The “personal vs. impersonal”signif

The “personal vs. impersonal”
signifies two contrasting types of social institutions. A social institution is personalized if its culture and power structure has a specific
person’s social
position as an essential factor for interactions. Such personalized relations include but are not limited to nepotism, patronage, acrimony, and other interactions. Person-based social institution is the basis of the patrimonial state in Thailand. In contrast to this is the impersonal social institution whose culture and power structure are based on certain criteria that are independent of personal or person-based relations. There are different forms and levels of criteria in various social institutions, such as laws, rules, regulations, standards, professionalism and principles. In reality, both types of social relations exist in every society and institution on earth. No society survives on only one type. The difference is in the extent to which each type obtains and in the relationship between the two types in a society, that is, in which type of social relations is the primary or dominant one informing social institutions and which is the secondary or supplemental one. Generally speaking, in small and less complex societies, social relations tend to be primarily person-based or personal. Rules and laws often become secondary or are selectively enforced according to the persons involved. Patrimonialism is the mode of power relations in this kind of society. In a larger and more complex society with intricate differences and conflicting interests, social institutions need to be primarily impersonal in nature, and adhere instead to laws, rules, regulations, standards, professionalism and principles.
Thai society is definitely a complex one, and yet its social institutions remain overly personal
and patrimonial. The “who” factor often matters more than laws, regulations, professionalism
or principle. Professionalism in some social institutions, such as journalism and academia, has not been adequately developed.
In the judicial system, for example, what is seen as a
rampant “double standard” in fact is one
standard, a standard that depends on
one’s social position.
Or perhaps no standard at all. Historically, laws and rules in ancient Siam were applied according to
a person’s
feudal rank. It seems that, despite modernity, the archaic culture persists. The most important principle isattentiv
eness to the “who” factor in social hierarchy.
These personal social relations, nevertheless, are also the basis for the charms and attractiveness of Thai society to many foreigners. Some see these social relations to be
“more human”
than impersonal institutions. In many cases, Thailand
’s charm is perceived in
contradistinction from what foreigners find missing in their societies. Getting entangled on occasion with the Thai police or judicial system may however make the detrimental side of person-based social institutions painfully obvious to them. The entire Thai education system, including higher education, is an infrastructure responsible for the reproduction and sustenance of person-based hierarchical relations over generations. Supporters of SOTUS tend to argue that it provides proper preparation for the real world. They are probably right in that SOTUS enhances patronage networks that can last an entire career, molding the next generation of practitioners of Thainess. It crystalizes the major values seen in real social relations in Thailand into teenage play, namely the importance of
seniority
or hierarchy, obedience to power or
order
, uncritical acceptance of
tradition
, the ultimate goal of

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

