A wildfire or wildland fire is a fi

A wildfire or wildland fire is a fire in an area of combustible vegetation that occurs in the countryside or rural area.[1] Depending on the type of vegetation where it occurs, a wildfire can also be classified more specifically as a brush fire, bush fire, desert fire, forest fire, grass fire, hill fire, peat fire, vegetation fire, or veld fire.[2] Fossil charcoal indicates that wildfires began soon after the appearance of terrestrial plants 420 million years ago.[3] Wildfire’s occurrence throughout the history of terrestrial life invites conjecture that fire must have had pronounced evolutionary effects on most ecosystems' flora and fauna.[4] Earth is an intrinsically flammable planet owing to its cover of carbon-rich vegetation, seasonally dry climates, atmospheric oxygen, and widespread lightning and volcano ignitions.[4]

Wildfires can be characterized in terms of the cause of ignition, their physical properties, the combustible material present, and the effect of weather on the fire.[5] Wildfires can cause damage to property and human life, but they have many beneficial effects on native vegetation, animals, and ecosystems that have evolved with fire.[6][7] Many plant species depend on the effects of fire for growth and reproduction.[8] However, wildfire in ecosystems where wildfire is uncommon or where non-native vegetation has encroached may have negative ecological effects.[5] Wildfire behaviour and severity result from the combination of factors such as available fuels, physical setting, and weather.[9][10][11] Analyses of historical meteorological data and national fire records in western North America show the primacy of climate in driving large regional fires via wet periods that create substantial fuels or drought and warming that extend conducive fire weather.[12]

Strategies of wildfire prevention, detection, and suppression have varied over the years.[13] One common and inexpensive technique is controlled burning: permitting or even igniting smaller fires to minimize the amount of flammable material available for a potential wildfire.[14][15] Vegetation may be burned periodically to maintain high species diversity and frequent burning of surface fuels limits fuel accumulation.[16][17] Wildland fire use is the cheapest and most ecologically appropriate policy for many forests.[18] Fuels may also be removed by logging, but fuels treatments and thinning have no effect on severe fire behavior[19] Wildfire itself is reportedly "the most effective treatment for reducing a fire's rate of spread, fireline intensity, flame length, and heat per unit of area" according to Jan Van Wagtendonk, a biologist at the Yellowstone Field Station.