บทน�ำ
ไทยได้เริ่มท�ำ การเกษตรแบบมีพันธะสัญญา (Contract Farming) อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือในสาขา
การเกษตรและอุตสาหกรรม ภายใต้กรอบ (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy:
ACMECS) มีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยสร้างงาน เพิ่มรายได้ การพัฒนาในพื้นที่ และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ประเทศสมาชิก ACMECS
ที่มีพรมแดนติดกับไทย ได้แก่ ลาว กัมพูชาและพม่า อันจะเป็นการลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ในขณะเดียวกัน
ก็เป็นการช่วยให้ไทยสามารถน�ำ เข้าพืชเป้าหมายที่ขาดแคลนในตลาดไทยจากประเทศเพื่อนบ้าน
การท�ำ การเกษตรแบบมีพันธะสัญญาจึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการนักลงทุนของไทยมากขึ้นเป็นล�ำ ดับ จังหวัด
อุบลราชธานีและแขวงจ�ำ ปาสักจึงถูกก�ำ หนดให้เป็นจังหวัดน�ำ ร่องในการด�ำ เนินกิจกรรมโครงการข้อตกลงสินค้าเกษตรอย่างเป็น
ทางการ เมื่อปี 2549 จากส�ำ นักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม
และศักยภาพเพียงพอที่สามารถด�ำ เนินการได้ดีภายใต้เมืองคู่มิตร (ส�ำ นักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี, 2555)
ในปี 2549 เป็นต้นมา นักลงทุนภาคเอกชนไทยเริ่มสนใจท�ำ การเกษตรแบบมีพันธะสัญญา ในประเทศเพื่อนบ้านโดยมีลาว
เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายส�ำ คัญ นอกเหนือจากการขอสัมปทานที่ดินเพื่อท�ำ การเพาะปลูกโดยตรง เนื่องจากอุปทานผลผลิตทางการ
เกษตร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของไทยเริ่มขาดแคลนเพราะมีปริมาณความต้องการเพิ่มมากขึ้น ขณะ
ที่พื้นที่จ�ำ นวนมากในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวยังว่าง ไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ราบ
ลุ่มขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งภูมิประเทศเหมาะแก่การเพาะปลูกพืชผักเศรษฐกิจบางชนิด เช่น กะหล�่ำปลี กล้วยน�้ำว้า ถั่ว
เหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
กะหล่�ำปลี (Cabbage) เป็นพืชผักเศรษฐกิจเป้าหมายอีกชนิดหนึ่งที่ไทยน�ำ เข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวเป็นล�ำ ดับ
ต้น ๆ ปีงบประมาณ 2554-2555 ไทยน�ำ เข้ากะหล�่ำปลี จ�ำ นวน 230,407,500 กิโลกรัม และ 459,571,800 กิโลกรัม มีมูลค่าสูงถึง
1,152,037,500 บาท และ 2,297,859,000 บาท ตามล�ำ ดับ (ด่านศุลกากรพิบูลมังสาหาร, 2555) กะหล�่ำปลีมีการเพาะปลูกกันมาก
ในเมืองปากช่อง แขวงจ�ำ ปาสัก มีพื้นที่ปลูกมากกว่า 2,400 ไร่ เก็บเกี่ยวได้วันละ 100-200 ตัน (มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 2554
: ออนไลน์) เมืองปากช่อง แขวงจ�ำ ปาสัก จึงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ เพราะเกษตรกรลาวไม่ต้องพึ่งพาหรือขอรับการ
สนับสนุนในด้านวิชาการหรือปัจจัยในการผลิตมากเท่าใดนัก
การท�ำ การเกษตรแบบมีพันธะสัญญาถึงแม้จะเป็นความหวังของเกษตรกรและของรัฐ แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อจ�ำ กัด Eaton
and Shepherd (2001) ได้เปรียบเทียบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาทั้งจากฝ่ายผู้ประกอบการและฝ่าย
