1. ผู้พิพากษาจะต้องมีความเข้มแข็งแต่ไม่หยาบกระด้าง เพื่อมิให้ผู้อธรรมคิดคดโกง และต้องเป็นผู้ที่มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เพื่อมิให้เจ้าของสิทธิรู้สึกหวาดกลัว
2. ผู้พิพากษาจะต้องเป็นผู้ที่มีความสุขุมรอบคอบ เพื่อว่าจะไม่มีอารมณ์โกรธจากคำพูดที่เกิดจากการโต้เถียง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รีบร้อนและไม่มีความชัดเจนพอในการที่จะตัดสิน จะต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้น อันจะไม่กระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมเนื่องจากความรีบร้อน จะต้องเป็นผู้ที่มีความชาญฉลาดเพื่อว่าจะได้ไม่ถูกหลอกลวงจากคู่กรณี จะต้องเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ เป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ใจต่อหน้าที่การงานและคาดหวังจะได้รับผลบุญจากอัลลอฮฺ ต้องไม่กลัวคำตำหนิของผู้ใด และต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในเรื่องการพิพากษาก่อนที่จะตัดสินเพื่อให้เกิดความง่ายดายในการตัดสิน
3. ผู้พิพากษาจะต้องเข้าร่วมฟังและปรึกษาหารือกับบรรดาผู้รู้นักวิชาการในเรื่องที่ยังเป็นที่สงสัยคุมเครือต่อเขา
4. ผู้พิพากษาจะต้องให้ความเท่าเทียมกัน ระหว่างคู่กรณีทั้งสองในการให้เข้ามาพบเขา การนั่งอยู่ต่อหน้าเขา การหันหน้าไปหา การรับฟัง และในการตัดสินต่อคู่กรณีทั้งสองตามที่อัลลอฮฺได้ประทานลงมา
5. เป็นที่ต้องห้ามแก่ผู้พิพากษาที่จะตัดสินคดีในขณะที่เขามีความโกรธแค้น ป่วยไข้ หิวจัด กระหาย วิตกกังวล อ่อนล้า ขี้เกียจ หรือง่วงนอน แต่หากว่าเขาได้ตัดสินคดีไปแล้ว (ขณะที่มีลักษณะที่ต้องห้าม) และเป็นการตัดสินที่ถูกต้องก็ให้ดำเนินไปตามนั้น
6. ผู้พิพากษาจะต้องแต่งตั้งผู้บันทึกที่เป็นมุสลิม บรรลุศาสนภาวะ มีความยุติธรรม เพื่อที่จะคอยบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ การตัดสินและรวมถึงทุกเรื่องราว