[20] Building codes in fire-prone areas typically require that structures be built of flame-resistant materials and a defensible space be maintained by clearing flammable materials within a prescribed distance from the structure.[21][22]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไฟไหม้ไฟป่าหรือสม่ำเสมอ wildland ถูกไฟไหม้ในพื้นที่ของพืชติดไฟที่เกิดขึ้นในชนบทหรือชนบท [1] ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่เกิดขึ้น ไฟป่าสามารถจำแนกงานยังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นแปรงไฟ พุ่มไม้ไฟ ไฟทะเลทราย ไฟป่า ไฟไหม้หญ้า เขาไฟ พรุไฟ ไฟพืช หรือไฟ veld [2] ฟอสซิลถ่านบ่งชี้ว่า กล่าวเริ่มหลังจากลักษณะที่ปรากฏของพืช 420 ล้านปีมาแล้ว [3] ไฟป่าของเหตุการณ์ของชีวิตบกเชิญข้อความคาดการณ์ที่ไฟต้องมีผลต่อวิวัฒนาการของระบบนิเวศส่วนใหญ่พืชและสัตว์การออกเสียง [4] โลกเป็นดาวเคราะห์มีความไวไฟเนื่องจากหน้าปกของคาร์บอนที่อุดมไปด้วยพืช สภาพอากาศที่แห้งตามฤดูกาล บรรยากาศออกซิเจน และประกายไฟฟ้าผ่าและภูเขาไฟที่แพร่หลาย [4]กล่าวสามารถโดดเด่นในแง่ของสาเหตุของการจุดระเบิด สมบัติทางกายภาพ ปัจจุบันวัสดุติดไฟได้ และผลกระทบของสภาพอากาศบนกองไฟ [5] กล่าวอาจทำให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินและชีวิตมนุษย์ แต่พวกเขามีผลประโยชน์มาก บนพื้นเมืองพืช สัตว์ ระบบนิเวศที่มีวิวัฒนาการมา ด้วยไฟ [6] [7 ชนิดพืช]ตามผลของการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ [8] อย่างไรก็ตาม ไฟป่าในระบบนิเวศไฟป่าเป็นเรื่องผิดปกติ หรือมีการล่วงล้ำถิ่นพืชอาจมีกระทบระบบนิเวศ [5] พฤติกรรมไฟป่าและความรุนแรงที่เกิดจากการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ เช่นเชื้อเพลิงที่พร้อมใช้งาน ตั้งค่าทางกายภาพ และสภาพอากาศ [9] [10] [11] วิเคราะห์ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาประวัติศาสตร์ และชาติไฟเรกคอร์ตะวันตกอเมริกาเหนือแสดงอันดับหนึ่งของภูมิอากาศในการขับขี่ไฟขนาดใหญ่ในภูมิภาคผ่านช่วงเปียกที่สร้างเชื้อเพลิงพบ หรือภัยแล้งและร้อนที่ขยายไฟมองสภาพอากาศ [12]กลยุทธ์การป้องกันไฟป่า ตรวจจับ และปราบปรามมีหลากหลายปี [13] เทคนิคทั่วไป และราคาไม่แพงหนึ่งจะควบคุมการเผาไหม้: เอื้ออำนวย หรือแม้มอดไฟขนาดเล็กเพื่อลดปริมาณของวัสดุไวไฟที่พร้อมใช้งานสำหรับไฟป่าอาจเกิดขึ้น [14] [15] พืชอาจเขียนเป็นระยะ ๆ เพื่อรักษาความหลากหลายของสายพันธุ์สูงและบ่อยในการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงผิวจำกัดเชื้อเพลิงสะสม [16] [17] ใช้ไฟสม่ำเสมอ Wildland เป็นนโยบายที่ถูกที่สุด และเหมาะสมมากที่สุดระบบนิเวศป่าจำนวนมาก [18] เชื้ออาจถูกเอาออก โดยการเข้าสู่ระบบ แต่การรักษาเชื้อและผอมบางไม่มีผลต่อพฤติกรรมรุนแรงไฟ [19] ไฟป่าเองเป็นรายงานว่า "การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการลดอัตราการเกิดไฟไหม้แพร่กระจาย ความเข้ม fireline ความยาวเปลวไฟ และความร้อนต่อหน่วยพื้นที่" ตาม Jan Van Wagtendonk นักชีววิทยาที่สถานีฟิลด์เยลโลว์สโตน [20] รหัสอาคารในพื้นที่ที่มีโอกาสไฟไหม้มักจะต้องว่า โครงสร้างของวัสดุทนไฟ และพื้นที่เป็นหลักฐานในทางรักษา โดยการล้างวัสดุที่ติดไฟในระยะที่กำหนดจากโครงสร้าง [21] [22]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไฟป่าหรือป่าเป็นไฟในพื้นที่ของพืชที่ติดไฟได้ที่เกิดขึ้นในชนบทหรือพื้นที่ชนบท. [1] ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่มันเกิดขึ้นไฟป่านอกจากนี้ยังสามารถแบ่งได้มากขึ้นโดยเฉพาะเป็นไฟแปรงไฟบุชไฟทะเลทรายไฟป่าไฟไหม้หญ้าไฟฮิลล์, ไฟไหม้พรุไฟพืชหรือไฟไหม้ Veld ได้. [2 ] ถ่านฟอสซิลบ่งชี้ว่าไฟป่าเริ่มเร็ว ๆ นี้หลังจากการปรากฏตัวของพืชบก 420,000,000 ปีที่ผ่านมา. [3] การเกิดไฟป่าตลอดประวัติศาสตร์ของชีวิตบกเชิญชวนให้คาดเดาว่าไฟจะต้องมีผลกระทบที่เด่นชัดวิวัฒนาการในพืชและสัตว์ระบบนิเวศมากที่สุด '. [4] โลกเป็นดาวเคราะห์ไวไฟภายในเนื่องจากปกของพืชที่อุดมด้วยคาร์บอนสภาพอากาศที่แห้งตามฤดูกาลออกซิเจนในชั้นบรรยากาศและแพร่หลายฟ้าผ่าและภูเขาไฟเผา. [4]

ไฟป่าสามารถโดดเด่นในแง่ของการก่อให้เกิดประกายไฟสมบัติทางกายภาพของพวกเขาวัสดุปัจจุบันติดไฟและผลกระทบของสภาพอากาศบนกองไฟได้. [5] ไฟป่าสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของมนุษย์ แต่พวกเขามีผลประโยชน์จำนวนมากในผักพื้นบ้านสัตว์และระบบนิเวศที่มีการพัฒนาด้วยไฟ. [6] [7] พืชหลายชนิดขึ้นอยู่กับผลกระทบของไฟสำหรับการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์. [8] อย่างไรก็ตามไฟป่าในระบบนิเวศที่ไฟป่าเป็นเรื่องธรรมดาหรือในกรณีที่พืชที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาได้บุกรุกอาจจะมีผลกระทบทางนิเวศเชิงลบ. [5] พฤติกรรมของไฟป่าและผลที่รุนแรงจากการรวมกันของปัจจัยเช่นเชื้อเพลิงสามารถใช้ได้, การตั้งค่าทางกายภาพและสภาพอากาศ. [9] [10] [11] การวิเคราะห์ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาประวัติศาสตร์และบันทึกอัคคีภัยแห่งชาติในภาคตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือแสดงอันดับหนึ่งของสภาพภูมิอากาศในการผลักดันการเกิดเพลิงไหม้ในระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ผ่านระยะเวลาเปียกที่สร้างเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญหรือภัยแล้งและภาวะโลกร้อนที่ขยายสภาพอากาศไฟเอื้อได้. [12]

กลยุทธ์ในการป้องกันไฟป่าการตรวจสอบและปราบปรามมีความหลากหลายกว่าปี. [13] เทคนิคหนึ่งที่พบบ่อยและราคาไม่แพงคือการเผาไหม้ควบคุม:. อนุญาตหรือแม้กระทั่งการจุดไฟไฟที่มีขนาดเล็กเพื่อลดปริมาณของวัสดุไวไฟที่มีอยู่สำหรับไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น [14] [15] พืชผักอาจถูกเผาไหม้เป็นระยะ ๆ เพื่อรักษาความหลากหลายของชนิดพันธุ์สูงและการเผาไหม้เชื้อเพลิงบ่อยของพื้นผิวที่จะ จำกัด การสะสมน้ำมันเชื้อเพลิง. [16] [17] ใช้ไฟป่าเป็นนโยบายที่ถูกที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับระบบนิเวศป่าจำนวนมาก. [18] เชื้อเพลิงยังอาจถูกลบออกจากการเข้าสู่ระบบ แต่การรักษาเชื้อเพลิงและผอมบางไม่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของไฟไหม้รุนแรง [19] Wildfire ตัวเองเป็นข่าว "การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดอัตราการเกิดไฟไหม้เป็นของการแพร่กระจายความเข้ม FIRELINE ยาวเปลวไฟและความร้อนต่อหน่วย พื้นที่ "ตามแจนแวน Wagtendonk