Many people argue that courses offe

Many people argue that courses offered by schools should be career-oriented, since the primary goal of education is for students to earn a living after graduation. However, I believe that students should learn general subjects.
For one, students should know how the world works. As an educated person, it's humiliating to seem uninformed and ignorant. Take myself as an example. When I was in high school, I was not fond of sciences and hoped to major in arts. I did see the point in attending those science classes and burning the midnight oil preparing for the examinations of physics and chemistry. However, I feel gratiful now that I was required to take those courses. Imagine how embarassed I would be if I did't even know the concepts of gravity, flash points or geomagnetic field.
Furthermore, many jobs require diverse knowlege in different fields. People can gain inspiration from knowledge in other fields and put forward creative ideas to solve problems. Besides,it's difficult to draw a line between courses related to specific careers and courses that are no, because some jobs require interdisciplinary knowlege. People working in Journalism can gain a competetive edge if they have diverse take-in in other fields like sports, politics etc. Translators will meet tremendous difficulty if they don't have broad range of knowlege.
Finally, students may not really know what career they want to pursue, and receiving education related to specific careers will make changing careers practically impossible. Young people are constantly searching for their own potential and desire, so their aspirations may easily change.Also, with the advancement in technology and society, students may later find their interest in novel industries and jobs. Though they still have to pay painstaking efforts studing in-depth knowlege in the new job, with the basics in general subjects, it's possible for them to suceed.
In conclusion, students should learn general subjects because the diverse knowledge can help them know how the world works, solve problems in positions requiring broad knowledge, and change careers. It's incumbent upon schools to broaden students' knowlege and prepare them for a promising future and meaningful life.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลายคนโต้แย้งว่า หลักสูตรที่นำเสนอ โดยโรงเรียนควรมีอาชีพแปลก เนื่องจากเป้าหมายหลักของการศึกษาสำหรับนักเรียนกินหลังจากจบการศึกษา อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า นักเรียนควรเรียนรู้วิชา หนึ่ง นักเรียนควรรู้วิธีการทำงานของโลก เป็นการศึกษา ได้ humiliating ดูเหมือนว่าไม่รู้ และไม่รู้ ใช้ตัวเองเป็นตัวอย่าง เมื่อฉันถูกในโรงเรียนมัธยม ผมไม่ชอบวิทยาศาสตร์มาก และที่สำคัญในศิลปะ ฉันไม่เห็นจุดร่วมที่เรียนวิทยาศาสตร์ และหลับเตรียมความพร้อมสำหรับสอบฟิสิกส์และเคมี อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึก gratiful ตอนนี้ที่ฉันมีต้องให้ผู้ จินตนาการว่า embarassed ฉันจะถ้าฉัน did't ได้รู้แนวคิดของแรงโน้มถ่วง แฟลชจุด หรือเขต geomagnetic นอกจากนี้ หลายงานต้องใช้ความรู้ที่หลากหลายในมิติต่าง ๆ คนสามารถได้รับแรงบันดาลใจจากความรู้ในเขตอื่น ๆ และนำความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา นอกจาก จึงยากที่จะวาดเส้นระหว่างอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเฉพาะหลักสูตรและหลักสูตรที่ไม่ เพราะงานบางอย่างต้องอาศัยความรู้ คนที่ทำงานในวารสารศาสตร์สามารถกำไรขอบ competetive ได้หลากหลาย take-in ในฟิลด์อื่น ๆ เช่นกีฬา การเมืองฯลฯ นักแปลจะพบยากมากถ้าพวกเขาไม่มีความรู้ ในที่สุด นักเรียนอาจไม่ทราบจริง ๆ อาชีพใดต้องการติดตาม และได้รับการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเฉพาะจะทำให้เปลี่ยนอาชีพได้จริง คนหนุ่มสาวตลอดเวลากำลังค้นหาศักยภาพของตนเองและความปรารถนา ดังนั้นความปรารถนาของพวกเขาอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ยัง มีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีและสังคม นักเรียนภายหลังต้องอาจพบความสนใจในงานและอุตสาหกรรมนวนิยาย แม้ว่าพวกเขายังมีการพยายามรอบคอบรู้ลึก studing งานใหม่ มีพื้นฐาน ทั่วไปวิชา ได้ไปสำหรับพวกเขา suceed เบียดเบียน นักเรียนควรเรียนรู้วิชาความรู้หลากหลายสามารถช่วยให้พวกเขารู้ว่าโลกทำงานอย่างไร ปัญหาในตำแหน่งที่ต้องการความรู้ที่กว้าง และเปลี่ยนอาชีพ Incumbent ตามโรงเรียนเพื่อขยายความรู้ของนักเรียน และเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตในอนาคต และมีแนวโน้มได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลายคนยืนยันว่าหลักสูตรที่นำเสนอโดยโรงเรียนควรจะเป็นอาชีพที่มุ่งเน้นเนื่องจากเป้าหมายหลักของการศึกษาสำหรับนักเรียนที่จะได้รับชีวิตหลังจากที่สำเร็จการศึกษา แต่ผมเชื่อว่านักเรียนควรจะเรียนรู้วิชาทั่วไป.
สำหรับหนึ่งนักเรียนควรรู้วิธีการทำงานของโลก ในฐานะที่เป็นคนที่มีการศึกษาก็เป็นความอัปยศที่จะดูเหมือนไม่รู้และไม่รู้ ใช้ตัวเองเป็นตัวอย่าง เมื่อตอนที่ผมอยู่ในโรงเรียนมัธยมผมก็ไม่ชอบวิทยาศาสตร์และหวังว่าจะสำคัญในศิลปะ ฉันไม่เห็นจุดในการเข้าร่วมชั้นเรียนวิทยาศาสตร์เหล่านั้นและการเผาไหม้น้ำมันเที่ยงคืนเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบของฟิสิกส์และเคมีที่ แต่ผมรู้สึก gratiful ตอนนี้ที่ผมจะต้องใช้หลักสูตรเหล่านั้น คิดว่าอายฉันจะเป็นถ้าฉัน did't ได้รู้ว่าแนวความคิดของแรงโน้มถ่วงจุดแฟลชหรือสนามแม่เหล็กโลก.
นอกจากนี้งานจำนวนมากจำเป็นต้องมีความรู้ที่มีความหลากหลายในด้านที่แตกต่างกัน คนที่ได้รับแรงบันดาลใจสามารถจากความรู้ในด้านอื่น ๆ และนำมาคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ก็ยากที่จะวาดเส้นระหว่างหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพที่เฉพาะเจาะจงและหลักสูตรที่ไม่เพราะงานบางอย่างต้องใช้ความรู้สหวิทยาการ คนที่ทำงานในวารสารศาสตร์สามารถได้รับขอบ competetive ถ้าพวกเขามีความหลากหลายในการใช้เวลาในสาขาอื่น ๆ เช่นกีฬา, การเมืองแปล ฯลฯ จะได้พบกับความยากลำบากอย่างมากถ้าพวกเขาไม่ได้มีความหลากหลายของความรู้.
จากนั้นนักเรียนอาจจะไม่ทราบจริงๆสิ่งที่อาชีพ พวกเขาต้องการที่จะไล่ตามและได้รับการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพที่เฉพาะเจาะจงจะทำให้อาชีพที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ได้จริง คนหนุ่มสาวที่มีอย่างต่อเนื่องค้นหาศักยภาพของตัวเองและความปรารถนาของพวกเขาดังนั้นแรงบันดาลใจได้อย่างง่ายดายอาจ change.Also ด้วยความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและสังคมนักเรียนในภายหลังอาจพบความสนใจในอุตสาหกรรมนวนิยายและการจ้างงาน แม้ว่าพวกเขาจะยังคงต้องจ่ายเพียรพยายาม studing ความรู้ในเชิงลึกในงานใหม่ด้วยพื้นฐานในวิชาทั่วไปก็เป็นไปได้สำหรับพวกเขาการประสบความสำเร็จ.
สรุปได้ว่านักเรียนควรจะเรียนรู้วิชาทั่วไปเพราะความรู้ที่มีความหลากหลายสามารถช่วยให้พวกเขาทราบว่า โลกการทำงานแก้ปัญหาในตำแหน่งที่ต้องมีความรู้ในวงกว้างและเปลี่ยนอาชีพ มันเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่จะขยายความรู้ของนักเรียนและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่มีแนวโน้มและชีวิตมีความหมาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาจารย์มหาลัยเพิ่งเสร็จสิ้นการอธิบาย ที่สำคัญโครงการวิจัยในชั้นเรียน เขาเน้นว่า กระดาษนี้คือความต้องการที่แท้จริง ผ่านห้องของเขา และมีเพียงสองแก้ตัวที่ยอมรับได้สำหรับการมาสาย

