Facebook’s privacy policy puts forw

Facebook’s privacy policy puts forward a detailed overview of how Facebook uses and shares information with third parties. The policy also presents advice on the steps users should take to ensure their personal information meets their desired privacy. The policy emphasises that the onus is on the user to take the necessary steps to protect themselves and highlights the risks involved if steps are not taken. However research shows the majority of Facebook users do not read the privacy policy. Govani and Pashley (2005) found 80 per cent of Facebook users surveyed had not read the privacy policy and Jones and Soltren (2005) found 89 per cent of Facebook users failed to review the policy. Bilton (2010) points out that Facebook’s privacy policy is a lengthy, tedious and complex 5,830 words and arguably a main reason why so many users have not read the privacy policy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook ไปใส่รายละเอียดภาพรวมว่า Facebook ใช้ และใช้ข้อมูลร่วมกับบุคคลที่สาม นโยบายยังแสดงคำแนะนำในขั้นตอนที่ผู้ใช้ควรจะให้ความเป็นส่วนตัวของคุณต้องตรงกับข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายเน้นที่ไขข้อในผู้ใช้ทำตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องตัวเอง และเน้นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องถ้าไม่ดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยแสดงส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว Govani และ Pashley (2005) พบ 80 ร้อยละของผู้ใช้ Facebook ที่สำรวจได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว และโจนส์ และ Soltren (2005) พบร้อยละ 89 ของผู้ใช้ Facebook ไม่สามารถทบทวนนโยบาย บิลตัน (2010) ชี้ให้เห็นว่านโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook ยาว เรื่องน่าเบื่อ และซับซ้อนคำ 5,830 และว่าเหตุผลหลักที่ทำไมผู้ใช้จำนวนมากได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวไม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook ไปข้างหน้าทำให้ภาพรวมรายละเอียดของวิธีการใช้ Facebook และหุ้นข้อมูลกับบุคคลที่สาม นโยบายนี้ยังนำเสนอคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนที่ผู้ใช้ควรจะใช้เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาได้พบกับความเป็นส่วนตัวของพวกเขาที่ต้องการ นโยบายเน้นว่าความรับผิดชอบอยู่ที่ผู้ใช้จะใช้ขั้นตอนที่จำเป็นในการป้องกันตัวเองและไฮไลท์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องหากขั้นตอนไม่ได้ถ่าย อย่างไรก็ตามการวิจัยแสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook ไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว Govani และ Pashley (2005) พบว่าร้อยละ 80 ของผู้ใช้ Facebook สำรวจไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวและโจนส์และ Soltren (2005) พบว่าร้อยละ 89 ของผู้ใช้ Facebook ล้มเหลวในการทบทวนนโยบาย Bilton (2010) ชี้ให้เห็นว่านโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook เป็นความยาวที่น่าเบื่อและซับซ้อน 5,830 คำและเนื้อหาที่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมผู้ใช้จำนวนมากที่ยังไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook ใส่ไปข้างหน้าภาพรวมรายละเอียดของวิธีการที่ใช้ Facebook และแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลภายนอก นโยบายยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนที่ผู้ใช้ควรใช้เวลาเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาพบข้อมูลที่ต้องการได้นโยบายเน้นที่ความรับผิดชอบต่อผู้ใช้ที่จะใช้ขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องตัวเองและไฮไลท์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องหากขั้นตอนไม่ได้ถ่าย อย่างไรก็ตาม การวิจัยแสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook ที่ไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวและ govani pashley ( 2005 ) พบว่าร้อยละ 80 ของผู้ใช้ Facebook ว่าได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว และ โจนส์ และ soltren ( 2005 ) พบว่า 89 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ Facebook ล้มเหลวที่จะทบทวนนโยบาย บิลตัน ( 2010 ) ชี้ว่า นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook เป็นยาวที่น่าเบื่อและซับซ้อน 5830 คำและเนื้อหาหลักเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้จำนวนมากไม่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว