The leaf and stem epidermis is cove

The leaf and stem epidermis is covered with pores called stomata (sing., stoma), part of a stoma complex consisting of a pore surrounded on each side by chloroplast-containing guard cells, and two to four subsidiary cells that lack chloroplasts. The stoma complex regulates the exchange of gases and water vapor between the outside air and the interior of the leaf. Typically, the stomata are more numerous over the abaxial (lower) epidermis of the leaf than the (adaxial) upper epidermis. An exception is floating leaves where most or all stomata are on the upper surface. Vertical leaves, such as those of many grasses, often have roughly equal numbers of stomata on both surfaces. The stoma is bounded by two guard cells. The guard cells differ from the epidermal cells in the following aspects:

The guard cells are bean-shaped in surface view, while the epidermal cells are irregular in shape
The guard cells contain chloroplasts, so they can manufacture food by photosynthesis (The epidermal cells do not contain chloroplasts)
Guard Cells are the only epidermal cells that can make sugar. According to one theory, in sunlight the concentration of potassium ions (K+) increases in the guard cells. This, together with the sugars formed, lowers the water potential in the guard cells. As a result, water from other cells enter the guard cells by osmosis so they swell and become turgid. Because the guard cells have a thicker cellulose wall on one side of the cell, i.e. the side around the stomatal pore, the swollen guard cells become curved and pull the stomata open.
At night, the sugar is used up and water leaves the guard cells, so they become flaccid and the stomatal pore closes. In this way, they reduce the amount of water vapour escaping from the leaf.l.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผิวใบและลำต้นปกคลุม ด้วยรูขุมขนที่เรียกว่าปากใบ (sing. ปากใบ), เป็นส่วนหนึ่งของปากใบที่ซึ่งประกอบด้วยรูพรุนที่ล้อมรอบด้านโดยที่ประกอบด้วยคลอโรพลาสต์ยามเซลล์ เซลล์ย่อย และ 2-4 ที่ขาดคลอโรพลา ปากใบซับซ้อนควบคุมการแลกเปลี่ยนแก๊สและไอน้ำระหว่างอากาศภายนอกและภายในของใบ โดยทั่วไป ปากใบการมีจำนวนมากขึ้นกว่าหนังกำพร้า (ด้านล่าง) abaxial ของใบมากกว่าด้านบนชั้นหนังกำพร้า (adaxial) ข้อยกเว้นคือน้ำที่มีปากใบทั้งหมด หรือส่วนใหญ่อยู่บนพื้นผิวด้านบนใบ แนวตั้งใบ ของหญ้าหลาย มักจะมีประมาณเท่ากับจำนวนของปากใบบนพื้นผิวทั้งสอง ปากใบถูกล้อมรอบ โดยเซลล์สองยาม ยามเซลล์ต่างจากเซลล์ผิวหนังในด้านต่อไปนี้:เซลล์ยามเป็นถั่วรูปในมุมมองพื้นผิว ในขณะที่เซลล์ผิวหนังผิดปกติในรูปร่างยามเซลล์ประกอบด้วยคลอโรพลา ดังนั้นพวกเขาสามารถผลิตอาหาร โดยการสังเคราะห์ด้วยแสง (เซลล์ผิวหนังไม่ประกอบด้วยคลอโรพลา)รักษาเซลล์เป็นเซลล์ผิวหนังเท่านั้นที่สามารถทำให้น้ำตาล ตามทฤษฎีหนึ่ง ในแสงแดด ความเข้มข้นของโพแทสเซียมไอออน (K +) ขึ้นในเซลล์ยาม นี้ ร่วมกับน้ำตาลที่เกิดขึ้น ลดศักยภาพของน้ำในเซลล์ยาม เป็นผล น้ำจากเซลล์อื่น ๆ ป้อนยามเซลล์ออสโมซิบวม และกลายเป็น turgid เพราะยามเซลล์มีผนังหนาเซลลูโลสบนด้านหนึ่งของเซลล์ เช่นด้านข้างรอบ ๆ รูขุมขนที่ช่อง รักษาเซลล์บวมกลายเป็นโค้ง และดึงปากใบเปิดเวลากลางคืน ใช้ค่าน้ำตาล และน้ำออกจากเซลล์ที่ยาม เพื่อให้พวกเขากลายเป็นอ่อนแอ และปิดรูขุมขนช่อง ในวิธีนี้ พวกเขาลดปริมาณของไอน้ำที่หนีจากการ leaf.l

