3. Result and Discussion3.1 Melt Fl

3. Result and Discussion
3.1 Melt Flow Index
The melt flow index is one of the most common parameters specified when describing a polymer. It is
convenient method for expressing important flow characteristics of polymer, which clarifies the way in which the
polymer can be processed.
As observed from Table 1that the MFI value increases as the foam percentage increases up to 6% after
which MFI value decreases. As observed the maximum value of melt flow index is obtained at 6% of foam mixed
with LLDPE. High melt flow index at 6% indicates ease of melting and easy to process. But, the material with this
behavior would have shorter chains and therefore low molecular weight and lower viscosity.
As the foam % is increased further from 6% to 8% (or) 10% the MFI value decreases as shown in Fig 2.
The decrease in MFI value increases the molecular weight. This intern may affect some of the key physical and
mechanical properties of the polymer such as tensile strength, creep resistance and liquid temperature etc. The
reason is primarily due to intermolecular interactions. The two most common of these interactions are entanglement
and secondary bonding. Entanglement is simply the mutual wrapping of polymer chains around each other. Higher
molecular weight implies longer polymer chain and longer polymer chain implies more entanglement. When the
polymers are highly entangled, they resist sliding over each other. More additional energy must be put in to system
to cause the molecules to move relative to each other. The additional energy is seen as a higher softening
temperature and higher mechanical property. Secondary bonding has much the same effect as entanglement of the
polymer. The underlying purpose of determining melt index is to estimate the ease of melting of polymer. Therefore,
attention of moulder lie on selecting optimum value of MFI which leads to optimum mechanical property and
processability. When the foam percentage is increased beyond 6% (or) below 6% the processability is greatly

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3. ผล และการสนทนา3.1 ละลายไหลดัชนีละลายไหลดัชนีเป็นหนึ่งในพารามิเตอร์ทั่วไปที่ระบุเมื่ออธิบายเป็นพอลิเมอร์ จึงวิธีที่สะดวกสำหรับแสดงลักษณะขั้นตอนที่สำคัญของพอลิเมอร์ การชี้แจงในที่นี้พอลิเมอร์ที่สามารถประมวลผลเท่าที่สังเกตจากตาราง 1that ค่า MFI เพิ่มเป็นเปอร์เซ็นต์โฟมเพิ่มขึ้น 6% หลังจากค่า MFI ที่ลดลง เป็นพบ ค่าสูงสุดของดัชนีไหลละลายได้รับ 6% ผสมโฟมมีถุง ดัชนีไหลละลายสูง 6% บ่งชี้ว่า ความง่าย ของการละลายง่าย และกระบวนการ แต่ วัสดุนี้ลักษณะการทำงานจะมีโซ่สั้น และต่ำดังนั้น น้ำหนักโมเลกุลและความหนืดต่ำเป็นเพิ่ม%โฟม เพิ่มเติมจาก 6% 8% (หรือ) 10% ลดค่า MFI ดังที่แสดงในฟิก 2ลดค่า MFI เพิ่มน้ำหนักโมเลกุล ช่างเทคนิคฝึกหัดนี้อาจส่งผลกระทบต่อบางส่วนของคีย์ที่มีอยู่จริง และคุณสมบัติทางกลของพอลิเมอร์เช่นแรง ความต้านทานการคืบ และของเหลวอุณหภูมิฯลฯ ที่เหตุผลหลักเนื่องจาก intermolecular โต้ตอบได้ ทั้งสองร่วมกันมากที่สุดของการโต้ตอบเหล่านี้มี entanglementและงานรอง Entanglement เพียงตัดซึ่งกันและกันของโซ่พอลิเมอร์ทั่วกันได้ สูงน้ำหนักโมเลกุลหมายถึงห่วงโซ่ยาวพอลิเมอร์ และโซ่พอลิเมอร์ที่ยาวหมายถึง entanglement เพิ่มเติม เมื่อการโพลิเมอร์จะเกี่ยวอย่างมาก พวกเขาต่อต้านการเลื่อนผ่านกัน ต้องให้พลังงานเพิ่มมากขึ้นในระบบทำให้เกิดโมเลกุลการย้ายซึ่งกันและกัน พลังงานเพิ่มเติมถือเป็นความนุ่มนวลสูงอุณหภูมิและคุณสมบัติทางกลสูง งานรองเกิดมากเป็น entanglement ของพอลิเมอร์ วัตถุประสงค์พื้นฐานกำหนดดัชนีละลายจะประเมินความสะดวกในการหลอมละลายของพอลิเมอร์ ดังนั้นความสนใจของ moulder นอนบนเลือกค่าสูงสุดของ MFI ซึ่งนำไปสู่คุณสมบัติทางกลที่เหมาะสม และprocessability เมื่อเปอร์เซ็นต์โฟมจะเพิ่มขึ้น มากกว่า 6% (หรือ) ต่ำ กว่า 6% ที่ processability เป็นอย่างมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3. ผลการอภิปรายและ
3.1
ดัชนีละลายไหลดัชนีไหลละลายเป็นหนึ่งในพารามิเตอร์ที่พบมากที่สุดที่ระบุไว้เมื่ออธิบายพอลิเมอ มันเป็นวิธีที่สะดวกสำหรับการแสดงลักษณะการไหลที่สำคัญของพอลิเมอซึ่งอธิบายวิธีการที่ที่ลิเมอร์ที่สามารถประมวลผล. ในฐานะที่เป็นข้อสังเกตจากตาราง 1that ค่า MFI เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละเพิ่มขึ้นโฟมได้ถึง 6% หลังจากที่ลดลงค่าMFI ในฐานะที่เป็นที่สังเกตค่าสูงสุดของดัชนีการไหลจะได้รับที่ 6% ของโฟมผสมกับLLDPE ดัชนีการไหลสูงที่ 6% แสดงให้เห็นความสะดวกในการละลายและง่ายต่อการกระบวนการ แต่วัสดุที่มีนี้พฤติกรรมจะมีโซ่สั้นและดังนั้นจึงมีน้ำหนักโมเลกุลต่ำและมีความหนืดต่ำ. ในฐานะที่เป็นโฟม% จะเพิ่มขึ้นต่อไปจาก 6% เป็น 8% (หรือ) 10% ค่า MFI ลดลงดังแสดงในรูปที่ 2 ลดลง ค่า MFI เพิ่มน้ำหนักโมเลกุล ฝึกงานนี้อาจส่งผลกระทบต่อบางส่วนของร่างกายและที่สำคัญคุณสมบัติเชิงกลของพอลิเมอเช่นความต้านทานแรงดึงความต้านทานคืบและอุณหภูมิของเหลว ฯลฯ เหตุผลเป็นหลักเนื่องจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมเลกุล ทั้งสองที่พบมากที่สุดของการมีปฏิสัมพันธ์เหล่านี้เป็นสิ่งกีดขวางและพันธะรอง พัวพันเป็นเพียงการตัดร่วมกันของโซ่ลิเมอร์รอบกันและกัน ที่สูงขึ้นมีน้ำหนักโมเลกุลหมายถึงห่วงโซ่ลิเมอร์อีกต่อไปและห่วงโซ่ลิเมอร์อีกต่อไปหมายถึงสิ่งกีดขวางอื่น ๆ เมื่อโพลิเมอร์จะพันกันยุ่งสูงที่พวกเขาต่อต้านการเลื่อนมากกว่ากัน พลังงานที่เพิ่มมากขึ้นจะต้องวางในกับระบบที่จะทำให้เกิดโมเลกุลที่จะย้ายเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ พลังงานที่เพิ่มขึ้นถูกมองว่าเป็นอ่อนที่สูงขึ้นของอุณหภูมิและสมบัติเชิงกลที่สูงขึ้น พันธะรองมีมากที่ผลเช่นเดียวกับสิ่งกีดขวางของพอลิเมอ วัตถุประสงค์พื้นฐานของการกำหนดดัชนีละลายคือการประเมินความสะดวกในการละลายของพอลิเมอ ดังนั้นความสนใจของโกหกปั้นในการเลือกค่าที่เหมาะสมของ MFI ซึ่งนำไปสู่สมบัติเชิงกลที่เหมาะสมและกระบวนการผลิต เมื่อโฟมร้อยละที่เพิ่มขึ้นเกินกว่า 6% (หรือ) ต่ำกว่า 6% กระบวนการผลิตเป็นอย่างมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3 . ผลและการอภิปรายละลาย

3.1 ดัชนีการไหลดัชนีการไหลเป็นหนึ่งที่พบมากที่สุดของพารามิเตอร์ที่ระบุเมื่อการอธิบายของพอลิเมอร์ มันเป็นวิธีที่สะดวกเพื่อแสดงลักษณะการไหล
สำคัญของพอลิเมอร์ซึ่งชี้แจงวิธีที่

เป็นพอลิเมอร์ที่สามารถประมวลผลได้ สังเกตได้จากตารางที่ 1that MFI เพิ่มค่าขึ้นเป็นโฟมเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นถึง 6 % หลังจาก
ซึ่งค่าความร้อนลดลง เท่าที่สังเกตค่าสูงสุดของดัชนีการไหลที่ได้รับ 6 % ผสมโฟม
กับ LLDPE ดัชนีการไหลสูงที่ร้อยละ 6 แสดงง่าย ละลายได้ง่ายและกระบวนการ แต่วัสดุกับพฤติกรรมนี้
จะมีโซ่สั้นและเพราะฉะนั้นน้ำหนักโมเลกุลต่ำและความหนืดต่ำ
เป็นโฟมโดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6 ถึง 8 % ( หรือ ) 10 % ค่า MFI ที่ลดลง ดังแสดงในรูปที่ 2
ลดลงในค่า MFI เพิ่มน้ำหนักโมเลกุล ฝึกหัดนี้อาจส่งผลกระทบต่อบางส่วนของคีย์ทางกายภาพและสมบัติเชิงกลของพอลิเมอร์
เช่นแรงดึงต้านทานคืบและของเหลวอุณหภูมิฯลฯ
เหตุผลเป็นหลักเนื่องจากการปฏิสัมพันธ์์ .สองที่พบมากที่สุดของการปฏิสัมพันธ์เหล่านี้จะพัวพัน
และมัธยมศึกษา เชื่อม พวกนี้ เป็นเพียงการร่วมกันของพอลิเมอร์โซ่รอบแต่ละอื่น ๆ น้ำหนักโมเลกุลสูง
หมายถึงอีกต่อไปและอีกต่อไปสายโซ่พอลิเมอร์สายโซ่พอลิเมอร์ หมายถึงที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อ
พอลิเมอร์จะขอเกี่ยว พวกเขาต่อต้านเลื่อนไปแต่ละอื่น ๆ เพิ่มเติมมากขึ้นพลังงานที่ต้องใส่ในระบบ
เพื่อทำให้โมเลกุลเคลื่อนที่สัมพันธ์กับแต่ละอื่น ๆ พลังงานเพิ่มเติมจะเห็นเป็นสูงกว่าอุณหภูมิสูงคุณสมบัติเชิงกลและอาศัย
. รองเชื่อมได้เหมือนกันผลเป็นสิ่งกีดขวางของ
พอลิเมอร์ ภายใต้วัตถุประสงค์ของการกำหนดดัชนีละลายเป็นค่าความสะดวกในการหลอมละลายของพอลิเมอร์ ดังนั้น
ความสนใจของราโกหกในการเลือกค่าที่เหมาะสมของ MFI ซึ่งนำไปสู่คุณสมบัติเชิงกลและความสามารถในการขึ้นรูปที่เหมาะสม
. เมื่อโฟมมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 6 หรือร้อยละ 6 ) ด้านล่างความสามารถในการขึ้นรูป เป็นอย่างมาก