It was frequently observed that par

It was frequently observed that participants grasped the tip of the handles when clamping with the upsidedown gripping method. This grasping position increased the length of lever arm so that handle-squeezing forces in the starting phase were larger with the upside-down gripping method than with the pistol gripping method, especially at elbow and shoulder heights. However, this behavior was not found during the clamping phase and was not significant for clamping forces because participants controlled both handle-squeezing and clamping forces to reach a force level where they felt the wooden block was gripped tightly enough during the clamping phase regardless of gripping method.
Males produced larger clamping and handle-squeezing forces than females. Females exerted about 52 % clamping force of males in the ending phase and about 66% handle-squeezing force in the clamping phase. These findings more expected due to physiological and biomechanical difference between genders (Hallbeck and McMullin, 1993; Zellers and Hallbeck, 1995).
In conclusion, a bar clamp handle was redesigned and the redesigned clamp compared to the original clamp in this study. When using the redesigned clamp, objects could be clamped more tightly and also this redesigned clamp had better efficiency with less forearm fatigue. Based on these results, guidelines for the use of this type of clamp can be suggested. It should be used with both hands at or below the elbow height of operators, using the pistol gripping method. Through this study, it was shown that the application of ergonomic guidelines for handtool design could increase tool efficiency and usability.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันมักถูกตรวจสอบว่า ร่วม grasped ปลายจับเมื่อล็อคกับ upsidedown จับยึดวิธีการ ตำแหน่งนี้ grasping เพิ่มความยาวของคันโยกแขนให้ squeezing จัดการกองกำลังในระยะเริ่มต้นมีขนาดใหญ่ ด้วยวิธีคนคว่ำลงกว่ากับปืนพกความวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้อศอกและไหล่สูง อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่พบระยะ clamping และถูกไม่สำคัญสำหรับล็อคกองทัพเนื่องจากผู้เรียนควบคุมทั้งจับ-squeezing และล็อคกองถึงระดับกองทัพซึ่งพวกเขารู้สึกว่าบล็อกไม้ได้ gripped ระหว่างขั้นตอนการ clamping โดยวิธีการจับยึดแน่นพอ
ชายผลิตใหญ่ล็อค และ squeezing จัดการกองกำลังกว่าหญิง หญิงนั่นเองประมาณ 52% ล็อคบังคับของเพศชายในระยะสิ้นสุดการประมาณ 66% squeezing จับแรงในระยะ clamping ผลการวิจัยเหล่านี้มากขึ้นคาดว่าเนื่องจากสรีรวิทยา และ biomechanical ต่างผสานระหว่างเพศทั้ง (Hallbeck และ McMullin, 1993 Zellers และ Hallbeck, 1995) .
