It was once more Van’er’s group who

It was once more Van’er’s group who was the fastest to complete the reloading process, starting the second round of shelling.

The new weapon exposed just how fragile and soft the human body really was, once hit by a passing iron ball, could cause injuries which were unable to get ever be healed. But when the rider was directly hit by it, in addition to him losing several limbs, it would also splash blood everywhere. Only when they were hit by the second round of artillery shells, were they finally able to make out a vaguely black shape, while it was taking the lives of their companions.

After the second round of shooting, the Duke was finally able to connect the fire and roaring sound in the enemy’s camp with the indescribable strike against his unit. It seemed the other side had gotten its hands on an incredible weapon, with a range much farther than a crossbow, almost like one of the strongholds’ trebuchets. Realizing this, the Duke immediately gave the order to sound the horns – thinking that as long as they were able to come into close range, these long-distance weapons would also become useless.

The knights, however, when hearing the horns, showed several kinds of reactions. Some of them really rushed into the direction of Border Town, but others were still fighting with their own horses, while a small part of the knights was retreating toward the rear of the battlefield. Together with the mercenaries swarming around, the whole scene quickly turned into chaos.

When the attacking knights returned to the road, the artillery group suddenly became frantic, in addition, to clean up the barrel and reloading its ammunition, they also had to adjust their cannon. At this time, Lighting flew once more in the direction of the defense line, holding a red ribbon in her hands.

The red signal meant that the enemy was approaching the five hundred meters line, at this distance, the artillery hit rate would reach more than eighty percent.

Van’er shouted: “The shooting angle is correct! Quick, light the fuse, light the fuse!”

When the deafening roar could be heard once more, he didn’t even look to see if they had hit anything, instead, he immediately turned toward the ammunition distribution staff and shouted: “canister, send in the canister shelling!”

During the artillery training, His Royal Highness has repeatedly stressed the point, that when the red signal was hissed, even if the barrel was already loaded with solid shells, they should immediately shot and then reload with canister shells. In case that the barrel wasn’t loaded, they should immediately fill it with canister shells, and then wait until the point where the enemy reached the three hundred mark.

The canister shells looked like a tin filled with thumb-sized balls and sawdust. To produce the canister shells, they first bore a hole into the tin, then they filled it with balls and sawdust, and then they stopped it with a thin piece of wood.

When Lighting finally showed the purple ribbon, the four artillery groups fired almost simultaneously.

This was also Van’er’s first time using the canister shells – according to His Royal Highness, the wounds induced by canister shells were very difficult to heal, so they only practiced the loading procedure. So today it was also his first time seeing the amazing killing potential of these special shells.

Because of the huge pressure difference, the tin fractured into many pieces after it left the muzzle. The small iron balls inside of the tin fell like raindrops on the enemy, placing the knights three hundred meters away into the middle of a deadly metal storm, and turning the people and the horses into a bloody mist resembling the falling wheat as it was cut down. Some iron pellets after penetrating the knight’s bodies still had so much kinetic energy left that even the knights standing behind them weren’t able to escape either.

The knights lucky enough to survive the storm finally entered into sprinting distance, while only having one thought in their mind – that was to break through this thin line of defense, and massacre those cowards who were only able to hide behind those cruel weapons. Only a short amount of time was needed to cover the last hundred and fifty meters, the knights were already lowering their bodies, pushing the horses to reach their highest speed.

