjectivity; moreover, researchers have indicated that domain experts with different
experiences could have different expertise or understanding of each portion of the knowledge; therefore, the cooperation of several experts
(experienced teachers) has been suggested (Chu & Hwang, 2008; Huang & Shimizu, 2006; Hwang et al., 2006; Léger & Naud, 2009; Medsker
et al., 1995; Mittal & Dym, 1985). Yang and Chan (2008) further indicated that a multi-expert approach is an effective way to recognize and
reject incorrect solutions and suggestions to a higher degree than a single-expert approach.
However, so far little research has been devoted to investigating this important and challenging issue, that is, the cooperation of multiple
experts for obtaining more accurate ratings to describe the relevance between the test items and the concepts to be assessed.
The major contribution of this study is to propose a multi-expert approach to elicit and integrate relationships from
multiple experts, such that more accurate learning guidance or suggestions can be provided to individual students. The performance of this
innovative approach has been compared with that of the existing model by conducting an experiment on a Mathematics course in a junior
high school. From the cooperation of three experienced teachers and the test results of 113 junior high school students, it is found that the
proposed approach is able to provide more effective learning guidance to the students; that is, the students who follow the proposed
approach are able to achieve significantly better performance than those who received the suggestions given by the previously proposed
model. Therefore, we conclude that the proposed approach can cope with the key barrier of diagnosing student learning problems. Such
a contribution not only plays an important role in enhancing the learning performance of students, but also provides valuable references for
researchers who are devoted to the study of models of learning diagnosis (Hwang et al., 2003; Jong et al., 2004) or the development of
testing and diagnostic systems (Chen & Bai, 2009; Chu et al., 2006; Drew, Thorpe, & Bannisher, 2000; Hwang, 2007; Lee et al., 2009).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

6.1 การผันแปรของวิธีการนำเสนอเทคโนโลยีการศึกษาพื้นที่เพื่อปรับปรุงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ปัญหาการเรียนรู้ และให้คำแนะนำการเรียนรู้สำหรับนักเรียนแต่ละ ในทศวรรษที่ผ่านมา หลายการศึกษาได้ดำเนิน การวิเคราะห์ปัญหาการเรียนของนักเรียนให้คำแนะนำการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนแต่ละ ระหว่างแบบจำลองที่มีอยู่ แบบ CER (Hwang, 2003a) ได้ถูกแพร่หลายนำโดยนักวิจัยตรวจหาอุปสรรคการเรียนรู้ของนักเรียน และพัฒนาความสำเร็จของพวกเขาเรียนรู้ในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งธรรมชาติวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และสุขภาพ (ชู Hwang หยานี และ Hwang, 2006 Hwang et al., 2007 Jong