"บุคคลเจอตัวตน"หมายถึงสถาบันสังคมสองชนิดที่แตกต่างกัน สถาบันทางสังคมเป็นแบบส่วนบุคคลถ้าวัฒนธรรมและโครงสร้างอำนาจมีเฉพาะ สังคมของบุคคลวางตำแหน่งเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับการโต้ตอบ ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลดังกล่าวรวมถึง แต่ไม่จำกัดคติเห็นแก่ญาติ อุปถัมภ์ acrimony และการโต้ตอบอื่น ๆ ตามบุคคลสถาบันทางสังคมเป็นพื้นฐานของรัฐ patrimonial ในประเทศไทย ในทางตรงข้ามนี้เป็นสถาบันที่ตัวตนที่มีวัฒนธรรมและโครงสร้างอำนาจเป็นไปตามเกณฑ์ที่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล หรือ จากบุคคล มีรูปแบบแตกต่างกันและระดับของเกณฑ์ในสถาบันสังคมต่าง ๆ กฎหมาย กฎ ระเบียบ มาตรฐาน ความเป็นมืออาชีพ และหลักการ ในความเป็นจริง ประเภทของความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีอยู่ในทุกสังคมและสถาบันในโลก สังคมไม่มีชีวิตอยู่เพียงชนิดเดียว ความแตกต่างที่อยู่ ในขอบเขตเพื่อที่ได้รับแต่ละชนิด และความสัมพันธ์ระหว่างสองชนิดในสังคม คือ ในชนิดของความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นหลัก หรือหลักแจ้งสถาบันสังคม และที่เป็นรอง หรือเสริม โดยทั่วไป ในสังคมที่ซับซ้อนน้อย และขนาดเล็ก ความสัมพันธ์ทางสังคมมีแนวโน้มจะเป็นหลัก ตามบุคคล หรือส่วนตัว กฎระเบียบและกฎหมายมักจะเป็นรอง หรือเลือกที่จะบังคับใช้ตามบุคคลที่เกี่ยวข้อง Patrimonialism คือ โหมดพลังงานความสัมพันธ์ในสังคมแบบนี้ ในสังคมขนาดใหญ่ และซับซ้อนมากขึ้นกับความแตกต่างซับซ้อนและขัดแย้งผลประโยชน์ สถาบันทางสังคมต้องตนหลักในธรรมชาติ และตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มาตรฐาน ความเป็นมืออาชีพ และหลักแทนสังคมไทยเป็นหนึ่งซับซ้อน และสถาบันของสังคมยัง ยังคงอยู่ส่วนตัวมากเกินไปและ patrimonial "ที่" ปัจจัยมักจะสำคัญกว่ากฎหมาย ข้อบังคับ ความเป็นมืออาชีพหรือหลักการ ความเป็นมืออาชีพในบางสถาบันสังคม เช่นวารสารวิชาการ ไม่เพียงพอพัฒนามาในระบบยุติธรรม เช่น สิ่งที่ถูกมองว่าเป็นการอาละวาด "สองมาตรฐาน" ในความเป็นจริงหนึ่งมาตรฐาน มาตรฐานที่ขึ้นอยู่กับของสังคมตำแหน่งหรือบางทีอาจไม่มีมาตรฐานเลย ประวัติศาสตร์ กฎหมายและกฎในโบราณใช้ตามของบุคคล อันดับที่ศักดินา ดูเหมือนว่า แม้ มีความทันสมัย วัฒนธรรมวอาร์เชียคยังคงอยู่ Isattentiv หลักการสำคัญที่สุดeness การ "ที่" ปัจจัยในลำดับชั้นทางสังคมสัมพันธ์ทางสังคมที่บุคคลเหล่านี้ แต่ เป็นยังพื้นฐานเสน่ห์และความน่าสนใจของสังคมไทยเพื่อชาวต่างชาติจำนวนมาก บางคนเห็นความสัมพันธ์ทางสังคมเหล่านี้จะ"มนุษย์เพิ่มเติม"กว่าสถาบันตน ในหลายกรณี ประเทศไทยของคุณเป็นที่รับรู้ในcontradistinction จากชาวต่างชาติอะไรค้นหาหายไปในสังคมของพวกเขา การเข้าไปพัวพันในโอกาสกับตำรวจหรือระบบยุติธรรมอาจแต่ทำด้านอันตรายต่อสถาบันทางสังคมจากบุคคลชัดเจนเจ็บปวดเหล่านั้น ระบบการศึกษาไทยทั้งหมด รวมทั้งการศึกษา มีโครงสร้างพื้นฐานการผลิตซ้ำและปัจจัยยังชีพของผู้ใช้ความสัมพันธ์แบบลำดับชั้นมากกว่ารุ่น สนับสนุนของโซตัสมักเถียงว่า ให้เตรียมการที่เหมาะสมสำหรับโลกแห่งความจริง พวกเขามีสิทธิคงที่โซตัสเพิ่มเครือข่ายอุปถัมภ์ที่ได้มีอาชีพทั้งหมด ปั้นรุ่นต่อไปของผู้ประกอบวิชาชีพของความเป็นไทย มัน crystalizes ค่าสำคัญในความสัมพันธ์ของสังคมในประเทศไทยเป็นวัยรุ่นเล่น คือความสำคัญของอายุงาน หรือลำดับชั้น ฟังพลังงาน หรือสั่ง ยอมรับ uncriticalประเพณีเป้าหมายสูงสุดของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

"การกับบุคคลที่ไม่มีตัวตน"
หมายถึงสองประเภทตัดกันของสถาบันทางสังคม สถาบันทางสังคมเป็นส่วนบุคคลถ้าโครงสร้างของวัฒนธรรมและอำนาจของตนที่มีเฉพาะ
บุคคลของสังคม
ในฐานะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการติดต่อ ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลดังกล่าวรวมถึง แต่ไม่ จำกัด เพียงการเล่นพรรคเล่นพวกในพระบรมราชูปถัมภ์, ความรุนแรงและการโต้ตอบอื่น ๆ คนที่ใช้สถาบันทางสังคมเป็นพื้นฐานของรัฐมรดกในประเทศไทย ในทางตรงกันข้ามนี้เป็นสถาบันทางสังคมที่ไม่มีตัวตนที่มีวัฒนธรรมและโครงสร้างอำนาจจะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่แน่นอนว่ามีความเป็นอิสระของความสัมพันธ์ส่วนบุคคลหรือบุคคลตาม มีรูปแบบที่แตกต่างกันและระดับของเกณฑ์ในสถาบันทางสังคมต่างๆเช่นกฎหมายกฎระเบียบมาตรฐานความเป็นมืออาชีพและมีหลักการ ในความเป็นจริงทั้งสองประเภทของความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีอยู่ในทุกสังคมและสถาบันการศึกษาที่อยู่ในแผ่นดิน ไม่มีสังคมมีชีวิตอยู่เพียงชนิดเดียว ความแตกต่างอยู่ในขอบเขตที่ได้รับแต่ละประเภทและในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเภทในสังคมที่เป็นซึ่งในประเภทของความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นหลักหนึ่งที่โดดเด่นหรือแจ้งสถาบันทางสังคมและซึ่งเป็นหนึ่งในรองหรือเสริม โดยทั่วไปในสังคมที่มีขนาดเล็กและมีความซับซ้อนน้อยกว่าความสัมพันธ์ทางสังคมมีแนวโน้มที่จะเป็นหลักคนหรือส่วนบุคคล กฎระเบียบและกฎหมายที่มักจะกลายเป็นรองหรือมีการบังคับใช้การคัดเลือกตามบุคคลที่เกี่ยวข้อง Patrimonialism เป็นรูปแบบของความสัมพันธ์เชิงอำนาจในสังคมแบบนี้ ในสังคมที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้นมีความแตกต่างที่ซับซ้อนและผลประโยชน์ทับซ้อนกันสถาบันทางสังคมจะต้องมีหลักที่ไม่มีตัวตนในธรรมชาติและปฏิบัติแทนกฎหมายกฎระเบียบมาตรฐานความเป็นมืออาชีพและหลักการ.