However, this seemingly short distance of one hundred and fifty meters, turned into an uncrossable distance, the last round of firing of canister shells completely destroyed the last bit of their fighting will. In the range of one hundred meters, the solid iron balls were able to penetrate through as many as two to three people, turning the area in front of the cannon fire into a field of death. From the twenty knights riding at the forefront, almost none had been able to survive, the only difference between them lied in the amount of iron balls by which they had been hit.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันเป็นอีกครั้งของ Van'er กลุ่มที่เร็วที่สุดเพื่อทำกระบวนการ reloading เริ่มรอบสองของการปอกเปลือกอาวุธใหม่เปิดเผยเพียงว่าเปราะบาง และอ่อนนุ่มของมนุษย์ร่างกายจริง ๆ ครั้งตี โดยเหล็กผ่านบอล อาจบาดเจ็บสาเหตุซึ่งไม่สามารถเคยรักษาให้หายได้ แต่เมื่อผู้ขับขี่โดยตรงถูกตี โดย นอกจากที่เขาสูญเสียแขนขาหลาย มันจะสาดเลือดทุกที่ เมื่อพวกเขาถูกตี โดยรอบสองของกระสุนปืนใหญ่ ได้พวกเขาก็สามารถที่จะทำให้ออกมารูปร่างสีดำคลับ ในขณะที่มันเกิดขึ้นชีวิตของสหายของพวกเขาหลังจากรอบสองของการถ่ายภาพ Duke ได้ก็สามารถที่จะเชื่อมต่อไฟและเสียงคำรามในค่ายของข้าศึกด้วยประท้วงหน่วยของเขาพรรณนา ดูเหมือนด้านอื่น ๆ มีอากาศมืออาวุธเหลือเชื่อ สิ่งมาก farther than หน้าไม้ เกือบเหมือน trebuchets ของฐานที่มั่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ตระหนักถึงนี้ Duke ทันทีให้เสียงแตร – คิดว่า ตราบใดที่พวกเขาได้เข้ามาในระยะใกล้ ไกลอาวุธเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์อัศวิน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเสือ แสดงให้เห็นหลายชนิดของปฏิกิริยา บางส่วนของพวกเขาจริง ๆ วิ่งเข้าไปในทิศทางของเมืองชายแดน แต่คนอื่น ๆ ยังคงกำลังต่อสู้กับม้าของตนเอง ในขณะที่ส่วนเล็ก ๆ ของอัศวินถูกถอยทัพไปทางด้านหลังของสนามรบ ร่วมกับทหารรับจ้างที่จับกลุ่มทั่ว ภาพทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นความโกลาหลเมื่ออัศวินโจมตีกลับไปถนน ปืนใหญ่ก็กลายเป็นคลั่ง นอกจากนี้ การล้างกระบอกและกระสุนโหลด พวกเขายังต้องปรับปืนใหญ่ของพวกเขา ตอนนี้ ไฟบินอีกครั้งในทิศทางของบรรทัดป้องกัน ถือริบบิ้นสีแดงในมือของเธอสัญญาณสีแดงหมายความ ว่า ศัตรูใกล้บรรทัดห้าร้อยเมตร ที่นี้ อัตราการตีปืนจะถึงมากกว่าร้อยละ 80Van'er ตะโกน: "มุมการถ่ายภาพถูกต้อง รวดเร็ว แสงฟิวส์ ฟิวส์ไฟ"เมื่ออาจจะได้ยินเสียงคำรามอึกทึก อีกครั้งเขาไม่ได้ดูเพื่อดูถ้าพวกเขาได้ตี แทน เขาทันทีหันไปทางเจ้ากระสุนกระจาย และตะโกน: "กระป๋อง ส่งกระป๋องกะลา"ระหว่างอบรมปืนใหญ่ พระองค์ซ้ำ ๆ เน้นจุด เมื่อสัญญาณสีแดงคือ hissed แม้ว่ากระบอกแล้วถูกโหลด ด้วยเปลือกไม้ พวกเขาควรถ่ายทันที และโหลดกับกระป๋องหอย ในกรณีที่ว่า ไม่ได้โหลดบาร์เรล พวกเขาควรเติมทันที ด้วยกระสุนกระป๋อง แล้ว รอจนถึงจุดที่ศัตรูเข้าถึงหมายสามร้อยเปลือกหอยกระป๋องเหมือนดีบุกที่เต็มไป ด้วยลูกบอลขนาดนิ้วหัวแม่มือและขี้เลื่อย ในการผลิตหอยกระป๋อง พวกเขาแรกชอนรูทิน แล้วพวกเขาเต็มไป ด้วยลูกบอลและขี้เลื่อย แล้ว พวกเขาหยุดด้วยบางชิ้นส่วนของไม้เมื่อแสงสุดท้ายแสดง ribbon สีม่วง สี่กลุ่มปืนใหญ่ยิงเกือบพร้อมกันนี้ยังเป็นครั้งแรกของ Van'er ที่ใช้กระสุนกระป๋อง – ตามสมเด็จพระพระ บาดแผลที่เกิดจากกระสุนกระป๋องมีความยากในการรักษา เพื่อให้พวกเขาฝึกฝนขั้นตอนการโหลดเฉพาะ ดังนั้นวันนี้ก็ของเขาครั้งแรกที่เห็นศักยภาพฆ่าตื่นตาตื่นใจของกระสุนพิเศษเหล่านี้เพราะความกดดันแตกต่าง ดีบุกการร้าวไปหลายชิ้นหลังมันปากกระบอกปืน ลูกเหล็กขนาดเล็กภายในของดีบุกลดลงเช่นหยาดฝนศัตรู วางอัศวินสามร้อยเมตรของพายุร้ายแรงโลหะ และเปลี่ยนคนและม้าเป็นหมอกเลือดคล้ายข้าวสาลีลดลง ตามที่มันถูกตัดลง เหล็กบาง pellets หลังจากเจาะร่างของอัศวินยังคงมีพลังงานจลน์มากซ้ายว่า แม้อัศวินที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาไม่สามารถหนีอย่างใดอย่างหนึ่งอัศวินที่โชคดีพอที่จะอยู่รอดพายุสุดท้ายป้อนเป็นระยะวิ่ง ในขณะที่มีความคิดหนึ่งในใจของพวกเขา – ที่ตัดผ่านเส้นนี้บาง ๆ ของการป้องกัน และสังหารหมู่ผู้ขี้ขลาดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาวุธที่โหดร้ายเหล่านั้นเข้าไป เท่านั้น เพียงในระยะเวลาสั้น ๆ ต้องครอบคลุมร้อยครั้งสุดท้าย และห้าสิบเมตร อัศวินถูกแล้วลดร่างกาย ผลักดันม้าไปถึงความเร็วสูงสุดอย่างไรก็ตาม นี้ดูเหมือนไม่ไกลหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร กลายเป็นระยะ uncrossable สุดท้ายรอบยิงของกระสุนกระป๋องสมบูรณ์ทำลายบิตสุดท้ายของพวกเขาจะต่อสู้ เหล็กแข็งลูกก็ไม่สามารถที่จะทะลุเป็นสองถึงสามคน หันหน้ายิงปืนใหญ่ลงในเขตข้อมูลของการเสียชีวิตในช่วงหนึ่งร้อยเมตร จากยี่สิบอัศวินขี่แนวหน้า เกือบไม่เคยอยู่รอด ความแตกต่างระหว่างพวกเขาโกหกจำนวนลูกเหล็กที่พวกเขาได้รับผลกระทบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันเป็นอีกครั้งหนึ่งที่กลุ่ม Van'er ของใครจะเป็นคนที่เร็วที่สุดให้เสร็จสิ้นกระบวนการโหลดที่เริ่มต้นรอบที่สองของปลอกกระสุน