et al., 2004หยานี et al., 2007)อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดูเหมือน จะมีประสิทธิภาพในการใช้งานแบบ CER ประสบการณ์ที่ผ่านมาของการใช้รูปแบบนี้มียังเปิดเผยคืนเงิน (Hwang หยานี et al., 2008 ลีเอส al., 2009); นั่นคือ ครูละอาจมีบาง imprecise แนวคิด > ความสัมพันธ์ เพราะความไม่รู้หรือ subjectivity นอกจากนี้ นักวิจัยได้ระบุโดเมนที่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญแตกต่างกันหรือความเข้าใจของแต่ละส่วนของความรู้ ดังนั้น ความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญหลาย(ครูพบ) ได้แนะนำ (ชูและ Hwang, 2008 หวงและชิมิซุ 2006 Hwang et al., 2006 Léger & Naud, 2009 Medskerและ al., 1995 Mittal & Dym, 1985) ยางและจาน (2008) เพิ่มเติมระบุไว้ว่า วิธีใช้หลายวิธีมีประสิทธิภาพการรับรู้ และปฏิเสธโซลูชั่นไม่ถูกต้องและคำแนะนำไปในระดับที่สูงกว่าวิธีเดียวผู้เชี่ยวชาญอย่างไรก็ตาม ไกลน้อยมีการทุ่มเทเพื่อตรวจสอบความสำคัญ และท้าทายปัญหานี้ คือ ความร่วมมือของหลายผู้เชี่ยวชาญสำหรับการได้รับการจัดอันดับถูกต้องมากขึ้นเพื่ออธิบายความเกี่ยวข้องระหว่างแนวคิดการประเมินและทดสอบสินค้าส่วนสำคัญของการศึกษานี้จะเสนอวิธีการแบบหลายผู้เชี่ยวชาญบอก และรวม ความสัมพันธ์จากหลายผู้เชี่ยวชาญ เช่นให้คำแนะนำการเรียนรู้เพิ่มเติมถูกต้องหรือคำแนะนำสามารถให้นักเรียนแต่ละ ประสิทธิภาพการทำงานนี้วิธีการนวัตกรรมถูกเปรียบเทียบกับรุ่นที่มีอยู่ โดยดำเนินการทดลองในหลักสูตรคณิตศาสตร์ในเจ้าโรงเรียนมัธยม จากความร่วมมือของครูประสบการณ์ 3 และผลการทดสอบของนักเรียนมัธยมตอนต้น 113 มันอยู่ที่การวิธีการนำเสนอจะสามารถให้คำแนะนำการเรียนรู้มีประสิทธิภาพนักเรียน นั่นคือ นักเรียนที่ปฏิบัติตามที่เสนอวิธีจะให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ากลุ่มที่ได้รับคำแนะนำที่กำหนดให้ โดยนำเสนอก่อนหน้านี้แบบจำลอง ดังนั้น เราสรุปว่า วิธีการนำเสนอที่สามารถรับมือกับอุปสรรคสำคัญของการวิเคราะห์ปัญหาการเรียนของนักเรียน ดังกล่าวบริจาคไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียน แต่ยัง ให้การอ้างอิงที่มีคุณค่าสำหรับนักวิจัยที่อุทิศให้กับการศึกษารูปแบบการเรียนรู้การวินิจฉัย (Hwang et al., 2003 Jong et al., 2004) หรือการพัฒนาทดสอบ และวิเคราะห์ระบบ (เฉินและไบ 2009 ชูและ al., 2006 ดึง โธร์ป & Bannisher, 2000 Hwang, 2007 ลีเอส al., 2009)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

6.1 เงินสมทบของวิธีการที่นำเสนอไปยังพื้นที่เทคโนโลยีการศึกษา
เพื่อปรับปรุงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยปัญหาการเรียนรู้และให้คำแนะนำการเรียนรู้สำหรับ
นักเรียนแต่ละคน ในทศวรรษที่ผ่านมาการศึกษาหลายได้รับการดำเนินการวินิจฉัยปัญหาเรียนรู้ของนักเรียนและการให้
คำแนะนำการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน ในบรรดารูปแบบที่มีอยู่ในรูปแบบ CER (Hwang, 2003A) ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
โดยนักวิจัยในการตรวจหาอุปสรรคในการเรียนรู้ของนักเรียนและการปรับปรุงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของพวกเขาในหลายสาขารวมทั้งธรรมชาติ
วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์, ฟิสิกส์, วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และสุขภาพ (จือ , ฮวงเซ่งส์และ Hwang, 2006. Hwang et al, 2007; Jong et al, 2004;.
