Weber–Fechner law combines two diff

Weber–Fechner law combines two different laws of human perception, which both describe ways the resolution of perception diminishes for stimuli of greater magnitude. Ernst Heinrich Weber (1795–1878) was one of the first people to approach the study of the human response to a physical stimulus in a quantitative fashion. Weber's law states that the just-noticeable difference between two stimuli is proportional to the magnitude of the stimuli, (and the subject's sensitivity), i.e. if you sense a change in weight of 0.5 lbs on a 5 pound dumbbell, you ought to feel the extra pound added to a ten pound dumbbell. Gustav Theodor Fechner (1801–1887), a scholar of Weber, later used Weber's findings to construct a psychophysical scale in which he described the relationship between the physical magnitude of a stimulus and its (subjectively) perceived intensity. Fechner's law (better referred to as Fechner's scale) states that subjective sensation is proportional to the logarithm of the stimulus intensity. Fechner scaling has been mathematically formalized. In fact, human perceptions of sight and sound work as follows: Perceived loudness/brightness is proportional to log of actual intensity measured with an accurate nonhuman instrument.Some authors use the term "Weber–Fechner law" to mean Weber's law, and others use it for Fechner's law. The use of the term "Weber–Fechner law" was criticised as a misnomer byEwald Hering. The advantage of Weber-fresher affect to customer and marketer are Customers can get the price down but still keep the quality. The marketer has been a good response from customers, which it may customers confidence in the brand and become a brand loyalty. In the other hand, if the marketer have a promoted the brand by discount the price and reducing the size of the product without letting customers know. At first, the customer may not notice the size of its decline. Over time, customers notice the size of product decline that it may cause switch the brand.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กฎหมายแบ่งแยก – Fechner รวมสองแตกต่างกฎหมายของมนุษย์รับรู้ ซึ่งทั้งสองอธิบายถึงวิธีที่ค่อย ๆ หายไปของการรับรู้ในสิ่งเร้าของความส่องสว่างมากขึ้น เอิร์นสท์ไฮน์ริชแบ่งแยก (1795-1878) เป็นหนึ่งในคนแรกกับวิธีการศึกษาการตอบสนองต่อมนุษย์กระตุ้นทางกายภาพในเชิงปริมาณ แบ่งแยกของกฎหมายระบุว่า เพียงสังเกตความแตกต่างระหว่างสิ่งเร้าสองเป็นสัดส่วนกับขนาดของสิ่งเร้า, (และความไวของเรื่อง), เช่นถ้าคุณรู้สึกการเปลี่ยนแปลงในน้ำหนัก 0.5 ปอนด์ในการอันทัน 5 ปอนด์ คุณควรจะรู้สึกปอนด์พิเศษที่เพิ่มเข้าไปเป็นอันทันสิบปอนด์ กุสตาฟ Theodor Fechner (1801-1887), นักวิชาการของเวเบอร์ ใช้ผลการวิจัยของเวเบอร์สร้างสเกล psychophysical ที่ซึ่งเขาได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดทางกายภาพของการกระตุ้นของความเข้ม (subjectively) รับรู้ในภายหลัง กฎหมายของ Fechner (ดีกว่าเรียกว่าสเกลของ Fechner) ระบุว่า รู้สึกตามอัตวิสัยเป็นสัดส่วนกับการหาค่าลอการิทึมของความเข้มกระตุ้น ขนาด Fechner ได้ถูก mathematically อย่างเป็นทางการ ในความเป็นจริง แนวมนุษย์ของภาพและเสียงทำงานเป็นดังนี้: มองเห็นความสว่าง/ความดังเป็นสัดส่วนกับล็อกของความจริงที่วัด ด้วยเครื่องมือ nonhuman ถูกต้อง บางอย่างผู้เขียนใช้คำว่า "แบ่งแยก – Fechner กฎหมาย" หมายความว่าแบ่งแยกกฎหมาย และคนอื่น ๆ ใช้สำหรับกฎหมายของ Fechner ใช้คำว่า "แบ่งแยก – Fechner กฎหมาย" ถูก criticised เป็น misnomer byEwald Hering ประโยชน์ของการแบ่งแยกสดส่งผลกระทบต่อลูกค้าและตลาดลูกค้าจะได้รับราคาลงแต่ยังคงให้คุณภาพ ตลาดที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งมันอาจลูกค้าความเชื่อมั่นในแบรนด์ และเป็น สมาชิกแบรนด์ ในมืออื่น ๆ หากตลาดที่มีการส่งเสริม แบรนด์ โดยการลดราคาและลดขนาดของสินค้าโดยไม่แจ้งลูกค้าทราบ ครั้งแรก ลูกค้าอาจไม่สังเกตเห็นขนาดของมันลดลง ช่วงเวลา