อาวุธใหม่สัมผัสเพียงวิธีการที่เปราะบางและนุ่มในร่างกายมนุษย์จริงๆคือตีครั้งเดียวโดยลูกเหล็กผ่านอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บซึ่งไม่สามารถที่จะได้รับการเยียวยาเคยได้รับ แต่เมื่อผู้ขับขี่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่มันนอกเหนือไปจากเขาสูญเสียแขนขาหลายก็ยังจะสาดเลือดทุกที่ เฉพาะเมื่อพวกเขาได้รับผลกระทบโดยรอบที่สองของกระสุนปืนถูกที่สุดพวกเขาก็สามารถที่จะทำให้ออกมาเป็นสีดำรูปร่างรางในขณะที่มันคือการใช้ชีวิตของสหายของพวกเขา

หลังจากรอบที่สองของการถ่ายภาพที่ดยุคในที่สุดก็สามารถที่จะเชื่อมต่อไฟและเสียงคำรามในค่ายของศัตรูที่มีการนัดหยุดงานสุดจะพรรณนากับหน่วยของเขา ดูเหมือนว่ามันจะด้านอื่น ๆ มีอากาศบนมือของมันเป็นอาวุธที่น่าทึ่งที่มีช่วงมากไกลกว่าหน้าไม้เกือบจะเหมือนหนึ่งเหวี่ยงที่มั่น ' ตระหนักถึงนี้ดยุคทันทีออกคำสั่งให้เสียงแตร - คิดว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถที่จะเข้ามาในช่วงปิดอาวุธเหล่านี้ในระยะยาวก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์

