According to Casarini (2000), stems

According to Casarini (2000), stems with diameters equal or greater than 0.60 cm have higher quality and durability after the harvest; thus, increasing its acceptance by the consumer market, and acquiring better prices for the product. Table 7 shows the highest rates of diameters equal or greater than 0.60 cm for the test irrigated with the supply water indicating a slight loss in quality when irrigated with the anaerobic or nitrified effluents. The use of anaerobic effluent with topdressing provided the worst results. However, it is noteworthy that there was no significant difference between the tests. These results confirm the experiment conducted by Casarini (2004), who used only clean water and conventional fertilization through a fertigation system, and noticed a reduction in stem diameter with the increasing doses of nitrogen.
The stem size is another important factor for the marketing of roses; at the producing farms, wrapping units are separated by the following lengths: 30, 40, and 60 cm. The 30 cm stems are classified as short, the 40 cm as medium, and the 60 cm as long stems, which carries the highest value for commercialization. In this study, no significant difference was found in the rate of the length of the rose stems for the different tests. This confirms the studies carried out in Israel, where Nirit et al. (2006) cultivated rosebushes and found no differences with the use of treated effluent, and drinking water for the irrigation. Likewise, Chow et al. (2009) found no statistical differences in the length of the rose stems fertilized with 10 % of the recommended content of nitrogen, phosphorus, and potassium in the mineral form.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตาม casarini (2000) ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 0.60 ซม. มีคุณภาพสูงและความทนทานหลังการเก็บเกี่ยวจึงเพิ่มการยอมรับของตลาดผู้บริโภคและได้รับราคาที่ดีขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ ตารางที่ 7 แสดงอัตราสูงสุดของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 060 ซม. สำหรับการทดสอบชลประทานที่มีน้ำประปาที่แสดงให้เห็นการสูญเสียเล็กน้อยในคุณภาพเมื่อชลประทานที่มีออกซิเจนหรือ nitrified สิ่งปฏิกูล การใช้น้ำเสียแบบไร้อากาศที่มีการแต่งหน้าให้ผลที่เลวร้ายที่สุด แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการทดสอบ ผลลัพธ์เหล่านี้ยืนยันการทดลองดำเนินการโดย casarini (2004)ที่ใช้เพียงน้ำสะอาดและการปฏิสนธิทั่วไปผ่านระบบ fertigation และสังเกตเห็นการลดลงของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นที่มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นของไนโตรเจน
ขนาดลำต้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสำหรับการตลาดของกุหลาบ. ที่ฟาร์มผลิตหน่วยการตัดจะถูกแยกออก โดยความยาวต่อไปนี้: 30, 40, และ 60 เซนติเมตร 30 ซม. ลำต้นสั้นถูกจัดเป็น 40 ซม. เป็นขนาดกลางและ 60 ซม. ยาวลำต้นซึ่งถือค่าสูงสุดเพื่อการค้า ในการศึกษาครั้งนี้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่พบในอัตราของความยาวของดอกกุหลาบลำต้นสำหรับการทดสอบที่แตกต่างกัน นี้ยืนยันการศึกษาดำเนินการในอิสราเอลที่ nirit ตอัล (2006) ได้รับการปลูกฝัง rosebushes และพบความแตกต่างด้วยการใช้น้ำเสียได้รับการรักษาไม่และการดื่มน้ำเพื่อการชลประทานเช่นเดียวกันโจวเหวินเอตอัล (2009) พบว่าไม่มีความแตกต่างทางสถิติในความยาวของดอกกุหลาบลำต้นเพาะด้วย 10% ของเนื้อหาที่แนะนำของไนโตรเจนฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในรูปแบบของแร่ธาตุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตาม Casarini (2000), ลำกับสมมาตรเท่ากัน หรือมากกว่า 0.60 ซม.