ลูกค้าแจ้งขนาดของปฏิเสธผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดสลับแบรนด์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กฎหมาย Weber-Fechner รวมสองกฎหมายที่แตกต่างกันของการรับรู้ของมนุษย์ซึ่งทั้งอธิบายวิธีการที่มีความละเอียดของการรับรู้ลดลงสำหรับการกระตุ้นความสำคัญมากขึ้น เอิร์นส์ไฮน์ริคเวเบอร์ (1795-1878) เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่จะเข้าใกล้การศึกษาการตอบสนองของมนุษย์ที่จะกระตุ้นทางกายภาพในลักษณะเชิงปริมาณ กฎหมายของเวเบอร์ระบุว่าความแตกต่างเพียงแค่ที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างสองสิ่งเร้าที่เป็นสัดส่วนกับขนาดของสิ่งเร้า (และความไวของเรื่อง) คือถ้าคุณรู้สึกการเปลี่ยนแปลงในน้ำหนักของ£ 0.5 ในดัมเบล 5 £คุณควรจะรู้สึก ปอนด์พิเศษเพิ่มให้กับดัมเบล£ 10 กุสตาฟ Fechner โอดอร์ (1801-1887) นักวิชาการของเวเบอร์ที่ใช้ในภายหลังผลการวิจัยของเวเบอร์ที่จะสร้างระดับจิตซึ่งเขาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของการกระตุ้นทางกายภาพและมัน (จิตใจ) ความเข้มของการรับรู้ กฎหมายของ Fechner (ดีกว่าเรียกว่าขนาดของ Fechner) กล่าวว่าความรู้สึกส่วนตัวเป็นสัดส่วนกับลอการิทึมของความเข้มกระตุ้น ปรับ Fechner ได้รับอย่างเป็นทางการทางคณิตศาสตร์ ในความเป็นจริงการรับรู้ของมนุษย์ในการทำงานของสายตาและเสียงดังต่อไปนี้: การรับรู้เสียงดัง / ความสว่างเป็นสัดส่วนการเข้าสู่ระบบของความรุนแรงที่เกิดขึ้นจริงกับวัดที่ถูกต้องเขียน instrument.Some มนุษย์ใช้คำว่า "เวเบอร์-Fechner กฎหมาย" หมายถึงกฎหมายของเวเบอร์และอื่น ๆ ใช้ มันเป็นกฎหมายของ Fechner การใช้คำว่า "เวเบอร์-Fechner กฎหมาย" ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเรียกชื่อผิด byEwald Hering ประโยชน์ของ Weber-สดส่งผลกระทบต่อความต้องการของลูกค้าและนักการตลาดจะลูกค้าจะได้รับราคาลง แต่ยังคงให้มีคุณภาพ นักการตลาดได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าซึ่งลูกค้าอาจเชื่อมั่นในแบรนด์และกลายเป็นความภักดีแบรนด์ ในทางกลับกันถ้านักการตลาดมีการส่งเสริมแบรนด์โดยการลดราคาและลดขนาดของผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ตอนแรกลูกค้าอาจไม่เห็นขนาดของการลดลงของ เมื่อเวลาผ่านไปลูกค้าสังเกตเห็นการลดลงขนาดของผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแบรนด์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เวเบอร์ - เฟ็กเนอร์กฎหมายรวมสองกฎหมายที่แตกต่างกันในการรับรู้ของมนุษย์ ซึ่งทั้งสองอธิบายวิธีการแก้ปัญหาของการรับรู้สิ่งเร้ามากขึ้น เพื่อลดขนาด Ernst Heinrich Weber ( 1795 – 2421 ) เป็นหนึ่งในคนแรกที่จะเข้าไปศึกษา ของมนุษย์ที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางกายภาพในแฟชั่นเชิงปริมาณเวเบอร์ คือ กฎหมายระบุว่า เพิ่งสังเกตความแตกต่างระหว่างสองอาจจะเป็นสัดส่วนกับขนาดของสิ่งเร้า กับ เรื่องของความไว ) เช่นถ้าคุณรู้สึกเปลี่ยนแปลงในน้ำหนัก 0.5 ปอนด์ใน 5 ปอนด์ dumbbell , คุณควรจะรู้สึกว่าปอนด์พิเศษเพิ่มดัมเบลปอนด์สิบ กุสตาฟธีโอดอร์เฟ็กเนอร์ ( 1801 – 1887 ) เป็นนักเรียนทุนของเวเบอร์ต่อมาใช้ Weber ค้นพบเพื่อสร้างมาตราการในที่เขาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดทางกายภาพของการกระตุ้นและ ( จิตใจ ) การรับรู้ความเข้ม เฟ็กเนอร์ของกฎหมาย ( น่าจะเรียกว่าเฟ็กเนอร์แบบอัตนัย ) ระบุว่า ความรู้สึกเป็นปฏิภาคกับลอการิทึมของสิ่งเร้าความเข้ม เฟ็กเนอร์ปรับถูกทางคณิตศาสตร์ กล่าว .ในความเป็นจริงของมนุษย์ การรับรู้ของสายตาและเสียงทำงานดังนี้ : การรับรู้เสียงดัง / สว่างเป็นสัดส่วนเพื่อเข้าสู่ระบบขึ้นเข้มวัดด้วยเครื่องมือบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์ที่ถูกต้อง ผู้เขียนใช้คำว่า " เวเบอร์ ( Weber เฟ็กเนอร์กฎหมาย " หมายถึง กฏหมาย และคนอื่น ๆใช้มันสำหรับเฟ็กเนอร์คือกฎหมาย การใช้คำว่า " เวเบอร์ - เฟ็กเนอร์กฎหมาย " คือการวิพากษ์วิจารณ์เป็นบริบท byewald เฮอริ่ง .ประโยชน์ของเวเบอร์ fresher มีผลต่อลูกค้าและนักการตลาดคือลูกค้าจะได้รับราคาลง แต่ยังคงคุณภาพ นักการตลาดที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งมันอาจจะลูกค้ามั่นใจในแบรนด์ และกลายเป็นแบรนด์ภักดี ในมืออื่น ๆถ้านักการตลาดมีการส่งเสริมแบรนด์ ด้วยส่วนลดราคาและการลดขนาดของผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ที่แรก ลูกค้าอาจไม่สังเกตเห็นขนาดของการลดลงของ ตลอดเวลา ลูกค้าแจ้งขนาดของการลดลงของผลิตภัณฑ์ที่อาจเปลี่ยนยี่ห้อ