The second research site was locate

The second research site was located adjacent to the Nariva
Swamp, which at seven thousand hectares, is the largest wetland
in Trinidad and Tobago (Nathai-Gyan, 1996). Its ecosystem supports
a diverse population of flora and fauna. Nariva swamp also
offers recreation in the form of hunting, fishing, and eco-tourism.
Furthermore, the swamp supports subsistence agricultural production,
including rice and vegetable farming and natural sources of
freshwater fish and conchs (Kacal, 1999; Carbonell et al., 2007).
However, agricultural production by local residents, who do not
have legal ownership of land, causes serious environmental damage
to the swamp (Carbonell et al., 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เว็บไซต์งานวิจัยสองตั้งอยู่ติดกับ Narivaบึง ซึ่งที่เจ็ดพันเฮคเตอร์ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดประเทศตรินิแดดและโตเบโก (Nathai-Gyan, 1996) รองรับของระบบนิเวศประชากรมีความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ป่า Nariva วงศ์ยังมีสันทนาการในรูปแบบของการล่าสัตว์ ประมง และการท่องเที่ยวนอกจากนี้ พรุสนับสนุนเกษตรชีพรวมทั้งผักนาข้าว และแหล่งน้ำธรรมชาติของปลาและ conchs (Kacal, 1999 Carbonell et al., 2007)อย่างไรก็ตาม เกษตรคนท้อง คนไม่มีกฎหมายเป็นเจ้าของที่ดิน สาเหตุความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังไปบึง (Carbonell et al., 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เว็บไซต์การวิจัยที่สองที่ตั้งอยู่ติดกับ Nariva
บึงซึ่งในเจ็ดพันไร่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุด
ในตรินิแดดและโตเบโก (Nathai-เกียง, 1996) ระบบนิเวศมันรองรับ
ประชากรที่มีความหลากหลายของพืชและสัตว์ บึง Nariva ยัง
มีที่พักผ่อนหย่อนใจในรูปแบบของการล่าสัตว์ตกปลาและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ.
นอกจากบึงสนับสนุนการผลิตทางการเกษตรการดำรงชีวิต
รวมทั้งข้าวและปลูกผักและแหล่งธรรมชาติของ
ปลาน้ำจืดและ conchs (Kacal 1999;. Carbonell และคณะ, 2007).
อย่างไรก็ตามการผลิตทางการเกษตรโดยประชาชนในท้องถิ่นที่ไม่
ได้เป็นเจ้าของตามกฎหมายของที่ดินที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
เพื่อบึง (Carbonell et al., 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เว็บไซต์วิจัยที่สองอยู่ติดกับบึง nariva
ที่ 7 พันไร่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ
ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตรินิแดดและโตเบโก ( nathai กียาน , 1996 ) ระบบนิเวศของมันสนับสนุน
ประชากรมีความหลากหลายของพืชและสัตว์ . nariva บึงยัง
มีนันทนาการในรูปแบบของการล่าสัตว์ ตกปลา และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
นอกจากนี้ บึงสนับสนุนการดำรงชีวิต
การผลิตทางการเกษตรรวมทั้งข้าวและปลูกผัก และแหล่งธรรมชาติของ
ปลาน้ำจืดและหอยสังข์ ( kacal , 1999 ; คาร์โบเนล et al . , 2007 ) .
แต่การผลิตทางการเกษตรจากชาวบ้านที่ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามกฎหมาย
สาเหตุความเสียหายร้ายแรงสิ่งแวดล้อม
ไปบึง ( คาร์โบเนล et al . , 2007 )