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใบและลำต้นหนังกำพร้าถูกปกคลุมไปด้วยรูขุมขนที่เรียกว่าปากใบ (ร้องเพลง. ปาก) ส่วนหนึ่งของความซับซ้อนปากประกอบด้วยรูขุมขนที่ล้อมรอบในแต่ละด้านโดยเซลล์ยามที่มีส่วนผสมของคลอโรพลาและ 2-4 เซลล์ บริษัท ย่อยที่ขาดคลอโรพลา ปากซับซ้อนควบคุมการแลกเปลี่ยนก๊าซและไอน้ำระหว่างอากาศภายนอกและการตกแต่งภายในของใบที่ โดยปกติปากใบเป็นจำนวนมากมากกว่า abaxial (ด้านล่าง) ผิวหนังชั้นนอกของใบกว่า (adaxial) บนผิวหนังชั้นนอก ยกเว้นจะลอยใบที่ส่วนใหญ่หรือปากใบทั้งหมดอยู่บนพื้นผิวด้านบน ใบแนวตั้งเช่นหญ้าจำนวนมากมักจะมีเท่ากับจำนวนปากใบได้ทั้งบนพื้นผิว ปากเป็นที่สิ้นสุดโดยสองเซลล์ยาม เซลล์ยามแตกต่างจากเซลล์ผิวหนังในด้านต่อไปนี้:

เซลล์ยามถั่วรูปในมุมมองของพื้นผิวในขณะที่เซลล์ผิวหนังที่มีความผิดปกติในรูปร่าง
เซลล์ยามมีคลอโรพลาเพื่อให้พวกเขาสามารถผลิตอาหารโดยการสังเคราะห์แสง (เซลล์ผิวหนังทำ ไม่ประกอบด้วยคลอโรพลา)
เซลล์ยามเป็นเซลล์ผิวหนังเท่านั้นที่สามารถทำให้น้ำตาล ตามทฤษฎีหนึ่งในแสงแดดความเข้มข้นของโพแทสเซียมไอออน (K +) เพิ่มขึ้นในเซลล์ยาม พร้อมกับน้ำตาลที่เกิดขึ้นลดศักยภาพของน้ำในเซลล์ยาม เป็นผลให้น้ำจากเซลล์อื่น ๆ สู่เซลล์ป้องกันได้ด้วยการดูดซึมเพื่อให้พวกเขากลายเป็นบวมและขี้โอ่ เพราะเซลล์ยามมีผนังเซลลูโลสหนาบนด้านหนึ่งของเซลล์คือด้านที่อยู่รอบ ๆ รูขุมขนปากใบที่เซลล์ยามบวมกลายเป็นโค้งและดึงปากใบเปิด.
ในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกใช้หมดและน้ำออกจากเซลล์ยาม ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นอ่อนแอและปิดรูขุมขนปากใบ ในวิธีนี้พวกเขาลดปริมาณของไอน้ำหนีออกมาจาก leaf.l.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใบ ลำต้นและใบ ปกคลุมด้วยรู เรียกว่า ปากใบ ( ร้อง , ชาร์ป ) , ส่วนที่เป็นรูเล็กๆที่ซับซ้อนประกอบด้วยรูขุมขนล้อมรอบในแต่ละด้านโดยคลอโรพลาสต์ ประกอบด้วยเซลล์คุมและสองถึงสี่ บริษัท ย่อยเซลล์ที่ขาดปล้อน . มีรูเล็กๆที่ควบคุมการแลกเปลี่ยนก๊าซและไอน้ำระหว่างอากาศภายนอกและภายในของใบ โดยทั่วไปปากใบมากขึ้นมากมายกว่าการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ( ล่าง ) ของใบมากกว่า ( แก่ ) เอพิเดอร์มิสด้านบน . ข้อยกเว้นลอยออกจากปาก ซึ่งส่วนใหญ่หรือทั้งหมดบนพื้นผิวด้านบน ใบแนวตั้ง เช่นที่หลายชนิด มักจะมีประมาณเท่ากับตัวเลขของปากใบทั้งบนพื้นผิว มีรูเล็กๆล้อมรอบ โดยสองป้องกันเซลล์ เซลล์คุ้มกันแตกต่างจากเซลล์ epidermal ในประเด็นต่อไปนี้ :เซลล์ยามเป็นถั่วรูปในมุมมองที่พื้นผิว ในขณะที่เซลล์มีรูปร่างผิดปกติในเนื้อเยื่อชั้นผิวเซลล์ยามมีคลอโรพลาสต์ ดังนั้นพวกเขาสามารถผลิตอาหารโดยการสังเคราะห์แสง ( เซลล์ตรงไม่มีคลอโรพลาสต์ )เซลล์คุมเป็นเพียงเนื้อเยื่อชั้นผิวที่สามารถทำให้น้ำตาล ตามทฤษฎีหนึ่ง ในแสงแดดมีความเข้มข้นของโพแทสเซียมไอออน ( K + ) เพิ่มขึ้นในเซลล์คุ้มกัน นี้พร้อมกับน้ำตาลขึ้นลดศักย์น้ำในเซลล์คุ้มกัน ผลคือ น้ำจากเซลล์อื่น ๆเข้าสู่เซลล์คุมโดย Osmosis พวกเขาบวมและกลายเป็นบวม . เพราะเซลล์คุมมีหนาเซลลูโลสบนผนังด้านหนึ่งของเซลล์ เช่นด้านข้างรอบ ๆปากรู เซลล์คุ้มกันบวมเป็นโค้งและดึงปากใบเปิดในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกใช้และน้ำใบเซลล์คุม , ดังนั้นพวกเขากลายเป็นหย่อนยานและรูขุมขนปากปิด วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณน้ำที่ระเหยจากใบหนี . .