Roses in Ancient Historic PeriodThe

Roses in Ancient Historic Period
The Romans outdid the Greeks when Nero, the hedonistic emperor, 1st century AD, dumped tons of rose petals on his dinner guests.
Cleopatra had her living quarters filled with the petals of roses so that when Marc Antony met her, he would long remember her for such opulence and be reminded of her every time he smelt a rose. Her scheme worked for him. Such is the power of roses.
Not only in Christian literature, also in ancient Confucian and Buddhist religious documents we find references to the rose.
The Romans cultivated this great beauty and named it Rosa Gallica. Newly married couples were often crowned with roses.
Roman high society women used petals much like currency believing that they could banish wrinkles if used in poultices. Rose petals were often dropped in wine because it was thought that the essence of rose would stave off drunkenness and victorious armies would return to be showered with rose petals from the civilians that crowded the balconies above the streets.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กุหลาบในช่วงประวัติศาสตร์โบราณชาวโรมัน outdid กรีกเมื่อ Nero จักรพรรดิ hedonistic, 1 ศตวรรษ AD, dumped ตันของกลีบกุหลาบบนเขาจึงเย็นคลีโอพัตรามีรอบชีวิตของเธอเต็มไป ด้วยกลีบกุหลาบเพื่อให้เมื่อมาร์คแอนโทนีได้พบเธอ เขาจะยาวจำเธอสำหรับความมั่งคั่งดังกล่าว และได้รับการเตือนของเธอทุกครั้งที่เขามัดดอกกุหลาบ ร่างของเธอทำงานให้เขา ดังกล่าวเป็นอำนาจของกุหลาบไม่เฉพาะในวรรณกรรมคริสเตียน ในลัทธิขงจื้อและพุทธ ศาสนาเอกสารโบราณ เราจอดโรสอ้างอิงชาวโรมัน cultivated นี้สวยงามมาก และชื่อว่าโรซา Gallica คู่แต่งงานใหม่ก็มักมงกุฎ ด้วยกุหลาบผู้หญิงสังคมโรมันสูงใช้กลีบมากเช่นสกุลเงินเชื่อว่า พวกเขาสามารถขับไล่ริ้วรอยถ้าใช้ใน poultices กลีบกุหลาบมักถูกทิ้งในไวน์เนื่องจากมันถูกคิดว่า สาระสำคัญของกุหลาบจะ stave ปิดฟเครื่อง และชัยชนะกองทัพเที่ยวนี้ ด้วยกลีบกุหลาบจากพลเรือนที่ระเบียงบนถนนหนาแน่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดอกกุหลาบในช่วงเวลาประวัติศาสตร์โบราณ
โรมันยิ่งกว่าชาวกรีกเมื่อ Nero จักรพรรดิประสมศตวรรษที่ 1 ทิ้งตันของกลีบกุหลาบบนอาหารเย็นผู้เข้าพักของเขา.
คลีโอพัตรามีที่อยู่อาศัยของเธอเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบเพื่อที่ว่าเมื่อมาร์คแอนโทนีได้พบเธอ เขายาวจะจำของเธอสำหรับความมั่งคั่งดังกล่าวและได้รับการเตือนของเธอทุกครั้งที่เขาได้กลิ่นดอกกุหลาบ โครงการของเธอทำงานให้กับเขา ดังกล่าวเป็นอำนาจของดอกกุหลาบ.
ไม่เพียง แต่ในวรรณคดีคริสเตียนยังอยู่ในเอกสารโบราณทางศาสนาขงจื้อและชาวพุทธเราจะพบการอ้างอิงถึงดอกกุหลาบ.
โรมได้รับการปลูกฝังความงามที่ดีและตั้งชื่อมัน Rosa Gallica คู่แต่งงานใหม่ครองราชย์มักจะมีดอกกุหลาบ.
โรมันผู้หญิงสังคมชั้นสูงที่ใช้กลีบเหมือนสกุลเงินเชื่อว่าพวกเขาสามารถขับไล่ริ้วรอยถ้าใช้ใน poultices กลีบกุหลาบที่ถูกทิ้งมักจะอยู่ในไวน์เพราะมันก็คิดว่าสาระสำคัญของดอกกุหลาบจะขจัดความมึนเมาและกองทัพชัยชนะจะกลับมาได้รับการอาบน้ำด้วยกลีบกุหลาบจากพลเรือนที่แออัดระเบียงด้านบนท้องถนน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กุหลาบในยุคโบราณประวัติศาสตร์
ชาวโรมันทำได้ดีกว่ากรีกเมื่อเนโร ฮ่องเต้เจ้าสำราญ 1 ศตวรรษ AD ทิ้งตันของกลีบกุหลาบบนแขกอาหารมื้อเย็นของเขา .
คลีโอพัตราเธออยู่อาศัยเต็มไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ ดังนั้นเมื่อ มาร์ค แอนโทนี ได้เจอเธอ เขาจะยังจำเธอได้นานเช่นความมั่งคั่งและได้รับการเตือนของ เธอทุกครั้งที่เขามีกลิ่นกุหลาบ โครงร่างของเธอ ทำงานกับเขาดังกล่าวเป็นอำนาจของดอกกุหลาบ
ไม่เพียง แต่ในวรรณกรรมคริสเตียน นอกจากนี้ในเอกสารโบราณและศาสนาขงจื้อ พุทธเราพบการอ้างอิงถึงกุหลาบ
ชาวโรมันที่ปลูกนี้สวยงามมากและตั้งชื่อว่า โรซ่า gallica . เพิ่งแต่งงานคู่รักมักจะสวมมงกุฎดอกกุหลาบ
ผู้หญิงสังคมโรมันสูงใช้กลีบเหมือนสกุลเงินเชื่อว่าพวกเขาสามารถขับออกนอกศาสนารอยยับถ้าใช้ poultices .กลีบดอกกุหลาบมักจะลดลงในไวน์ เพราะคิดว่ามันเป็นแก่นแท้ของโรสจะขจัดความมึนเมาและกองทัพได้รับชัยชนะก็จะกลับไปถูกอาบไปด้วยกลีบดอกกุหลาบจากพลเรือนที่แออัดระเบียงเหนือถนน