Riba is an Islamic word which trans

Riba is an Islamic word which translates most closely to Interest. According to El-Gamal (2003), Riba is used in the concept of banking and is regarded as an act of exploitation for financial gains, which is similar to usury. Although the act of usury is considered unethical and unjust in all law systems, the Islamic Law states that the act of all Riba is a serious sin and is strictly prohibited is Islamic Law, thus all types of interest is considered illegal (Foster 2007). It is therefore, commonly known that interest is illegal in Islamic law and there is no business of lending money in return for higher interest.
The main reason why Riba is prohibited in Islamic law is the fact that Allah forbade all Riba, and thus it has become part of the divine order(Visser 2013). All Islamic laws will be based on Islamic religious beliefs and Allah strict forbade all Riba. This meant that banks cannot operate on interest rates. The main reasons why Riba is prohibited by Allah is the fact that interest will cause the person that lends something for interest to separate himself from Allah. The concept revolves around the fact that a person who can depend on interest will lose his way with Allah.
Riba is also considered as a sin. There are 3 reasons why riba is prohibited in Muslim world. Firstly, it leads to inequity. The interest paid to the lender will make the latter better off while the borrower takes disadvantage. The second reason is that the lender might not be interested in doing any business other than receiving the interest. Qureshi (1991) stated that riba will hinder the progression of the world productivity. Thirdly, it is against the concept of mutual sympathy, human goodliness and obligations. This is because riba can lead to borrowing and overspending
There are many types of common business practices which will be considered Riba such as discount interest, default interest, compensatory interest, legal interest, etc. All these types of interest would theoretically be considered Riba and is therefore prohibited in Islamic law.
“…if ye repent, ye shall have your capital sums; deal not unjustly and ye shall not be dealt with unjustly”(Dutton 2013)
“God has forbidden you to take usury (riba), therefore all riba obligation shall henceforth be waived. Your capital, however, is yours to keep. You will neither inflict nor suffer inequity” (Dutton 2013).
These two verses in the Quran accentuate the fact that lenders may only collect what they have lent.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Riba เป็นคำสอนศาสนาอิสลามซึ่งแปลสนใจอย่างใกล้ชิดมากที่สุด ตามเอล Gamal (2003), Riba ใช้ในแนวคิดของธนาคาร และถือเป็นการแสวงหาประโยชน์สำหรับกำไรเงิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโทษ แม้ว่าการกระทำของโทษถือว่าศีลธรรม และทำลายระบบกฎหมายทั้งหมด กฎหมายอิสลามอเมริกาว่า การกระทำของ Riba ทั้งหมดเป็นบาปร้ายแรง และเด็ดขาดเป็นกฎหมาย อิสลาม ทุกชนิดสนใจจะถือว่าไม่ถูกต้อง (ฟอสเตอร์ 2007) ดัง นั้น ดังนั้น รู้จักกันทั่วไปดอกเบี้ยที่ไม่ถูกต้องในกฎหมายอิสลาม และมีธุรกิจไม่ให้ยืมเงินเพื่อแลกกับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
เหตุผลหลักที่ทำไม Riba เป็นสิ่งต้องห้ามในกฎหมายอิสลามเป็นความจริงที่ว่า อัลลอฮข้อทั้งหมด Riba และดังนั้น มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของใบสั่งที่พระเจ้า (Visser 2013) กฎหมายอิสลามทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความเชื่อในศาสนาอิสลาม และอัลลอฮเข้มงวดข้อ Riba ทั้งหมด นี้หมายถึง ว่า ธนาคารไม่มีอัตราดอกเบี้ย เหตุผลหลักที่ทำไม Riba ถูกห้าม โดยอัลลอฮเป็นความจริงที่ว่า ดอกเบี้ยจะทำให้บุคคลที่ยืดสิ่งที่สนใจเพื่อแยกตัวเองจากอัลลอฮ แนวคิด revolves รอบความจริงที่ว่าบุคคลที่สามารถขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยจะสูญเสียเขากับอัลลอฮ.
Riba ยังถือว่าเป็นบาป มี 3 เหตุผลที่ทำไม riba เป็นสิ่งต้องห้ามในโลกมุสลิม ประการแรก มันนำไปสู่ inequity ดอกเบี้ยที่จ่ายให้ผู้ให้กู้จะให้ดีหลังปิดในขณะที่ผู้กู้จะเสียเปรียบ เหตุผลที่สองคือ ว่า ผู้ให้กู้อาจไม่ได้สนใจในการทำธุรกิจไม่ใช่การรับดอกเบี้ย Qureshi (1991) ระบุ riba ที่จะขัดขวางความก้าวหน้าของผลผลิตโลก ประการ ได้กับแนวคิดของเห็นใจซึ่งกันและกัน goodliness มนุษย์ และข้อผูกพัน ทั้งนี้เนื่องจาก riba อาจยืม และ overspending
มีหลายชนิดของการดำเนินธุรกิจทั่วไปซึ่งจะเป็น Riba ส่วนลดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยเริ่มต้น ชดเชยดอกเบี้ย ดอกเบี้ยตามกฎหมาย ฯลฯ ครั้งแรกราคาพิจารณา Riba ทุกเหล่านี้น่าสนใจ และเป็นสิ่งต้องห้ามในกฎหมายอิสลามดังนั้น
"...ถ้ากลับเย เยมีผลรวมของทุน เขาไม่แจก และท่านจะไม่สามารถแจกกับเขา "(Dutton 2013)
" พระเจ้าได้ห้ามคุณจะโทษ (riba) ดังนั้น ข้อผูกมัด riba ทั้งหมดจะต่อไปยกเว้น เมืองหลวงของคุณ แต่ เป็นคนให้ คุณจะไม่ทำดาเมจบาง หรือประสบ inequity" (ดัทตัน 2013) .