อัศวิน แต่เมื่อได้ยินเสียงแตรแสดงให้เห็นหลายชนิดของปฏิกิริยา บางส่วนของพวกเขาจริงๆวิ่งเข้าไปในทิศทางของชายแดนเมือง แต่คนอื่น ๆ ยังคงต่อสู้กับม้าของตัวเองในขณะที่ส่วนเล็ก ๆ ของอัศวินก็ถอยไปทางด้านหลังของสนามรบ ร่วมกับทหารรับจ้างปีนป่ายไปรอบ ๆ ฉากทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นความสับสนวุ่นวาย

เมื่ออัศวินโจมตีกลับไปยังถนนที่กลุ่มปืนใหญ่ก็กลายเป็นคลั่งในนอกจากนี้ในการทำความสะอาดถังและโหลดกระสุนของพวกเขายังมีการปรับปืนใหญ่ของพวกเขา ในเวลานี้, โคมไฟบินอีกครั้งในทิศทางของแนวป้องกันที่ถือริบบิ้นสีแดงในมือของเธอ

สัญญาณสีแดงหมายความว่าศัตรูถูกใกล้เส้นห้าร้อยเมตรที่ระยะนี้ปืนใหญ่อัตราตีจะถึงกว่าร้อยละแปดสิบ

Van'er ตะโกน: "มุมถ่ายภาพเป็นที่ถูกต้อง! ด่วนสว่างฟิวส์ไฟฟิวส์ "

เมื่อแผดเสียงอึกทึกอาจจะได้ยินอีกครั้งเขาไม่ได้ดูเพื่อดูว่าพวกเขาได้ตีอะไรแทนเขาทันทีหันไปทางพนักงานกระจายกระสุนและตะโกน" กระป๋อง ส่งในเปลือกกระป๋อง! "

ในระหว่างการฝึกยิงปืนใหญ่, พระราชอำนาจของเขาได้เน้นซ้ำจุดที่ว่าเมื่อสัญญาณสีแดงขู่ฟ่อแม้ว่าบาร์เรลถูกโหลดแล้วกับเปลือกหอยที่เป็นของแข็งพวกเขาควรจะยิงทันทีและแล้วโหลดกับกระป๋อง เปลือกหอย ในกรณีที่ถังไม่ได้โหลดพวกเขาทันทีควรกรอกด้วยเปลือกหอยกระป๋องแล้วรอจนกว่าจะถึงจุดที่ศัตรูถึงสามร้อยเครื่องหมาย

เปลือกหอยกระป๋องดูเหมือนดีบุกที่เต็มไปด้วยลูกขนาดเท่าหัวแม่มือและขี้เลื่อย การผลิตหอยกระป๋องที่พวกเขาครั้งแรกที่เจาะหลุมลงในพิมพ์แล้วพวกเขาก็เต็มไปด้วยลูกและขี้เลื่อยและจากนั้นพวกเขาหยุดมันด้วยชิ้นบาง ๆ ของไม้

เมื่อแสงสว่างในที่สุดก็แสดงให้เห็นริบบิ้นสีม่วง, สี่กลุ่มปืนใหญ่ยิงเกือบจะพร้อมกัน

นี่ก็เป็น Van'er ครั้งแรกโดยใช้เปลือกหอยกระป๋อง - ตามที่สมเด็จพระบรมบาดแผลที่เกิดจากเปลือกหอยกระป๋องเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาเพื่อให้พวกเขาได้รับการฝึกฝนเพียงขั้นตอนการโหลด ดังนั้นวันนี้มันก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นศักยภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของการฆ่าหอยพิเศษเหล่านี้

เนื่องจากความแตกต่างความดันขนาดใหญ่ดีบุกแตกออกเป็นหลายชิ้นหลังจากที่มันได้ใส่ปากกระบอกปืน ลูกเหล็กขนาดเล็กภายในดีบุกลดลงเช่นเม็ดฝนกับศัตรูวางอัศวินออกไปสามร้อยเมตรลงไปตรงกลางของพายุโลหะร้ายแรงและเปลี่ยนคนและม้าเข้าไปในหมอกเลือดคล้ายข้าวสาลีลดลงในขณะที่มันถูกตัด ลง. บางเม็ดเหล็กหลังจากเจาะร่างกายอัศวินยังคงมีพลังงานจลน์มากที่เหลือว่าแม้อัศวินยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาไม่สามารถที่จะหลบหนีออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง

อัศวินโชคดีพอที่จะอยู่รอดพายุในที่สุดก็เข้ามาเป็นระยะทางวิ่งในขณะที่มีเพียงหนึ่งความคิดในใจของพวกเขา - ที่จะตัดผ่านเส้นบาง ๆ นี้ของการป้องกันและการสังหารหมู่ขี้ขลาดผู้ที่มีเพียงสามารถที่จะซ่อนอยู่หลังอาวุธโหดร้ายเหล่านั้น เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ครอบคลุมช่วงร้อยห้าสิบเมตรอัศวินได้แล้วลดร่างกายของพวกเขาผลักดันม้าไปถึงความเร็วสูงสุดของพวกเขา

อย่างไรก็ตามระยะสั้นดูเหมือนของหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรนี้กลายเป็นระยะทาง uncrossable, รอบสุดท้ายของการยิงของเปลือกหอยกระป๋องพังยับเยินบิตสุดท้ายของการต่อสู้ของพวกเขาจะ ในช่วงหนึ่งร้อยเมตรลูกเหล็กที่มั่นคงก็สามารถที่จะเจาะผ่านเป็นจำนวนมากถึง 2-3 คนเปลี่ยนพื้นที่ในด้านหน้าของปืนใหญ่ยิงเข้ามาในเขตของการเสียชีวิต จากยี่สิบอัศวินขี่อยู่ในระดับแนวหน้าแทบไม่มีก็สามารถที่จะอยู่รอดที่แตกต่างระหว่างพวกเขาโกหกในจำนวนของลูกเหล็กโดยที่พวกเขาได้รับการตี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันเป็นอีกครั้ง van'er กลุ่มที่เร็วที่สุดเพื่อให้โหลดกระบวนการ เริ่มรอบที่สองของปลอกกระสุน .อาวุธใหม่เปิดเผยว่า เปราะบาง และอ่อนในร่างกายมนุษย์จริงๆ เมื่อตีโดยผ่านลูกบอลเหล็ก อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรับที่เคยได้รับการรักษา แต่เมื่อผู้ขับขี่โดยตรงโดนมัน นอกเหนือไปจากเขาเสียหลายขา ก็สาดเลือดเต็มไปหมด เมื่อเขาถูกตีโดยรอบสอง หอยใหญ่ พวกเขาก็สามารถที่จะทำออกมารูปร่างผาดดำ ในขณะที่มันกำลังชีวิตของเพื่อนของพวกเขาหลังจากรอบที่สองของการยิง ดยุคก็สามารถเชื่อมต่อกับไฟและเสียงคำรามในค่ายของศัตรูด้วยสุดจะพรรณนาได้ปะทะกับหน่วยของเขา ดูเหมือนอีกฝ่ายโดนมือของอาวุธที่น่าเหลือเชื่อกับช่วงมากไกลออกไปกว่าหน้าไม้ เหมือนหนึ่งในป้อม ' trebuchets . ตระหนักถึงนี้ , ดยุคทันทีให้คำสั่งเสียงแตรและคิดว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้ามาประชิด อาวุธระยะไกลเหล่านี้ก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์อัศวิน แต่เมื่อได้ยินเสียงแตร มีหลายชนิดของปฏิกิริยา บางส่วนของพวกเขาจริง ๆ ไปในทิศทางของเมืองชายแดน แต่คนอื่นยังต่อสู้กับม้าของตัวเอง ในขณะที่ส่วนเล็ก ๆของอัศวินก็ล่าถอยไปด้านหลังของสนามรบ ร่วมกับทหารกลุ้มรุมรอบตัว เหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นความโกลาหลเมื่อโจมตีอัศวินกลับมาถึงถนน กลุ่มใหญ่ก็เริ่มปั่นป่วน นอกจากนี้ การทำความสะอาดถังและโหลดของกระสุนปืน นอกจากนี้ยังได้มีการปรับใหญ่ของพวกเขา ในเวลานี้ , ไฟบินอีกครั้งในทิศทางของแนวป้องกัน ถือริบบิ้นสีแดงในมือของเธอสีแดงหมายถึงศัตรูที่เป็นสัญญาณถึงห้าร้อยเมตร