resulting in reduced CVD risk and o

resulting in reduced CVD risk and occurrence (am diab assoc. diabetes care 2011). In parallel with this information, as mentioned above, recent data from important studies have highlighted the risk of new-onset insulin resistance or T2DM in patients using statins [5,20–22].

ถึงแม้ว่าearly-onset และlate-onset T2DM จะมีความเสี่ยงสูงของในการเกิดCVD และการเสียชีวิต ระยะเวลายาวนาน(N10 years)เท่านั้น T2DM ที่จะปรากฏความเสี่ยงเกิดCVD [18] ดังนั้น ยากลุ่ม statin ใช้รักษาdyslipidemia for primary และ secondary CVD [19] ส่งผลให้ลดความเสี่ยงของการเกิดCVD (am diab assoc. diabetes care 2011 ข้อมูลเหล่านี้เป็นที่กล่าวถึงข้างต้น





The first trial reporting a link between statin use and diabetes is the JUPITER trial, conducted in 17,802 subjects over a 1.9- year period, showing an overall 27% increase in investigator-reported T2DM in patients treated with 20 mg/day rosuvastatin compared to patients receiving placebo and a moderate but significant increase of median hemoglobin A1c levels in the rosuvastatin arm compared to the control arm [20]. Very interestingly, this increase may be attributed to the female subgroup (+50% new-onset diabetes vs. control, P = 0.008) rather than to men (+13%, P = 0.29) [6]. For this specific study, authors concluded that positive cardiovascular benefits of statin- treated subjects outweighed the risk of new-onset diabetes [8].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ส่งผลให้ลดความเสี่ยงของ CVD และเหตุการณ์ (น. diab รศเบาหวานดูแล 2011) ขนานกับข้อมูลนี้ ด้าน ข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาที่สำคัญได้เน้นความเสี่ยงของการดื้ออินซูลินใหม่โจมตีหรือ T2DM ในผู้ป่วยที่ใช้ยากลุ่ม statin [5,20-22]ถึงแม้ว่าearly-โจมตีโจมตี และlate T2DM จะมีความเสี่ยงสูงของในการเกิดCVD และการเสียชีวิต ระยะเวลายาวนาน(N10 years) เท่านั้น T2DM ที่จะปรากฏความเสี่ยงเกิดCVD [18] ดังนั้นยากลุ่ม ใช้รักษาdyslipidemia สำหรับหลักและรอง CVD [19] ส่งผลให้ลดความเสี่ยงของการเกิดCVD (น. diab รศเบาหวานดูแล 2011 ข้อมูลเหล่านี้เป็นที่กล่าวถึงข้างต้นสแตติน การทดลองแรกที่รายงานการเชื่อมโยงระหว่างสแตตินโรคเบาหวานและใช้เป็นจูปิเตอร์ทดลอง ดำเนินในวิชา 17,802 เวลา 1.9 ปี แสดงการเพิ่มขึ้น 27% โดยรวม T2DM นักสืบที่มีรายงานในผู้ป่วยที่รักษา ด้วย rosuvastatin 20 มิลลิกรัมเมื่อเทียบกับผู้ป่วยได้รับยาหลอกและเพิ่มขึ้นปานกลาง แต่สำคัญของเฮโมโกลบินเฉลี่ยระดับ A1c ในแขน rosuvastatin เทียบกับแขนควบคุม [20] มากที่น่าสนใจ เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นเพราะกลุ่มหญิง (+ 50% เบาหวานใหม่โจมตีเจอควบคุม P = 0.008) แทนผู้ชาย (+ 13%, P = 0.29) [6] สำหรับการศึกษานี้ระบุ ผู้เขียนสรุปว่า บวกหัวใจประโยชน์ของสแตติน - บำบัดวัตถุ outweighed ความเสี่ยงของโรคเบาหวานใหม่โจมตี [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีผลในการลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบและ (AM diab รศ. ดูแลรักษาโรคเบาหวาน 2011) ควบคู่ไปกับข้อมูลเหล่านี้เป็นที่กล่าวถึงข้างต้นข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาที่สำคัญได้เน้นความเสี่ยงของความต้านทานต่ออินซูลินใหม่ที่เริ่มมีอาการหรือ T2DM ในผู้ป่วยโดยใช้ยากลุ่ม statin [5,20-22]. ถึงแม้ว่าในช่วงต้นการโจมตีและเริ่มมีอาการปลาย T2DM จะ มีความเสี่ยงสูงของในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบและการเสียชีวิตระยะเวลายาวนาน (ปี N10) เท่านั้น T2DM ที่จะปรากฏความเสี่ยงเกิด CVD [18] ดังนั้นยากลุ่ม statin ใช้รักษาภาวะไขมันผิดปกติสำหรับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาซีวีดี [19] ส่งผลให้ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ (AM diab ดูแลรศ. 2011 โรคเบาหวาน การทดลองครั้งแรกรายงานการเชื่อมโยงระหว่างการใช้ยา statin และโรคเบาหวานคือการทดลอง JUPITER ดำเนินการใน 17,802 วิชาเป็นระยะเวลากว่า 1.9- ปีแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้น 27% โดยรวมในการตรวจสอบรายงาน T2DM ในผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วย 20 มิลลิกรัม / วัน rosuvastatin เทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับ ได้รับยาหลอกและเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง แต่มีความหมายของระดับฮีโมโกล A1c เฉลี่ยในแขน rosuvastatin เมื่อเทียบกับแขนควบคุม [20]. น่าสนใจมากเพิ่มขึ้นนี้อาจจะนำมาประกอบกับกลุ่มย่อยเพศหญิง (+ 50% ใหม่ที่เริ่มมีอาการโรคเบาหวานกับการควบคุม P = 0.008) มากกว่าที่จะให้มนุษย์ (+ 13%, P = 0.29) [6]. สำหรับการศึกษาที่เฉพาะเจาะจงนี้ผู้เขียนได้ข้อสรุปว่าผลประโยชน์โรคหัวใจและหลอดเลือดในเชิงบวกของอาสาสมัครได้รับการรักษา statin- ในแง่ความเสี่ยงของโรคเบาหวานใหม่โจมตี [8]