Although Iran achieved impressive r

Although Iran achieved impressive rates of economic growth and social progress, the shah’s autocratic methods and close relationship with the West, along with striking and persistent inequality, alienated large sections of the population. By 1978, domestic unrest had transformed into large-scale religious and political opposition to the shah. In this context, the shah increasingly depended on his government security and intelligence services, which in turn became notorious for violent repression and abuse. Unrest turned into massive demonstrations by a diverse set of nationalists, Islamists, Marxists, and student groups who united in opposition against the shah. By 1979, the shah had lost his grip on power and opposition groups led by Ayatollah Ruhollah Khomeini merged together, leading the shah to finally announce his intention to leave Iran.
On February 1, 1979, Ayatollah Khomeini returned to Iran from exile and quickly cemented his leadership by galvanizing a wide array of political groups under the banner of Islam, Iranian nationalism, and a rejection of foreign influence.9 The monarchy was dismantled and replaced with a theocratic republic guided by Islamic principles. Despite the drastic shift in political power, many of the human rights abuses and political unrest that occurred under the shah continued through the early days of the Islamic Republic. Domestic political turmoil spilled over into international relations when,

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้ว่าอิหร่านประสบความสำเร็จที่น่าประทับใจของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคมของอิหร่านวิธีการเผด็จการและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเวสต์พร้อมกับโดดเด่นและความไม่เท่าเทียมถาวรแปลกส่วนใหญ่ของประชากร โดยปี 1978 เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศได้กลายเป็นขนาดใหญ่ความขัดแย้งทางศาสนาและการเมืองอิหร่าน ในบริบทนี้อิหร่านมากขึ้นขึ้นอยู่กับการรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลและหน่วยสืบราชการลับซึ่งจะกลายเป็นที่รู้จักสำหรับการปราบปรามความรุนแรงและการละเมิด ความไม่สงบกลายเป็นสาธิตขนาดใหญ่โดยชุดที่หลากหลายของโดนัลด์, อิสลาม, Marxists และกลุ่มนักเรียนที่สหรัฐในการต่อสู้กับอิหร่าน โดยปี 1979 อิหร่านได้สูญเสียการยึดเกาะของเขาในกลุ่มพลังงานและฝ่ายค้านนำโดย Ayatollah Ruhollah Khomeini รวมกันนำอิหร่านไปจนประกาศความตั้งใจของเขาที่จะออกจากอิหร่าน.
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1979, Ayatollah Khomeini กลับไปยังอิหร่านจากการถูกเนรเทศและยึดได้อย่างรวดเร็ว ความเป็นผู้นำของเขาโดยการชุบสังกะสีที่หลากหลายของกลุ่มการเมืองภายใต้ร่มธงของศาสนาอิสลามชาติอิหร่านและปฏิเสธ influence.9 ต่างประเทศสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกรื้อถอนและแทนที่ด้วยสาธารณรัฐ theocratic แนะนำโดยหลักการอิสลาม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอำนาจทางการเมืองหลายละเมิดสิทธิมนุษยชนและความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในอิหร่านยังคงผ่านวันแรกของสาธารณรัฐอิสลาม ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศทะลักเข้ามาในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถึงแม้ว่าอิหร่านได้อัตราที่น่าประทับใจของการเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคมของกษัตริย์เผด็จการวิธีการและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตะวันตก พร้อมกับ ที่โดดเด่น และหมั่นความบาดหมางกันขนาดใหญ่ส่วนของประชากร โดยความไม่สงบภายในประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงลงใน 1978 , ขนาดใหญ่ , ศาสนา และการเมืองความขัดแย้งกับอิหร่าน . ในบริบทนี้อิหร่านมากขึ้นขึ้นอยู่กับความมั่นคงของรัฐบาล และหน่วยข่าวกรอง ซึ่งจะกลายเป็นที่ฉาวโฉ่สำหรับการปราบปรามที่รุนแรงและการละเมิด ความไม่สงบกลายเป็นใหญ่การสาธิตด้วยชุดหลากหลายของอเมริกา , Islamists , สาธารณรัฐอินเดีย และกลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านสหรัฐในอิหร่าน . โดยปี 1979อิหร่านเคยพลาดหวังในอำนาจและกลุ่มฝ่ายค้านที่นำโดย Ayatollah อายะตุลลอฮ์ โคมัยนี ผสานเข้าด้วยกัน นำชา ได้ประกาศความตั้งใจของเขาที่จะออกจากอิหร่าน .
ที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979 Ayatollah Khomeini กลับไปยังอิหร่านจากการเนรเทศและรวดเร็วซีเมนต์ความเป็นผู้นำของเขา โดยไนอาร์เรย์ที่กว้างของกลุ่มการเมืองภายใต้แบนเนอร์ของศาสนาอิสลาม ชาตินิยมชาวอิหร่านและการปฏิเสธของอิทธิพลต่างชาติ 9 สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกรื้อถอนและแทนที่ด้วยสาธารณรัฐ theocratic แนะนําโดยหลักการอิสลาม แม้จะมีการเปลี่ยนอำนาจทางการเมือง หลายของการละเมิดสิทธิมนุษยชน และความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นภายใต้ Shah อย่างต่อเนื่องผ่านวันแรกของสาธารณรัฐอิสลาม ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศทะลักเข้ามาในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อ