.. Tseng et al, 2007)
อย่างไรก็ตามแม้ว่ารูปแบบ CER ดูเหมือนว่าจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานหลายประสบการณ์ที่ผ่านมาของการใช้ รูปแบบนี้ยังมี
การเปิดเผยข้อเสียเปรียบ (ฮวงเซ่งส์ et al, 2008;.. ลีและคณะ, 2009); ว่ามีที่ครูแต่ละคนอาจให้แน่ชัดบางแนวคิด> ความสัมพันธ์เนื่องจากความไม่รู้หรือความอยู่; นอกจากนี้นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญโดเมนที่มีแตกต่างกัน
อาจมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันหรือความเข้าใจในส่วนของแต่ละความรู้; ดังนั้นความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญหลาย
(ครูที่มีประสบการณ์) ได้รับการแนะนำ (จือและ Hwang 2008; Huang & ชิมิซึ, 2006; Hwang et al, 2006;. Léger & Naud 2009; Medsker
et al, 1995;. Mittal & Dym , 1985) ยางและจัน (2008) ต่อไปชี้ให้เห็นว่าวิธีการหลายผู้เชี่ยวชาญเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรับรู้และ
การแก้ปัญหาการปฏิเสธไม่ถูกต้องและข้อเสนอแนะในระดับสูงกว่าวิธีการเดียวผู้เชี่ยวชาญ.
อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้การวิจัยน้อยได้รับการทุ่มเทให้กับการตรวจสอบที่สำคัญนี้ และปัญหาท้าทายที่เป็นความร่วมมือของหลาย
ผู้เชี่ยวชาญสำหรับการได้รับการจัดอันดับที่ถูกต้องมากขึ้นในการอธิบายความเกี่ยวข้องระหว่างข้อสอบและแนวความคิดที่จะได้รับการประเมิน.
ผลงานที่สำคัญของการศึกษานี้คือการเสนอวิธีการหลายผู้เชี่ยวชาญที่จะล้วงเอาและบูรณาการความสัมพันธ์จาก
ผู้เชี่ยวชาญหลายอย่างเช่นการเรียนรู้คำแนะนำที่ถูกต้องมากขึ้นหรือข้อเสนอแนะสามารถให้กับนักเรียนแต่ละคน ประสิทธิภาพการทำงานของนี้
วิธีการใหม่ได้รับเมื่อเทียบกับที่ของรูปแบบที่มีอยู่โดยการดำเนินการทดลองในหลักสูตรคณิตศาสตร์ในจูเนียร์
โรงเรียนมัธยม จากความร่วมมือของสามครูที่มีประสบการณ์และผลการทดสอบของ 113 นักเรียนมัธยมก็จะพบว่า
วิธีการที่นำเสนอสามารถที่จะให้คำแนะนำการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับนักเรียน; ว่ามีนักเรียนที่ปฏิบัติตามที่นำเสนอ
วิธีการที่จะสามารถบรรลุประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่าผู้ที่ได้รับข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการเสนอก่อนหน้านี้
รูปแบบ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่าวิธีการที่นำเสนอสามารถรับมือกับอุปสรรคที่สำคัญของการวินิจฉัยปัญหาเรียนรู้ของนักเรียน ดังกล่าว
มีส่วนร่วมที่ไม่เพียง แต่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียน แต่ยังมีการอ้างอิงที่มีคุณค่าสำหรับ
นักวิจัยที่ได้รับการอุทิศเพื่อการศึกษารูปแบบของการเรียนรู้การวินิจฉัย (Hwang et al, 2003;.. Jong, et al, 2004) หรือการพัฒนาของ
การทดสอบและระบบการวินิจฉัย (เฉินและตากใบ 2009; จือและคณะ, 2006;. ดรูว์ ธ อร์ปและ Bannisher 2000; Hwang, 2007. Lee et al, 2009)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

6.1 . การเสนอแนวทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียน มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะวินิจฉัยปัญหาด้านการเรียนและการเรียนให้ข้อเสนอแนะสำหรับ
นักเรียนแต่ละ ในทศวรรษที่ผ่านมา การศึกษาหลายแห่งได้ดำเนินการสำหรับการวินิจฉัยปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียน และให้คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้
นักเรียนแต่ละในรูปแบบเดิม รุ่นจิ๋ว ( ฮวาง 2003a ) ได้รับการรับรองอย่างกว้างขวาง
โดยนักวิจัยสําหรับตรวจจับอุปสรรคการเรียนรู้ของนักเรียนและปรับปรุงผลการเรียนของพวกเขาในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงธรรมชาติ
วิทยาศาสตร์ , คณิตศาสตร์ , ฟิสิกส์ , วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และสุขภาพ ( ชู ฮวาง เช็ง& , ฮวาง , 2006 ; ฮวางและ al . , 2007 ; จอง et al . , 2004 ;
เช็ง et al . , 2007 ) .