นักชีววิทยาที่สถานีสนามเยลโลว์สโตน. [20] รหัสอาคารในพื้นที่ไฟไหม้ได้ง่ายมักจะต้องใช้โครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่ทนไฟและพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้รับการรักษาด้วยการล้างสารไวไฟภายในระยะที่กำหนดจากโครงสร้าง. [21] [22]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไฟป่า หรือไฟป่ากำลังไหม้พื้นที่ของพืชเชื้อที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัดหรือชนบท . [ 1 ] ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่เกิดไฟป่า ยังถูกจัดขึ้นโดยเฉพาะเป็นแปรงไฟไฟไฟป่า , ทะเลทราย , ภูเขาหญ้าป่าไฟ ไฟ ไฟ พีท ไฟ พืชผัก หรือเวลด์ไฟ [ 2 ] ฟอสซิลถ่าน พบว่า ไฟป่าเริ่มในไม่ช้าหลังจากการปรากฏตัวของบกพืช 420 ล้านปีก่อน เกิด [ 3 ] ไฟป่าตลอดประวัติศาสตร์ของชีวิตนอกโลก เชิญเดาว่าไฟต้องออกเสียงวิวัฒนาการต่อระบบนิเวศส่วนใหญ่พืชและสัตว์ . [ 5 ] โลกเป็นดาวเคราะห์ เพราะครอบคลุมไวไฟภายในของคาร์บอนที่อุดมไปด้วยพืชพรรณ ฤดูกาล พันธมิตรบริการอากาศออกซิเจนบรรยากาศและฟ้าผ่าอย่างกว้างขวางและภูเขาไฟเผา [ 5 ]ไฟป่าสามารถโดดเด่นในแง่ของสาเหตุของการเผาไหม้ คุณสมบัติทางกายภาพของวัสดุที่ติดไฟได้ , ปัจจุบัน , และผลกระทบของสภาพอากาศในไฟ [ 5 ] ไฟป่าสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของมนุษย์ แต่พวกเขามีหลายที่เป็นประโยชน์ต่อพืช พื้นเมือง สัตว์ และระบบนิเวศที่พัฒนาด้วยไฟ . 6 ] [ 7 ] หลายชนิดพืชขึ้นอยู่กับผลของไฟสำหรับการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ [ 8 ] อย่างไรก็ตาม ไฟป่าในระบบนิเวศที่ไฟป่าจะฉีกแนว หรือพืชที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาได้บุกรุกอาจมีผลทางลบ . [ 5 ] พฤติกรรมของไฟป่า และความรุนแรงของผลจากการรวมกันของปัจจัยต่างๆ เช่น เชื้อเพลิง อากาศ การใช้ร่างกาย และ [ 9 ] [ 10 ] [ 11 ] การวิเคราะห์ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยา และบันทึกไฟแห่งชาติในภาคตะวันตกของอเมริกาเหนือ แสดง ๆ บรรยากาศในการขับรถไฟภูมิภาคขนาดใหญ่ผ่านช่วงเวลาเปียกที่สร้างมากเชื้อเพลิงหรือภัยแล้งและอากาศร้อน ขยายไฟวาง [ 12 ]กลยุทธ์ในการป้องกันไฟป่า การตรวจสอบและปราบปรามได้หลากหลายกว่าปี . [ 13 ] หนึ่งทั่วไปและราคาไม่แพง เป็นเทคนิคควบคุมการเผาไหม้ : อนุญาตให้ หรือแม้แต่ติดไฟขนาดเล็กเพื่อลดปริมาณของวัสดุที่ติดไฟได้ง่าย สามารถใช้ได้กับไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น . [ 14 ] [ 15 ] พืชอาจจะเผาเป็นระยะเพื่อรักษาชนิดความหลากหลายและการเผาไหม้สูง บ่อยผิวเชื้อเพลิงจำกัดเชื้อเพลิงสะสม . [ 16 ] [ 17 ] ไฟป่าใช้ที่ถูกที่สุดและมากที่สุดทางด้านนิเวศวิทยาที่เหมาะสมนโยบายป่าไม้มาก . [ 18 ] เชื้อเพลิงอาจถูกลบออกโดยการใช้ และการรักษา แต่ไม่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมรุนแรง [ 19 ] ไฟป่าไฟเองว่า " การรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อลดอัตราการแพร่กระจายของเชื้อเพลิงมีไฟ , ความเข้ม ความยาวของเปลวไฟและความร้อนต่อหน่วยของพื้นที่ " ตาม แจน แวน wagtendonk เป็นนักชีววิทยาที่เยลโลว์สโตนสถานีสนาม [ 20 ] รหัสอาคารในพื้นที่เสี่ยงอัคคีภัยมักจะต้องใช้ที่โครงสร้างถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่ทนทานต่อเปลวไฟและพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้รับการรักษาด้วยการล้างวัสดุไวไฟภายในกำหนดระยะห่างจากโครงสร้าง . 21 ] [ 22 ]