สังคมไทยเป็นมั่นเหมาะหนึ่งที่ซับซ้อนและยัง สถาบันทางสังคมยังคงอยู่ในระดับที่มากเกินไปส่วนบุคคล
และมรดก ว่า "ใคร" ปัจจัยที่มักจะมากกว่าเรื่องกฎหมายระเบียบความเป็นมืออาชีพ
หรือหลักการ ความเป็นมืออาชีพในบางสถาบันทางสังคมเช่นการสื่อสารมวลชนและสถาบันการศึกษายังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเพียงพอ.
ในระบบการพิจารณาคดีตัวอย่างเช่นสิ่งที่ถูกมองว่าเป็น
อาละวาด "สองมาตรฐาน" ในความเป็นจริงเป็นหนึ่งใน
มาตรฐานมาตรฐานที่ขึ้นอยู่กับ
ฐานะทางสังคมของคน ๆ หนึ่ง .
หรือบางทีอาจจะไม่มีมาตรฐานที่ทุกคน ประวัติศาสตร์กฎหมายและกฎระเบียบในเมืองโบราณถูกนำไปใช้ตาม
ของบุคคล
ยศศักดินา มันดูเหมือนว่าแม้จะมีความทันสมัยวัฒนธรรมโบราณยังคงมีอยู่ ที่สำคัญที่สุดหลักการ isattentiv
eness กับ "ใคร" ปัจจัยในการลำดับชั้นทางสังคม.
เหล่านี้ความสัมพันธ์ทางสังคมส่วนบุคคล แต่ยังเป็นพื้นฐานสำหรับเสน่ห์และความน่าสนใจของสังคมไทยให้ชาวต่างชาติจำนวนมาก บางคนเห็นความสัมพันธ์ทางสังคมเหล่านี้จะเป็น
"มนุษย์มากขึ้น"
กว่าสถาบันที่ไม่มีตัวตน ในหลายกรณีประเทศไทย
เสน่ห์ 's เป็นที่รับรู้ในการ
ขัดจากสิ่งที่ชาวต่างชาติหาหายไปในสังคมของพวกเขา เริ่มเข้าไปพัวพันในโอกาสกับตำรวจไทยหรือระบบการพิจารณาคดีอย่างไรก็ตามอาจทำให้ด้านอันตรายของสถาบันทางสังคมของบุคคลตามที่เห็นได้ชัดเจ็บปวดให้กับพวกเขา ระบบการศึกษาของไทยทั้งหมดรวมถึงการศึกษาที่สูงขึ้นเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่รับผิดชอบในการทำสำเนาและการดำรงชีวิตของความสัมพันธ์ของคนลำดับชั้นตามมาหลายชั่วอายุ ผู้สนับสนุนของ SOTUS มีแนวโน้มที่จะยืนยันว่าจะให้การเตรียมการที่เหมาะสมสำหรับโลกแห่งความจริง พวกเขาอาจจะถูกต้องใน SOTUS ที่ช่วยเพิ่มเครือข่ายอุปถัมภ์ที่สามารถมีอายุการทำงานทั้งการปั้นรุ่นต่อไปของผู้ปฏิบัติงานของความเป็นไทย มัน crystalizes ค่าที่สำคัญที่เห็นในความสัมพันธ์ทางสังคมที่แท้จริงในประเทศไทยเข้าสู่การเล่นวัยรุ่นคือความสำคัญของ
ผู้มีอาวุโส
หรือลำดับการเชื่อฟังอำนาจหรือ
สั่งซื้อ
ได้รับการยอมรับลำเอียง
ประเพณี
เป้าหมายสูงสุดของ