important in the choice of tillage

important in the choice of tillage system. The NT system with
residue cover is considered most appropriate in areas where soil
topography is relatively flat (upland areas), where moisture
infiltration is enhanced and excess water drains freely out to
maintain a friable soil condition. In the Democratic republic of
Congo, there was no significant yield difference from CT as
compared with NT plots whenever the field was mulched but
cassava root yield was lowest in unmulched, untilled plots
(Ezumah and Okigbo, 1980). This observation may have been
due to loss of soil organic matter that could protect soil surface
layer from erosion and the decrease in soil organic carbon, which
could improve soil structure and water retention capacity for
enhanced root penetration.
In a related research, Reining (1992)compared conventional
tillage with no tillage and minimum tillage systems where cassava
was planted in an existing grass sod for three growing seasons and
observed no significant difference in root yield of cassava between
NT and CT, while the minimum tillage system yielded less than 30%
of that obtained in the other two systems. The reduced yield under
minimum tillage was thought to have resulted from higher soil
bulk density and quick soil clod formation under dry condition.
Odjugo (2008)in Nigeria observed highest soil moisture within the
0–15 cm soil depth under no tillage system but confirmed higher
yield of up to 46% in the CT compared with NT without mulch. The
implication of his finding as compared with previous researches
was that the NT, like the CT will enhance root yield of cassava only
if the soil superficial layer is mulched with crop residues, while
reducing the cost associated with land preparation and soil
compaction that could arise from the adoption of CT system.
Significant researches have been conducted in recent years on
influence of tillage systems on root crops. Most of the research
findings were concentrated on effects of tillage systems on soil
physical and chemical properties, some of which are discussed
below:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สิ่งสำคัญในการเลือกระบบการเตรียมดิน ระบบ NT กับ
ฝาครอบที่เหลือคือการพิจารณาที่เหมาะสมที่สุดในพื้นที่ที่มีดิน
ภูมิประเทศค่อนข้างแบน (พื้นที่สูง) ที่ความชื้น
แทรกซึมจะเพิ่มขึ้นและท่อระบายน้ำส่วนเกินออกไปได้อย่างอิสระ
รักษาสภาพดินที่ร่วน ในสาธารณรัฐประชาธิปไตย
คองโกไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากผลผลิต CT เป็น
เมื่อเทียบกับแปลง NT เมื่อใดก็ตามที่สนามถูก mulched แต่
ผลผลิตมันสำปะหลังเป็นต่ำสุดใน unmulched แปลงคราด
(Ezumah และ Okigbo, 1980) ข้อสังเกตนี้อาจได้รับ
เนื่องจากการสูญเสียของอินทรียวัตถุในดินที่สามารถปกป้องผิวดิน
ชั้นจากการกัดเซาะและการลดลงในดินอินทรีย์คาร์บอนซึ่ง
สามารถปรับปรุงโครงสร้างของดินและความสามารถในการกักเก็บน้ำสำหรับ
การเจาะรากที่เพิ่มขึ้น.
ในการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการตื่นตัว (1992 ) เมื่อเทียบกับแบบเดิม
ที่ไม่มีการไถเตรียมดินไถระบบขั้นต่ำที่มันสำปะหลัง
ปลูกหญ้าสดที่มีอยู่สามฤดูกาลที่กำลังเติบโตและ
ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในผลผลิตรากของมันสำปะหลังระหว่าง
NT และ CT, ในขณะที่ระบบการไถพรวนขั้นต่ำให้ผลน้อยกว่า 30%
ของ ที่ได้รับในอีกสองระบบ อัตราผลตอบแทนที่ลดลงภายใต้
ดินแบบขั้นต่ำเป็นความคิดที่มีผลมาจากดินที่สูงขึ้น
ความหนาแน่นและดินปั้นอย่างรวดเร็วภายใต้เงื่อนไขการก่อแห้ง.
Odjugo (2008) ในประเทศไนจีเรียสังเกตความชื้นในดินที่สูงที่สุดภายใน
0-15 ซม. ความลึกของดินภายใต้ระบบดินแบบ แต่ไม่มีการยืนยันที่สูงขึ้น
อัตราผลตอบแทนที่สูงถึง 46% ใน CT เมื่อเทียบกับ NT โดยไม่ต้องคลุมด้วยหญ้า
ความหมายของการค้นพบของเขาเป็นเมื่อเทียบกับงานวิจัยก่อนหน้านี้
ก็คือว่า NT เช่น CT จะช่วยเพิ่มผลผลิตรากของมันสำปะหลังเพียง
ถ้าชั้นดินตื้นจะ mulched กับเศษซากพืชในขณะที่
ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมดินและดิน
บดอัดที่อาจเกิดขึ้น จากการยอมรับของระบบ CT.
งานวิจัยที่สําคัญได้รับการดำเนินการในปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับ
อิทธิพลของระบบการไถพรวนในรากพืช ส่วนใหญ่ของการวิจัย
ผลการวิจัยมีความเข้มข้นเกี่ยวกับผลกระทบของระบบการไถพรวนดิน
คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีบางอย่างที่จะกล่าวถึง
ด้านล่าง:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำคัญในการเลือกระบบการไถพรวน . สำหรับระบบที่มีปก
กากถือว่าเหมาะสมที่สุดในพื้นที่ที่สภาพดิน
ค่อนข้างแบน ( พื้นที่สูง ) ที่ซึมความชื้นและน้ำส่วนเกิน
เพิ่มระบายได้อย่างอิสระออก

