Secondary caries has been often rel

Secondary caries has been often related to the restorative material used. In clinical studies,
failure for secondary caries has been less frequently found for amalgam than composite
restorations. Some factors could contribute to this finding, such as the surface
deterioration of resin composites leading to an increase in surface roughness11 and decrease
in surface hardness, the elution of unpolymerized monomers from composites and dentinbonding
agents stimulating the growth of cariogenic microorganisms, and the
polymerization shrinkage, leading to microgap formation and microleakage.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคฟันผุรองได้รับมักจะเกี่ยวข้องกับวัสดุที่ใช้ในการบูรณะ ในการศึกษาทางคลินิกความล้มเหลวโรคฟันผุรองได้รับพบบ่อยสำหรับการรวมกันกว่าคอมโพสิตบูรณะ ปัจจัยบางประการที่อาจนำไปสู่การค้นพบนี้เช่นพื้นผิวที่เสื่อมสภาพของคอมโพสิตเรซินที่นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของพื้นผิว roughness11 และการลดลงในความแข็งผิว, ชะของโมโนเมอร์ unpolymerized จากคอมโพสิตและ dentinbonding ตัวแทนกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ cariogenic และการหดตัวของพอลิเมอที่นำไปสู่การก่อตัว microgap และการรั่วซึม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มัธยมศึกษาฟันผุได้รับมักจะเกี่ยวข้องกับบูรณะที่วัสดุที่ใช้ ในการศึกษาทางคลินิก ,
ความล้มเหลว สำหรับระดับการได้รับน้อยกว่าพบรวมกันกว่าคอมโพสิต
บูรณะ . ปัจจัยบางประการที่อาจนำไปสู่การค้นพบนี้ เช่น เรซิน คอมโพสิต การเสื่อมสภาพของผิว
าเพิ่มขึ้นในผิว และลด roughness11
ความแข็งผิวการใช้ unpolymerized โมโนเมอร์จากคอมโพสิตและ dentinbonding
ตัวแทนกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ cariogenic และ
เกิดการหดตัว นำไปสู่การสร้างและการส่ง microgap .