Human activities have a major effec

Human activities have a major effect on the global sulfur cycle. The burning of coal, natural gas, and other fossil fuels has greatly increased the amount of S in the atmosphere and ocean and depleted the sedimentary rock sink. Without human impact sulfur would stay tied up in rocks for millions of years until it was uplifted through tectonic events and then released through erosion and weathering processes. Instead it is being drilled, pumped and burned at a steadily increasing rate. Over the most polluted areas there has been a 30-fold increase in sulfate deposition

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์มีผลสำคัญในวัฏจักรกำมะถันส่วนกลาง การเผาถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และอื่น ๆ เชื้อเพลิงฟอสซิลมีมากเพิ่มขึ้นจำนวน S ในบรรยากาศและมหาสมุทร และพร่องอ่างหินตะกอน ไม่ มีผลกระทบต่อมนุษย์กำมะถันจะอยู่ ติดในหินนับล้านปีจนถูกเชิญผ่านเหตุการณ์ธรณี และปล่อยออกมาแล้ว ผ่านการกัดเซาะและสภาพอากาศกระบวนการ แต่ มันจะถูกเจาะ สูบ และเขียนในอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านพื้นที่เสียมากที่สุด ได้มีการเพิ่ม 30-fold ในสะสมซัลเฟต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กิจกรรมของมนุษย์มีผลกระทบที่สำคัญในวัฏจักรกำมะถันทั่วโลก การเผาไหม้ของถ่านหินก๊าซธรรมชาติและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากปริมาณของ S ในชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรและหมดอ่างหิน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์กำมะถันจะอยู่ที่ผูกขึ้นในหินล้านปีจนกระทั่งมันถูกยกผ่านเหตุการณ์เปลือกโลกและปล่อยออกมาแล้วผ่านการกัดเซาะและกระบวนการสภาพดินฟ้าอากาศ แต่มันจะถูกเจาะสูบและเผาในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กว่าพื้นที่ที่มีมลพิษมากที่สุดได้มีการเพิ่มขึ้น 30 เท่าในการสะสมซัลเฟต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กิจกรรมของมนุษย์ที่มีผลสำคัญในวัฏจักรซัลเฟอร์ ) การเผาไหม้ของถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆที่มีการเพิ่มปริมาณในบรรยากาศและมหาสมุทร และหมดอ่างหินตะกอนอย่างมากไม่มีกำมะถัน ผลกระทบของมนุษย์จะอยู่ติดหินล้านปี จนกระทั่งมีเหตุการณ์นั้นผ่านเปลือกโลกแล้วปล่อยผ่านกระบวนการกัดเซาะและสภาพดินฟ้าอากาศ แทนที่จะถูกเจาะ , ปั๊มและเผาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตรา มากกว่าพื้นที่ที่ปนเปื้อนมากที่สุดมี 30 พับเพิ่มการตกสะสมของซัลเฟต