สองข้อนี้ในอัลกุรอานชื่นข้อเท็จจริงที่ผู้ให้กู้อาจเพียงรวบรวมสิ่งที่พวกเขาได้ยืมเงิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ริบาเป็นอิสลามคำซึ่งแปลอย่างใกล้ชิดที่สุดกับดอกเบี้ย ตามเอล กามัล ( 2003 ) , ดอกเบี้ยถูกใช้ในแนวคิดของธนาคาร และถือว่าเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน การใช้ประโยชน์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับดอกเบื้ยขูดเลือด แม้ว่าพระราชบัญญัติการคิดดอกเบี้ยจะถือว่าผิดจรรยาบรรณ และไม่เป็นธรรมในระบบทั้งหมดกฎหมายกฏหมายอิสลามระบุว่า การกระทำของริบาเป็นบาปที่ร้ายแรง และเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด คือกฎหมายอิสลาม ดังนั้น ทุกประเภท ดอกเบี้ยจะถือว่าผิดกฎหมาย ( อุปถัมภ์ 2007 ) จึง เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นดอกเบี้ยผิดกฎหมายในกฎหมายอิสลาม และไม่มีธุรกิจให้กู้ยืมเงินตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ย .
เหตุผลหลักว่าทำไมดอกเบี้ยเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายอิสลามคือความจริงที่ว่าอัลลอฮฺห้ามทั้งหมด Riba , และดังนั้นจึงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสั่งซื้อศักดิ์สิทธิ์ ( วิสเซอร์ 2013 ) กฏหมายอิสลามจะตามความเชื่อทางศาสนาของอิสลาม และอัลลอฮ์อย่างเคร่งครัดห้ามทั้งหมด riba . นี่หมายถึงว่าธนาคารไม่สามารถดำเนินการในอัตราดอกเบี้ยเหตุผลหลักที่ทำไมดอกเบี้ยเป็นสิ่งต้องห้ามโดยพระเจ้าคือความจริงที่ว่าดอกเบี้ยจะทำให้คนที่ให้ยืมบางอย่างสำหรับความสนใจที่จะปลีกตัวจากอัลลอฮฺ แนวคิด revolves รอบความจริงที่ว่าคนที่สามารถขึ้นอยู่กับความสนใจจะสูญเสียทางของเขาที่มีต่ออัลลอฮฺ
ริบายังถือว่าเป็นบาป มี 3 เหตุผลที่ทำไมดอกเบี้ยเป็นสิ่งต้องห้ามในโลกมุสลิม ประการแรก มันนำไปสู่ความไม่เสมอภาค .ดอกเบี้ยเงินกู้จะทำให้หลังดีกว่า ขณะที่ผู้กู้จะเสียเปรียบ เหตุผลที่สองที่ผู้ให้กู้อาจจะสนใจในการทำกิจการอื่นใดนอกเหนือจากที่ได้รับความสนใจ qureshi ( 1991 ) ระบุว่า ดอกเบี้ยจะขัดขวางความก้าวหน้าของโลก ผลผลิต ประการที่สาม มันขัดกับแนวคิดของความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ความดีของมนุษย์และหน้าที่นี้เป็นเพราะดอกเบี้ยจะนำไปสู่การกู้ยืมและการ overspending
มีอยู่หลายชนิดร่วมกันปฏิบัติทางธุรกิจซึ่งจะถือเป็นดอกเบี้ย เช่น ดอกเบี้ย ส่วนลด ดอกเบี้ยเริ่มต้น , ดอกเบี้ย , ดอกเบี้ยตามกฎหมายชดเชย ฯลฯ ทั้งหมดเหล่านี้ประเภทของความสนใจในทางทฤษฎีจะถือว่าดอกเบี้ยและดังนั้นจึงเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายอิสลาม .
" . . . . . . . ถ้าเจ้ากลับใจ ท่านจะได้ทุนของคุณผลรวม ;จัดการไม่ได้ ไม่เป็นธรรม และท่านทั้งหลายจะไม่ได้ถูกจัดการอย่างไม่เป็นธรรม " ( ดัตตัน 2013 )
" พระเจ้าห้ามคุณใช้ดอกเบี้ย ( ดอกเบี้ย ) ดังนั้นดอกเบี้ยภาระหน้าที่จะภายหลังได้รับการยกเว้น ทุนของคุณ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้คน คุณจะไม่ทำดาเมจ หรือประสบปัญหา " ( ดัตตัน 2013 )
2 โองการเหล่านี้ในกุรอานเน้นความจริงที่ว่าผู้ให้กู้อาจจะเก็บสิ่งที่พวกเขามีให้ยืม .