เกษตรกรไว้ ว่าฝ่ายเกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความล้มเหลวทางการตลาด และปัญหาทางด้านการผลิต การบริหารจัดการ
ที่ขาดประสิทธิภาพ และปัญหาทางด้านการตลาดอาจน�ำ มาซึ่งความไม่แน่นอนในการรับซื้อผลผลิตคืนทั้งหมดตามโควตาที่เกษตรกรได้
รับ ส่วนผู้ประกอบการ ข้อจ�ำ กัดด้านสังคม และวัฒนธรรมของเกษตรกรอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของเกษตรกรที่จะผลิตผล
ผลิตเกษตรให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่ก�ำ หนดโดยฝ่ายผู้ประกอบการหรือผู้รับซื้อ การบริหารจัดการที่ไม่ดีและขาดการปรึกษาหารือกับ
เกษตรกร อาจน�ำ ไปสู่ความไม่พึงพอใจของฝ่ายเกษตรกรผู้ผลิตได้ รวมทั้งเกษตรกรอาจน�ำ เอาผลผลิตไปขายให้กับผู้อื่นที่มิได้ท�ำ สัญญา
ผูกพันกันไว้ ซึ่งจะท�ำ ให้ฝ่ายผู้รับซื้อได้ผลผลิตเพื่อป้อนโรงงานแปรรูปไม่ได้ตามปริมาณ
นอกจากนี้ สภาวะความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เป็นข้อจ�ำ กัดในการท�ำ การเกษตรแบบมีพันธะสัญญา เบญจพรรณ (2554) ได้ศึกษา
ความเสี่ยงในการเกษตรระบบพันธะสัญญา ในจังหวัดเชียงใหม่และล�ำ พูน ได้แบ่งความเสี่ยงของเกษตรกรที่อยู่ในระบบพันธะสัญญา
ออกเป็น 3 ด้านได้แก่ (1) ความเสี่ยงจากการผลิตยังมีสูงเพราะพันธะสัญญาไม่ได้ประกันผลผลิต โดยเฉพาะหากเกษตรกรยังพึ่งพา
ธรรมชาติ ขาดการพัฒนาบ�ำ รุงดินและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม (2) ความเสี่ยงในด้านการตลาด ที่เกิดจากผลผลิตเกษตรกรส่วน
ใหญ่เป็นตลาดของผู้ซื้อ ซึ่งมีอ�ำ นาจในการก�ำ หนดราคาได้เอง ขาดแหล่งข้อมูลด้านการตลาดและราคาที่ทันต่อเหตุการณ์ ท�ำ ให้ไม่อาจ
บทนำอันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือในสาขาไทยได้เริ่มทำการเกษตรแบบมีพันธะสัญญา (การเกษตร)การเกษตรและอุตสาหกรรมภายใต้กรอบ (Ayeyawady –เจ้าพระยา – แม่โขงร่วมมือทางเศรษฐกิจกลยุทธ์:ACMECS) มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยสร้างงานเพิ่มรายได้การพัฒนาในพื้นที่และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ประเทศสมาชิก ACMECSที่มีพรมแดนติดกับไทยได้แก่ลาวกัมพูชาและพม่าอันจะเป็นการลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างกันในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยให้ไทยสามารถนำเข้าพืชเป้าหมายที่ขาดแคลนในตลาดไทยจากประเทศเพื่อนบ้านการทำการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาจึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการนักลงทุนของไทยมากขึ้นเป็นลำดับจังหวัดอุบลราชธานีและแขวงจำปาสักจึงถูกกำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องในการดำเนินกิจกรรมโครงการข้อตกลงสินค้าเกษตรอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2549 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมเนินการได้ดีภายใต้เมืองคู่มิตรและศักยภาพเพียงพอที่สามารถดำ (สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี 2555)ในปี 2549 