นั้นคือการเจ็บป่วยทางการแพทย์รับรอง หรือความตายในครอบครัวของนักเรียน



อาจารย์มหาลัยเพิ่งเสร็จสิ้นการอธิบาย ที่สำคัญโครงการวิจัยในชั้นเรียน เขาเน้นว่า กระดาษนี้คือความต้องการที่แท้จริง ผ่านห้องของเขา และมีเพียงสองแก้ตัวที่ยอมรับได้สำหรับการมาสาย

นั้นคือการเจ็บป่วยทางการแพทย์รับรอง หรือความตายในครอบครัวของนักเรียน



อาจารย์มหาลัยเพิ่งเสร็จสิ้นการอธิบาย ที่สำคัญโครงการวิจัยในชั้นเรียน เขาเน้นว่า กระดาษนี้คือความต้องการที่แท้จริง ผ่านห้องของเขา และมีเพียงสองแก้ตัวที่ยอมรับได้สำหรับการมาสาย

นั้นคือการเจ็บป่วยทางการแพทย์รับรอง หรือความตายในครอบครัวของนักเรียน



อาจารย์มหาลัยเพิ่งเสร็จสิ้นการอธิบาย ที่สำคัญโครงการวิจัยในชั้นเรียน เขาเน้นว่า กระดาษนี้คือความต้องการที่แท้จริง ผ่านห้องของเขา และมีเพียงสองแก้ตัวที่ยอมรับได้สำหรับการมาสาย

นั้นคือการเจ็บป่วยทางการแพทย์รับรอง หรือความตายในครอบครัวของนักเรียน



อาจารย์มหาลัยเพิ่งเสร็จสิ้นการอธิบาย ที่สำคัญโครงการวิจัยในชั้นเรียน เขาเน้นว่า กระดาษนี้คือความต้องการที่แท้จริง ผ่านห้องของเขา และมีเพียงสองแก้ตัวที่ยอมรับได้สำหรับการมาสาย

นั้นคือการเจ็บป่วยทางการแพทย์รับรอง หรือความตายในครอบครัวของนักเรียน



อาจารย์มหาลัยเพิ่งเสร็จสิ้นการอธิบาย ที่สำคัญโครงการวิจัยในชั้นเรียน เขาเน้นว่า กระดาษนี้คือความต้องการที่แท้จริง ผ่านห้องของเขา และมีเพียงสองแก้ตัวที่ยอมรับได้สำหรับการมาสาย

นั้นคือการเจ็บป่วยทางการแพทย์รับรอง หรือความตายในครอบครัวของนักเรียน