รักษาสภาพดินอ่อนตัว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
มีนัยสำคัญทางสถิติแตกต่างจากผลผลิตเป็น
CTเมื่อเทียบกับ NT แปลงเมื่อใดก็ตามที่สนามแต่ผลผลิตมันสำปะหลังกาแฟ
ถูกสุดใน unmulched untilled แปลง ,
( ezumah และ okigbo , 1980 ) การสังเกตนี้อาจได้รับ
เนื่องจากการสูญเสียของดินอินทรีย์ที่สามารถปกป้องผิวจากการกัดเซาะดินและชั้น
ลดลงในดินอินทรีย์คาร์บอนซึ่ง
สามารถปรับปรุงโครงสร้างของดินและน้ำ การเพิ่มความจุได้

เจาะรากในงานวิจัย บังเหียน ( 1992 ) เมื่อเทียบกับการปลูกแบบไม่ไถพรวนแบบธรรมดา

และระบบลดการไถพรวนที่มันสำปะหลังปลูกใน SOD หญ้าที่มีอยู่สามฤดูปลูกและ
สังเกต ไม่มีความแตกต่างในผลผลิตมันสำปะหลังระหว่าง
NT และ CT ในขณะที่ระบบการไถพรวนน้อยที่สุด ( น้อยกว่า 30 %
ของที่ ได้อีกสองระบบ ลดผลผลิตภายใต้
การไถพรวนน้อยที่สุด คิดว่าน่าจะมาจากสูงกว่าดิน
ความหนาแน่นและการพัฒนาดิน ดินด่วน ในสภาพที่แห้ง
odjugo ( 2008 ) ในไนจีเรียสังเกตความชื้นของดินสูงสุดภายใน
0 – 15 ซม. ความลึกของดินภายใต้ระบบการปลูกแบบไม่ แต่ยืนยันว่าผลผลิตที่สูง
ถึง 46% ใน CT เมื่อเทียบกับ NT โดย mulch .
ความหมายของการหาของเขาเมื่อเทียบกับก่อนหน้างานวิจัย
เป็น NT เช่น CT จะเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังเพียง
ถ้าดินตื้น ชั้น คือ กาแฟ กับเศษพืช ในขณะที่
ลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน การเตรียมการ และการบดอัดดิน
ที่อาจเกิดขึ้นจากการยอมรับระบบ CT .
งานวิจัยที่สำคัญได้ดำเนินการในปีล่าสุดบน
อิทธิพลของการไถพรวนระบบรากพืช ส่วนใหญ่ของการวิจัย
โดยเน้นผลของระบบการไถพรวนต่อคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของดิน

บางส่วนที่กล่าวถึงด้านล่าง :