เป็นต้นมานักลงทุนภาคเอกชนไทยเริ่มสนใจทในประเทศเพื่อนบ้านโดยมีลาวการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาำเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายสำคัญนอกเหนือจากการขอสัมปทานที่ดินเพื่อทำการเพาะปลูกโดยตรงเนื่องจากอุปทานผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของไทยเริ่มขาดแคลนเพราะมีปริมาณความต้องการเพิ่มมากขึ้นขณะที่พื้นที่จำนวนมากในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวยังว่างไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วประเทศซึ่งภูมิประเทศเหมาะแก่การเพาะปลูกพืชผักเศรษฐกิจบางชนิดเช่นกะหล่ำปลีกล้วยน้ำว้าถั่วเหลืองข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นต้นกะหล่ำปลี (กะหล่ำปลี) เป็นพืชผักเศรษฐกิจเป้าหมายอีกชนิดหนึ่งที่ไทยนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวเป็นลำดับต้นๆ ปีงบประมาณปี 2554-2555 ไทยนำเข้ากะหล่ำปลีจำนวน 230,407,500 กิโลกรัมและ 459,571,800 กิโลกรัมมีมูลค่าสูงถึง1,152,037,500 บาทและ 2,297,859,000 บาทต่อตามลำดับ (ด่านศุลกากรพิบูลมังสาหาร 2555) กะหล่ำปลีมีการเพาะปลูกกันมากในเมืองปากช่องแขวงจำปาสักมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 2,400 ไร่เก็บเกี่ยวได้วันละ 100-200 ตัน (มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ๒๕๕๔: ออนไลน์) เมืองปากช่องแขวงจำปาสักจึงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์เพราะเกษตรกรลาวไม่ต้องพึ่งพาหรือขอรับการสนับสนุนในด้านวิชาการหรือปัจจัยในการผลิตมากเท่าใดนักการทำการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาถึงแม้จะเป็นความหวังของเกษตรกรและของรัฐแต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดอีตันและเชปเฮิร์ด (2001) ได้เปรียบเทียบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาทั้งจากฝ่ายผู้ประกอบการและฝ่ายเกษตรกรไว้ว่าฝ่ายเกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความล้มเหลวทางการตลาดและปัญหาทางด้านการผลิตการบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพและปัญหาทางด้านการตลาดอาจนำมาซึ่งความไม่แน่นอนในการรับซื้อผลผลิตคืนทั้งหมดตามโควตาที่เกษตรกรได้รับส่วนผู้ประกอบการข้อจำกัดด้านสังคมและวัฒนธรรมของเกษตรกรอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของเกษตรกรที่จะผลิตผลผลิตเกษตรให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดโดยฝ่ายผู้ประกอบการหรือผู้รับซื้อการบริหารจัดการที่ไม่ดีและขาดการปรึกษาหารือกับเกษตรกรอาจนำไปสู่ความไม่พึงพอใจของฝ่ายเกษตรกรผู้ผลิตได้รวมทั้งเกษตรกรอาจนำเอาผลผลิตไปขายให้กับผู้อื่นที่มิได้ทำสัญญาผูกพันกันไว้ซึ่งจะทำให้ฝ่ายผู้รับซื้อได้ผลผลิตเพื่อป้อนโรงงานแปรรูปไม่ได้ตามปริมาณได้ศึกษานอกจากนี้สภาวะความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเป็นข้อจำกัดในการทำการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาเบญจพรรณ (๒๕๕๔)ความเสี่ยงในการเกษตรระบบพันธะสัญญาในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนได้แบ่งความเสี่ยงของเกษตรกรที่อยู่ในระบบพันธะสัญญาออกเป็น 3 ด้านได้แก่ (1) ความเสี่ยงจากการผลิตยังมีสูงเพราะพันธะสัญญาไม่ได้ประกันผลผลิตโดยเฉพาะหากเกษตรกรยังพึ่งพาธรรมชาติขาดการพัฒนาบำรุงดินและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม (2) ความเสี่ยงในด้านการตลาดที่เกิดจากผลผลิตเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นตลาดของผู้ซื้อซึ่งมีอำนาจในการกำหนดราคาได้เองขาดแหล่งข้อมูลด้านการตลาดและราคาที่ทันต่อเหตุการณ์ทำให้ไม่อาจ
การแปล กรุณารอสักครู่..