เบียดเบียน บาร์แคลมป์จับถูกออกแบบใหม่ และแคลมป์ใหม่เปรียบเทียบกับแคลมป์ต้นฉบับในการศึกษานี้ เมื่อใช้แคลมป์ใหม่ วัตถุสามารถถูก clamped ขึ้นแน่น และยัง แคลมป์ใหม่นี้มีประสิทธิภาพดีกว่า ด้วยความอ่อนเพลียปลายแขนน้อย ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์เหล่านี้ แนวทางในการใช้งานของแคลมป์ชนิดนี้สามารถแนะนำ ควรใช้มือทั้งสองที่ หรือต่ำ กว่าข้อศอกความสูงของตัว ใช้ปืนพกความวิธีการ ผ่านการศึกษานี้ มันที่แสดงว่า ใช้อุปกรณ์แนวทางออกแบบ handtool สามารถเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือและใช้งาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันเป็นที่สังเกตเห็นบ่อยครั้งว่าผู้เข้าร่วมคว้าปลายของด้ามจับเมื่อหนีบด้วยวิธีการจับ upsidedown ตำแหน่งโลภนี้เพิ่มความยาวของแขนคันโยกเพื่อให้จับบีบกองกำลังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นมีขนาดใหญ่ที่มีคว่ำลงวิธีการจับกว่าด้วยวิธีการจับปืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้อศอกและไหล่สูง แต่พฤติกรรมนี้ไม่ได้พบในระหว่างขั้นตอนการจับยึดและไม่สำคัญสำหรับกองกำลังหนีบเพราะผู้เข้าร่วมทั้งการควบคุมจัดการบีบหนีบและกองกำลังที่จะไปถึงระดับแรงที่พวกเขารู้สึกว่าบล็อกไม้ที่ถูกจับแน่นพอในระหว่างขั้นตอนการจับยึดโดยไม่คำนึงถึงจับ วิธีการ
ผลิตเพศหนีบขนาดใหญ่และจัดการบีบกองกำลังมากกว่าเพศหญิง หญิงออกแรงประมาณ 52% แรงหนีบของเพศชายในขั้นตอนการสิ้นสุดและประมาณ 66% จับบีบบังคับใช้ในขั้นตอนการจับยึด การค้นพบนี้คาดว่าจะมากขึ้นเนื่องจากความแตกต่างทางสรีรวิทยาและชีวกลศาสตร์ระหว่างเพศ (HALLBECK และ McMullin 1993; Zellers และ HALLBECK, 1995)
โดยสรุปจับบาร์ยึดการออกแบบและยึดการออกแบบใหม่เมื่อเทียบกับยึดเป็นต้นฉบับในการศึกษาครั้งนี้ เมื่อใช้การออกแบบใหม่ที่ยึดวัตถุที่สามารถยึดแน่นมากขึ้นและยังยึดการออกแบบใหม่นี้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าแขนน้อย ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์เหล่านี้แนวทางในการใช้งานของชนิดของการยึดนี้สามารถชี้ให้เห็น มันควรจะใช้ด้วยมือทั้งสองที่หรือต่ำกว่าความสูงของข้อศอกของผู้ประกอบการโดยใช้วิธีการจับปืน ผ่านการศึกษานี้มันก็แสดงให้เห็นว่าการประยุกต์ใช้แนวทางที่เหมาะกับการทำงานสำหรับการออกแบบ handtool สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและการใช้งานเครื่องมือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันมักพบว่าผู้เข้าร่วมการลงโทษปลายด้ามเมื่อหนีบกับพไซด์ ดาวน์นี้ วิธีการ นี้คว้าตำแหน่งเพิ่มความยาวของก้านให้จับแขนบีบบังคับให้เริ่มในเฟสมีขนาดใหญ่กับคว่ำวิธีจับปืนจับมากกว่า ด้วยวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้อศอกและความสูงที่ไหล่ อย่างไรก็ตามพฤติกรรมนี้ไม่พบในหนีบเฟสและอย่างมีนัยสำคัญสำหรับหนีบ เพราะผู้บังคับควบคุมทั้งจับบีบ และหนีบแรงถึงแรงระดับที่พวกเขารู้สึกว่าบล็อกไม้ไม่แน่นพอในช่วงระยะโดยไม่คำนึงถึงวิธีการหนีบจับ .
ตัวผู้ผลิตขนาดใหญ่หนีบและจัดการบีบบังคับมากกว่าตัวเมียเพศหญิงนั่นเอง ประมาณ 52% หนีบแรงของชายในสิ้นสุดระยะประมาณ 66 % จับบีบแรงในหนีบเฟส การศึกษานี้คาดว่าจะมากขึ้น เนื่องจากทางสรีรวิทยาชีวกลศาสตร์และความแตกต่างระหว่างเพศ ( hallbeck และที่ตั้ง , 1993 ; เซลเลิร์ส และ hallbeck , 1995 ) .
สรุปบาร์แคลมป์จับถูกออกแบบและการออกแบบที่ยึดเมื่อเทียบกับยึดต้นฉบับในการศึกษานี้ เมื่อใช้ออกแบบหนีบวัตถุสามารถยึดให้แน่นหนามากขึ้น และยังได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าออกแบบใหม่นี้หนีบกับความเมื่อยล้าแขนน้อย จากผลของแนวทางการใช้คีมชนิดนี้สามารถแนะนำมันควรจะใช้กับมือหรือใต้ข้อศอก ความสูงของผู้ประกอบการโดยใช้ปืนพกนี้วิธี จากการศึกษาพบว่า การใช้แนวทางการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือ handtool
และการใช้งาน