สายที่ระยะห่างนี้ ปืนใหญ่ตีคะแนนจะถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์van'er ตะโกน : " ยิงมุมที่ถูกต้อง รวดเร็ว , จุดชนวน , ไฟฟิวส์ ! "เมื่อเสียงคำรามดังสนั่นได้ยินอีกครั้ง เขาไม่ได้ดูว่าพวกเขาได้ตีอะไร แต่ทันทีที่เขาหันไปทางกระสุนกระจายพนักงานและตะโกนว่า " กระป๋อง , ส่งกระป๋องเปลือก ! "ระหว่างปืนใหญ่การฝึกอบรม , เสด็จได้ซ้ำเน้นประเด็นว่า เมื่อสัญญาณสีแดง hissed แม้ว่าถังก็เต็มไปด้วยเปลือกแข็ง พวกเขาทันทีควรยิงแล้วโหลดกับหอยกระป๋อง ในกรณีที่ถังไม่ได้โหลด พวกเขาทันทีควรเติมหอยกระป๋อง แล้วรอจนถึงจุดที่ศัตรูถึงสามร้อยมาร์คหอยกระป๋องเหมือนกระป๋องเติมง่ายๆ ขนาดลูกและขี้เลื่อย ผลิตกระป๋องเปลือกพวกเขาก่อนเจาะหลุมลงไปในกระป๋อง แล้วพวกเขาเต็มไป ด้วยลูกบอลและขี้เลื่อย และจากนั้น พวกเขาหยุดมันด้วยชิ้นบางของไม้เมื่อแสงสุดท้ายมีริบบิ้นสีม่วง สี่กลุ่มปืนใหญ่ยิงเกือบพร้อมกันนี้ยัง van'er ครั้งแรกใช้หอยกระป๋อง ( ตามเสด็จ บาดแผลที่เกิดจากหอยกระป๋องมีมากยากที่จะรักษา ดังนั้นพวกเขาฝึกซ้อมโหลดกระบวนการ แล้ววันนี้ก็เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นศักยภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจฆ่าหอยพิเศษเหล่านี้เพราะความแตกต่างความดันขนาดใหญ่ ดีบุกหักเป็นหลายชิ้น หลังจากออกจากปากกระบอกปืน ลูกเหล็กขนาดเล็กภายในกระป๋องเหมือนหยดน้ำฝนที่ศัตรูวางอัศวินสามร้อยเมตร อยู่ในกลางของพายุโลหะร้ายแรงและเปลี่ยนคนและม้าในหมอกเลือดคล้ายข้าวสาลีลดลงมันถูกตัดลง บางเม็ดเหล็ก หลังจากทะลุร่างของอัศวินยังคงมีพลังงานจลน์มากเหลือแม้แต่อัศวินที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาไม่สามารถหนีออกมาได้เช่นกันอัศวินโชคดีพอที่จะอยู่รอดพายุก็เข้ามาวิ่งระยะทาง ในขณะที่มีเพียงหนึ่งความคิดในจิตใจของตน และนั่นคือที่จะทำลายเส้นบางๆนี้ป้องกัน และสังหารพวกขี้ขลาดตาขาว ที่สามารถซ่อนอยู่ข้างหลังที่โหดร้าย อาวุธ เพียงเวลาสั้น คือ ต้องการให้ครอบคลุมร้อยห้าสิบเมตร อัศวินก็ลดร่างกาย ผลักม้าเข้าถึงความเร็วสูงของพวกเขาแต่ระยะทางนี้ดูเหมือนสั้นของหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร กลายเป็นระยะทาง uncrossable , รอบสุดท้ายของการยิงของหอยกระป๋องทำลายบิตสุดท้ายของการต่อสู้ของพวกเขาจะ ในช่วงหนึ่งร้อยเมตร ลูกเหล็กแข็งสามารถเจาะผ่านผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่สองถึงสาม เปิดพื้นที่ในด้านหน้าของปืนใหญ่เป็นสนามแห่งความตาย จากยี่สิบอัศวินขี่ม้าในระดับแนวหน้า เกือบจะไม่มีใครได้รับสามารถที่จะอยู่รอด , ความแตกต่างระหว่างพวกเขาโกหก ในจํานวนลูกเหล็กที่พวกเขาได้ตี