มีคุณภาพและความทนทานสูงหลังการเก็บเกี่ยว เพิ่มการยอมรับจากตลาดผู้บริโภค และได้ราคาดีสำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตาราง 7 แสดงราคาสูงสุดของสมมาตรเท่ากัน หรือมากกว่า 0ชลประทาน 60 ซม.สำหรับการทดสอบกับน้ำจัดแสดงขาดทุนเล็กน้อยคุณภาพเมื่อชลประทานกับ effluents ไม่ใช้ออกซิเจน หรือ nitrified การใช้น้ำที่ไม่ใช้ออกซิเจนด้วย topdressing ให้ผลเลวร้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า มีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการทดสอบ ผลลัพธ์เหล่านี้ยืนยันการทดลองดำเนินการ โดย Casarini (2004), ผู้ใช้เพียงน้ำสะอาดธรรมดาในปัจจุบันผ่านระบบ fertigation เนื่องจาก และสังเกตลดเส้นผ่าศูนย์กลางก้านด้วยปริมาณเพิ่มขึ้นของไนโตรเจน
ขนาดก้านเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสำหรับตลาดของกุหลาบ ที่ฟาร์ม producing แยกหน่วยตัดตามความยาวที่ต่อไปนี้: 30, 40 และ 60 cm 30 ซม.ลำต้นจะแบ่งเป็นระยะสั้น 40 ซม.เป็นขนาดกลาง และ 60 ซม.เป็นลำยาว การดำเนินการค่าสูงสุดสำหรับ commercialization ในการศึกษานี้ ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่พบในอัตราความยาวของลำต้นกุหลาบสำหรับการทดสอบแตกต่างกัน ยืนยันการศึกษาดำเนินการในอิสราเอล ที่ Nirit et al. (2006) cultivated rosebushes และพบความแตกต่างไม่ มีการใช้บำบัดน้ำ น้ำดื่มสำหรับการชลประทาน ในทำนองเดียวกัน ชาวร้อยเอ็ด al. (2009) พบไม่แตกต่างกันทางสถิติความยาวของลำต้นกุหลาบที่ปฏิสนธิ ด้วย 10% ของเนื้อหาแนะนำ ของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมในแบบแร่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตาม casarini ( 2000 )ต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 0.60 ซม.มีความทนทานและมี คุณภาพ สูงขึ้นหลังจากการเก็บเกี่ยวจึงเพิ่มการยอมรับของ ผู้บริโภค ในตลาดและการซื้อราคาสินค้าที่ถูกกว่าสำหรับ ผลิตภัณฑ์ นี้ ตารางที่ 7 จะแสดงอัตราสูงสุดของเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 0ตาม casarini ( 2000 )ต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 0.60 ซม.มีความทนทานและมี คุณภาพ สูงขึ้นหลังจากการเก็บเกี่ยวจึงเพิ่มการยอมรับของ ผู้บริโภค ในตลาดและการซื้อราคาสินค้าที่ถูกกว่าสำหรับ ผลิตภัณฑ์ นี้ ตารางที่ 7 จะแสดงอัตราสูงสุดของเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 060 ซ.ม.สำหรับการทดสอบที่ราบลุ่มที่พร้อมด้วยน้ำพาวเวอร์ซัพพลายที่แสดงถึงการสูญเสียเพียงเล็กน้อยใน คุณภาพ เมื่อครั้ง Vent ที่ราบลุ่มเต็นแอโรบิคหรือ nitrified ได้ การใช้ของเต็นแอโรบิคถูกปล่อยออก topdressing จัดให้บริการพร้อมด้วยการที่เลวร้ายที่สุด อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการทดสอบ ผลการทดสอบนี้ยืนยันการทดลองทำโดย casarini ( 2004 )ที่ใช้ทำความสะอาดน้ำแบบเดิมและอุดมสมบูรณ์ผ่าน fertigation ระบบ,และสังเกตเห็นที่ลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางในก้านไมโครโฟนพร้อมด้วยการเพิ่มปริมาณของไนโตรเจน.
ที่ก้านไมโครโฟนขนาดจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการทำตลาดของกุหลาบ;ที่ผลิตฟาร์ม,การสรุปรวบรวมผลการชุดเป็นแบบแยกออกจากกันโดยมีความยาว 30 , 40 ,และ 60 ซม. 30 ซม.ก้านที่ได้รับการจัด ประเภท ว่าเป็นในระยะทางสั้นๆเพื่อไป 40 ซม.เป็นตัวกลางและ 60 ซ.ม.ที่เป็นก้านยาวซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุดสำหรับทำตลาด ในการศึกษาวิจัยนี้ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญได้พบในอัตราที่ความยาวของก้านขึ้นได้สำหรับการทดสอบที่แตกต่างกันไป วิธีนี้เป็นการยืนยันการศึกษาที่ดำเนินการในอิสราเอลซึ่ง nirit et al . ( 2006 )พุ่มกุหลาบอบรมบ่มนิสัยและพบว่าไม่มีความแตกต่างกันด้วยการใช้น้ำกรดดื่มน้ำและได้รับการปฏิบัติสำหรับชลประทาน.ในทำนองเดียวกันข้าว et al . ( 2009 )พบว่าไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติในความยาวของก้านขึ้นปุ๋ยพร้อมด้วย 10% ของเนื้อหาที่แนะนำของไนโตรเจนฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมในรูปแบบแร่