Charles Horton Cooley (August 17, 1

Charles Horton Cooley (August 17, 1864 – May 7, 1929) was an American sociologist and the son of Thomas M. Cooley. He studied and went on to teach economics and sociology at the University of Michigan, and he was a founding member and the eighth president of the American Sociological Association. He is perhaps best known for his concept of the looking glass self, which is the concept that a person's self grows out of society's interpersonal interactions and the perceptions of others
Charles Horton Cooley was born in Ann Arbor, Michigan, on August 17, 1864, to Mary Elizabeth Horton and Thomas M. Cooley. His father was very successful in the legal field, and with a high social status he was well respected in the community.[1] Thomas Cooley was the Supreme Court Judge for the state of Michigan and was one of the first three faculty members to start the University of Michigan Law School and was later appointed the dean at the law school from 1859-1884.[2] His mother, Mary Elizabeth Horton took an active interest with public affairs and traveled with her husband to several cities around the United States in relation to the Interstate Commerce Commission.[3] Charles was the fourth of six children. His father was a very successful man that stressed the importance of education to his six children. Nevertheless, Cooley had a difficult childhood and was somewhat of a passive child.[4] The intimidation and alienation he felt by his own father at a young age took a toll in his life later on. Due to this situation, he suffered for fifteen years from a variety of illnesses, some appearing to be psychosomatic. He was shy and developed several insecurities due to his speech impediment, and lack of playmates.[5] Cooley was a day dreamer and many of his "dreaming-life" had some form of influence to his sociological works.[6] As a child he dealt with the feeling of isolation and loneliness, which led him to take an interest in reading and writing.[7][8][9]
Education[edit]

Cooley grave in front of Cooley family obelisk, Forest Hill Cemetery, Ann Arbor
At the age of sixteen Cooley started attending the University of Michigan. Cooley suffered from "obstetative elimination" which is an illness that affects the mental and physical health of individuals.[10] His illness negatively affected his college life since it caused him to take breaks from studying.[11] Due to his illness it took him seven years to graduate from the University of Michigan in 1887. Charles continued with a year's training in mechanical engineering at the same school. In 1888, he returned for a master's degree in political economics, with a minor in sociology. He began teaching economics and sociology at the University in the fall of 1892. Cooley went on to receive a PhD in 1894. His doctoral thesis was The Theory of Transportation in economics.

Since Cooley's father was honored nationwide, Cooley feared the idea of failure. He did not know where he belonged in life and did not know what he wanted to do with his life. He questioned if he wanted to study science, mathematics, social science, psychology or sociology. He wanted a job that allowed him to write and think. After reading philosopher Herbert Spencer's works Cooley realized he had an interest for social problems. Cooley decided that he wanted to study sociology because it gave him the ability to think and analyze social problems.[12] He began teaching sociology in the academic year of 1894 to 1895.

Family life[edit]
Cooley married in 1890 to Elsie Jones, the daughter of a professor of medicine at the University of Michigan. His marriage enabled him to concentrate fully on scholarly work and the contemplative life he prized above all. A highly cultivated woman, Mrs. Cooley differed from her husband in that she was outgoing, energetic, and hence capable of ordering their common lives in such a manner that mundane cares were not to weigh very heavily on her husband. The couple had three children, a boy and two girls, and lived quietly and fairly withdrawn in a house close to the campus. The children served Cooley as a kind of domestic laboratory for his study of the genesis and growth of the self. He would observe imitation behavior in his three children and analyzed these behaviors by comparing their ages and reactions.[13] Hence, even when he was not engaged in the observation of his own self but wished to observe others, he did not need to leave the domestic circle.
Cooley grave in front of Cooley family
obelisk,Forest Hill Cemetery, Ann Arbor