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเซอร์แบบดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานหลาย ๆ ประสบการณ์ที่ผ่านมาของการใช้รูปแบบนี้ยังพบอุปสรรค์
( ฮวาง เช็ง et al . , 2008 ; ลี et al . , 2009 ) ; นั่นคือ ครูแต่ละคนอาจให้บางคลุมเครือ < ทดสอบสินค้า แนวคิด > ความสัมพันธ์เพราะความไม่รู้หรือส่วนตัว นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าโดเมนผู้เชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน
ประสบการณ์อาจจะแตกต่างกัน ความเชี่ยวชาญ หรือความเข้าใจในแต่ละส่วนของความรู้ ดังนั้น ความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญหลายที่
( ประสบการณ์ครู ) ได้รับการแนะนำ ( ชู&ฮวาง , 2008 ; Huang & ชิมิ , 2006 ; ฮวาง et al . , 2006 ; L é GER & naud , 2009 ; medsker
et al . , 1995 ; Mittal & dym , 1985 )ยาง และ ชาน ( 2008 ) นอกจากนี้พบว่าวิธีการที่ผู้เชี่ยวชาญหลายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรับรู้ และไม่ถูกต้องแก้ไขและข้อเสนอแนะ
ปฏิเสธในระดับที่สูงกว่าวิธีการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเดียว .
แต่เท่าที่วิจัยน้อยได้รับการอุทิศเพื่อการตรวจสอบนี้ที่สำคัญและปัญหาที่ท้าทาย คือ ความร่วมมือของหลาย
ผู้เชี่ยวชาญการจัดอันดับที่ถูกต้องมากขึ้นเพื่ออธิบายถึงความเกี่ยวข้องระหว่างข้อทดสอบแนวความคิดที่จะถูกประเมิน .
ส่วนหลักของการศึกษานี้ เพื่อเสนอแนวทางพัฒนาและบูรณาการหลายผู้เชี่ยวชาญ < ข้อสอบแนวคิด > ความสัมพันธ์จาก
หลายผู้เชี่ยวชาญเช่นที่ถูกต้องมากขึ้นการเรียนรู้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะสามารถให้กับนักเรียน ของแต่ละบุคคลประสิทธิภาพของวิธีการใหม่นี้
ได้รับเมื่อเทียบกับที่ของรุ่นที่มีอยู่ โดยทำการทดลองในรายวิชาคณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมจูเนียร์
. จากความร่วมมือของ 3 ครูที่มีประสบการณ์และผลการทดสอบของ 113 นักเรียนรุ่นน้อง พบว่า
วิธีการที่เสนอสามารถให้คำแนะนำการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับนักเรียน นั่นคือนักเรียนที่ตามเสนอ
วิธีการสามารถบรรลุประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าผู้ที่ได้รับคำแนะนำให้ โดยก่อนหน้านี้เสนอ
นางแบบ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า วิธีการที่เสนอสามารถรับมือกับอุปสรรคที่สำคัญของการวินิจฉัยนักเรียนปัญหาการเรียนรู้ เช่น
สนับสนุนไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียน แต่ยังมีการอ้างอิงที่มีคุณค่าสำหรับ
นักวิจัยที่อุทิศให้กับการศึกษาโมเดลของการเรียนรู้การวินิจฉัย ( ฮวาง et al . , 2003 ; จอง et al . , 2004 ) หรือการพัฒนาของระบบการสอบและวินิจฉัย
( เฉิน&ไป๋ 2009 ; ชู et al . , 2006 ; วาด ธอร์ป & bannisher , 2000 ; ฮวาง , 2007 ;ลี et al . , 2009 )