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Charles Cooley ฮอร์ตัน (17 สิงหาคม 1864 – 7 พฤษภาคม 1929) เป็นวิทยาการอเมริกันและบุตรของ Thomas M. Cooley เขาศึกษา และไปสอนเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน และเขาก็เป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมสังคมวิทยาอเมริกันแปด เขาเป็นทีรู้จักกันดีสำหรับแนวคิดของเขาจากกระจกมองตัวเอง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ว่า คนของตัวเองเติบโตขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของสังคมและทัศนะของผู้อื่นชาร์ลส์ฮอร์ Cooley เกิด Ann Arbor รัฐมิชิแกน บน 17 สิงหาคม 1864 แมรี่อลิซาเบธฮอร์และ Thomas M. Cooley พ่อของเขาประสบความสำเร็จมากในด้านกฎหมาย และ มีสถานะทางสังคมสูง เขาก็ดีเป็นที่เคารพในชุมชน [1] ทอมัส Cooley คือ ผู้พิพากษาศาลฎีกาสำหรับรัฐมิชิแกน และเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะสามแรกเริ่มโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัยมิชิแกน และภายหลังถูกแต่งตั้งคณบดีที่โรงเรียนกฎหมายจาก 1859-1884 [2] มารดา แมรี่อลิซาเบธฮอร์เอาความสนใจกับกิจกรรมสาธารณะ และเดินทางกับสามีไปหลายเมืองทั่วสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับคณะพาณิชย์อินเตอร์สเตต [3] ชาร์ลส์ถูกลูกหกคนที่สี่ บิดาของเขาเป็นคนที่เน้นถึงความสำคัญของการศึกษาให้เด็กหกของเขา ประสบความสำเร็จมาก แต่ Cooley มีวัยเด็กที่ยาก และค่อนข้างเป็นเด็กแฝง [4 ข่มขู่และความแปลกแยกที่เขารู้สึกว่าพ่อของเขาเองในวัยเด็ก]เอาโทรในชีวิตของเขาในภายหลัง เนื่องจากสถานการณ์นี้ เขาประสบสำหรับสิบห้าปีจากความหลากหลายของโรค บางปรากฏจะหวะ เขาเป็นคนขี้อาย และพัฒนาหลายความไม่มั่นคงเนื่องจากเสียงนจะ และเขาขาดบ่อย ๆ [5] Cooley ความฝันวัน และหลายชีวิตของเขา "ฝัน-" บางรูปแบบของอิทธิพลต่อผลงานของเขาสังคมวิทยา [6] เป็นเด็ก ที่เขาจัดการกับความรู้สึกของการแยกและความเหงา ที่เขาให้ความสนใจในการอ่าน และการเขียน [7] [8] [9][แก้]หลุมฝังศพ Cooley หน้า Cooley obelisk ครอบครัว สุสานฟอเรสต์ฮิลล์ แอนอาร์เบอร์เมื่ออายุสิบหก Cooley เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยมิชิแกน Cooley รับความเดือดร้อนจาก "obstetative ตัดออก" ซึ่งเป็นการเจ็บป่วยที่มีผลต่อสุขภาพจิต และร่างกายของบุคคล [10] เขาเจ็บป่วยผลลบกระทบชีวิตวิทยาลัยตั้งแต่มันเกิดจากเขาที่จะหยุดพักจากการศึกษา [11] เนื่องจากการเจ็บป่วยของเขา ก็เอาเขาเจ็ดปีจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในปี 1887 ชาร์ลส์อย่างต่อเนื่อง ด้วยในปีการฝึกอบรมในสาขาวิศวกรรมเครื่องกลที่โรงเรียนเดียวกัน ใน 1888 เขากลับสำหรับปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเมือง กับวิชาสังคมวิทยา เขาเริ่มสอนเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยในฤดูใบไม้ร่วงของปี 1892 Cooley ไปในการได้รับปริญญาเอกใน 1894 วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขาคือ ทฤษฎีระบบขนส่งเศรษฐศาสตร์เนื่องจากพ่อของ Cooley ได้รับเกียรติทั่วประเทศ Cooley กลัวความล้มเหลว เขาไม่รู้ซึ่งเขาเคยเป็นในชีวิต และไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาอยากจะทำกับชีวิตของเขา เขาถามว่า เขาต้องการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ จิตวิทยา หรือสังคมวิทยา เขาต้องการงานที่เขาเขียน และคิด หลังจากอ่านงานนักปรัชญาเฮอร์เบิร์ตสเปนเซอร์ Cooley ตระหนักว่า เขามีความสนใจปัญหาสังคม Cooley ตัดสินใจว่า เขาต้องการศึกษาสังคมวิทยา เพราะนั้นเขามีความสามารถในการคิด และวิเคราะห์ปัญหาสังคม [12] เขาเริ่มสอนสังคมวิทยาในปีการศึกษาของ 1894 ถึง 1895ชีวิตครอบครัว [แก้]Cooley แต่งงานในปี 1890 จะป้ำ ๆ โจนส์ ลูกสาวของอาจารย์แพทย์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน แต่งงานของเขาทำให้เขามีสมาธิเต็มที่ในงานวิชาการและชีวิตจิตตปัญญาที่เขาผลตอบแทนข้างต้นทั้งหมด ผู้หญิงสูงปลูก นาง Cooley แตกต่างจากสามีของเธอที่เธอขา มีพลัง และดังนั้นสามารถสั่งซื้อเขาทั่วไปอยู่ในลักษณะประสงค์ที่ทางโลกจะมีน้ำหนักมากอย่างมากจากสามีของเธอไม่ คู่ที่มีสามเด็ก เด็ก และสองสาว และอาศัยอยู่อย่างเงียบ ๆ และค่อนข้างในบ้านใกล้กับมหาวิทยาลัย เด็กเสิร์ฟ Cooley เช่นประเภทของห้องปฏิบัติการภายในประเทศสำหรับการศึกษาของปฐมกาลของเขาและการเติบโตของตัวเอง เขาจะสังเกตพฤติกรรมเลียนแบบในสามคนของเขา และวิเคราะห์พฤติกรรมเหล่านี้ โดยการเปรียบเทียบอายุและปฏิกิริยา [13] ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะไม่ร่วม การสังเกตของเขาเป็นเจ้าของเอง แต่ต้องคำนึงถึงผู้อื่น พระองค์ไม่ต้องการออกจากวงในประเทศหลุมฝังศพ Cooley หน้าครอบครัว Cooleyobelisk สุสานฟอเรสต์ฮิลล์ แอนอาร์เบอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชาร์ลส์ฮอร์ตันคูลลีย์ (17 สิงหาคม 1864 - 7 พฤษภาคม 1929) เป็นนักสังคมวิทยาชาวอเมริกันและบุตรชายของโทมัสเอ็มคูลลีย์ เขาศึกษาและเดินตรงไปสอนเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนและเขาก็เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานที่แปดของสมาคมสังคมวิทยาอเมริกัน เขาอาจจะเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับความคิดของเขาเองกระจกมองซึ่งเป็นแนวความคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เติบโตจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของสังคมและการรับรู้ของคนอื