โค้ชอ๊อตเกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 ที่จังหวัดนครราชสีมา จบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาพลศึกษา เริ่มเล่นวอลเลย์บอลครั้งแรก เมื่ออายุ 14 ปี โดยมีคุณพ่อ คือ ไสว รัชตเกรียงไกร อดีตนักวอลเลย์บอลของนครราชสีมา เป็นคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และด้วยความที่มีคุณพ่อเป็นนักวอลเลย์บอล จึงทำให้โค้ชอ๊อต เดินตามรอยได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่ออายุ 17 ปี
จนกระทั่งโค้ชอ๊อต อายุ 19 ปี ก็ได้เป็นหนึ่งใน 12 ขุนพลลุยศึกซีเกมส์ 1985 (พ.ศ. 2528) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยก่อนหน้าการแข่งขัน โค้ชอ๊อตถูกฝึกอย่างหนัก นอกจากซ้อมตามโปรแกรมแล้ว ยังถูกซ้อมแบบเฉพาะตัวอีกด้วย ซึ่งจุดประสงค์ที่โค้ชอ๊อดถูกซ้อมหนักเช่นนี้ เป็นเพราะต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้สามารถรับมือกับศึกใหญ่ได้ และการฝึกซ้อมอย่างหนักครั้งนี้ ก็ถือว่าได้ผล เพราะทีมวอลเลย์บอลชายไทยสามารถคว้าเหรียญทองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี และเป็นครั้งแรกที่เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้รับรางวัลสูงสุดในฐานะผู้เล่นทีมชาติ
หลังจากผ่านซีเกมส์ครั้งนี้มาได้ โค้ชอ๊อตก็ติดทีมวอลเลย์บอลชายมาโดยตลอด สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้อีก 1 สมัยในปี 1995 (พ.ศ. 2538), เหรียญเงิน 3 สมัย ในปี 1991 (พ.ศ. 2534), 1993 (พ.ศ. 2536) และ 1997 (พ.ศ. 2540) และเหรียญทองแดง 2 สมัย ในปี 1987 (พ.ศ. 2530), 1989 (พ.ศ. 2532) นอกจากนี้ โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากซีเกมส์อีกด้วย อาทิ เอเชียนเกมส์ 1990 (พ.ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. 2537) และ 1998 (พ.ศ. 2541) และการปิดฉากชีวิตนักวอลเลย์บอลด้วยการนำทีมชายไปแข่งขันชิงแชมป์โลก ปี 1998 ได้สำเร็จ ในฐานะตัวแทนทวีปเอเชีย
นอกจากนี้ โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากซีเกมส์อีกด้วย อาทิ เอเชียนเกมส์ 1990 (พ.ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. 2537) และ 1998 (พ.ศ. 2541) และการปิดฉากชีวิตนักวอลเลย์บอลด้วยการนำทีมชายไปแข่งขันชิงแชมป์โลก ปี 1998 ได้สำเร็จ ในฐานะตัวแทนทวีปเอเชีย
ด้านงานผู้ฝึกสอน โค้ชอ๊อดเคยคุมทีมวอลเลย์บอลชายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในช่วงที่เป็นนิสิต หลังจากนั้นก็ทำทีมวอลเลย์บอลชายอีกหลายทีม ก่อนที่จะมาเริ่มต้นเปิดตำนานทีมวอลเลย์บอลหญิงยุคดรีมทีม 2001 โดยมีจุดมุ่งหมายสร้างทีมวอลเลย์บอลหญิงชุดเล็ก เพื่อดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ ทดแทนรุ่นพี่ตัวสำคัญ เช่น ปริม อินทวงศ์, มาลินี คงทัน, บุษบรรณ พระแสงแก้ว, แอนณา ไภยจินดา ฯลฯ ที่เตรียมตัวจะปลดระวางไปตามวัยในอีกไม่นานนัก
สำหรับโครงการนี้ จะคัดดาวเด่นที่มีแววพอปั้นได้ อายุประมาณ 15-17 ปี มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่ จ.ยะลา และฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ติด 1-4 ของเอเชีย หรือสามารถต่อสู้กับทีมระดับโลกได้อย่างใกล้เคียง และทีมนักตบสาวยุวชนไทยดรีมทีมชุดนี้ นำโดยนราพร ผงทอง, ปิยมาศ ค่อยจะโป๊ะ ฯลฯ ก็ประเดิมคว้าอันดับ 4 ของเอเชียได้ในปี 2540 ต่อมาไปคว้ารองแชมป์ถางลอง คัพที่เวียดนาม และกลับมาคว้าอันดับ 5 ศึกยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่เคยร่วมการแข่งขันมา
หลังจากนั้น โค้ชอ๊อตก็ได้รับงานผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิงชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2541 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์พาทีมเข้าไปเล่นรายการเวิลด์แชมเปียนชิพสำเร็จ ก่อนที่จะจบอันดับที่ 15 ต่อมาในปี 2543 โค้ชอ๊อดก็พาทีมไทยไปลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นไทยก็เป็นทีมขาประจำที่ได้ลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มาโดยตลอด ยกเว้นปี 2007 (พ.ศ. 2550) เนื่องจากไทยเป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยโลก
หลังจากโค้ชอ๊อตได้รับงานคุมทีมชุดใหญ่ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยก็พัฒนาขึ้นจนประสบความสำเร็จภายในระยะเวลาไม่นาน เพราะหลังจากโค้ชอ๊อดรับงานเพียงแค่ 3 ปี ก็สามารถพาทีมคว้าเหรียญทองแดงรายการชิงแชมป์เอเชียได้ในปี 2001 (พ.ศ. 2544) ต่อด้วยเหรียญทองแดงในปี 2007 ส่วนความสำเร็จระดับสูงสุด โค้ชอ๊อดต้องใช้เวลาถึง 11 ปีในการสานฝันที่เป็นจริง ด้วยการล้มทีมชาติจีนได้ 3-1 เซต ในศึกชิงแชมป์เอเชียเมื่อปี 2009 (พ.ศ. 2552) ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ คว้าแชมป์เอเชียมาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2555 สามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการเอเชียน คัพ 2012 ที่ประเทศคาซัคสถานได้ ด้วยการชนะทีมชาติจีน 3-1 เซต และในปีเดียวกันนี้ ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยก็สามารถคว้าแชมป์เอเชีย ได้เป็นสมัยที่สอง ในรอบ 4 ปี โดยชนะทีมชาติญี่ปุ่นในรอบชิง 3-0 เซต
โค้ชอ๊อตเกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมพ.ศ. 2509 ที่จังหวัดนครราชสีมาจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คณะศึกษาศาสตร์ภาควิชาพลศึกษาเริ่มเล่นวอลเลย์บอลครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปีโดยมีคุณพ่อคือไสวรัชตเกรียงไกรอดีตนักวอลเลย์บอลของนครราชสีมาเป็นคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและด้วยความที่มีคุณพ่อเป็นนักวอลเลย์บอลจึงทำให้โค้ชอ๊อตเดินตามรอยได้อย่างรวดเร็วและเริ่มติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่ออายุ 17 ปีจนกระทั่งโค้ชอ๊อตอายุ 19 ปีก็ได้เป็นหนึ่งใน 12 ขุนพลลุยศึกซีเกมส์ 1985 (พ.ศ. 2528) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโดยก่อนหน้าการแข่งขันโค้ชอ๊อตถูกฝึกอย่างหนักนอกจากซ้อมตามโปรแกรมแล้วยังถูกซ้อมแบบเฉพาะตัวอีกด้วยซึ่งจุดประสงค์ที่โค้ชอ๊อดถูกซ้อมหนักเช่นนี้เป็นเพราะต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้สามารถรับมือกับศึกใหญ่ได้และการฝึกซ้อมอย่างหนักครั้งนี้ก็ถือว่าได้ผลเพราะทีมวอลเลย์บอลชายไทยสามารถคว้าเหรียญทองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีและเป็นครั้งแรกที่เกียรติพงษ์รัชตเกรียงไกรได้รับรางวัลสูงสุดในฐานะผู้เล่นทีมชาติหลังจากผ่านซีเกมส์ครั้งนี้มาได้โค้ชอ๊อตก็ติดทีมวอลเลย์บอลชายมาโดยตลอดสามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้อีก 1 สมัยในปี 1995 (พ.ศ. 2538), เหรียญเงิน 3 สมัยในปี 1991 (พ.ศ. 2534), 1993 (พ.ศ. 2536) และและเหรียญทองแดงปี 1997 (พ.ศ. 2540) 2 สมัยในปี 1987 (พ.ศ. 2530), 1989 (พ.ศ. 2532) นอกจากนี้โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากซีเกมส์อีกด้วยอาทิเอเชียนเกมส์ 1990 (พ.ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. ๒๕๓๗) และปี 1998 (พ.ศ. 2541) และการปิดฉากชีวิตนักวอลเลย์บอลด้วยการนำทีมชายไปแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 1998 ได้สำเร็จในฐานะตัวแทนทวีปเอเชียนอกจากนี้โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากซีเกมส์อีกด้วยอาทิเอเชียนเกมส์ 1990 (พ.ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. ๒๕๓๗) และปี 1998 (พ.ศ. 2541) และการปิดฉากชีวิตนักวอลเลย์บอลด้วยการนำทีมชายไปแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 1998 ได้สำเร็จในฐานะตัวแทนทวีปเอเชียด้านงานผู้ฝึกสอนโค้ชอ๊อดเคยคุมทีมวอลเลย์บอลชายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในช่วงที่เป็นนิสิตหลังจากนั้นก็ทำทีมวอลเลย์บอลชายอีกหลายทีมก่อนที่จะมาเริ่มต้นเปิดตำนานทีมวอลเลย์บอลหญิงยุคดรีมทีม 2001 โดยมีจุดมุ่งหมายสร้างทีมวอลเลย์บอลหญิงชุดเล็กเพื่อดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ทดแทนรุ่นพี่ตัวสำคัญเช่นปริมอินทวงศ์ มาลินีคงทัน บุษบรรณพระแสงแก้ว แอนณาไภยจินดาฯลฯ ที่เตรียมตัวจะปลดระวางไปตามวัยในอีกไม่นานนักสำหรับโครงการนี้ จะคัดดาวเด่นที่มีแววพอปั้นได้ อายุประมาณ 15-17 ปี มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่ จ.ยะลา และฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ติด 1-4 ของเอเชีย หรือสามารถต่อสู้กับทีมระดับโลกได้อย่างใกล้เคียง และทีมนักตบสาวยุวชนไทยดรีมทีมชุดนี้ นำโดยนราพร ผงทอง, ปิยมาศ ค่อยจะโป๊ะ ฯลฯ ก็ประเดิมคว้าอันดับ 4 ของเอเชียได้ในปี 2540 ต่อมาไปคว้ารองแชมป์ถางลอง คัพที่เวียดนาม และกลับมาคว้าอันดับ 5 ศึกยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่เคยร่วมการแข่งขันมาหลังจากนั้น โค้ชอ๊อตก็ได้รับงานผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิงชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2541 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์พาทีมเข้าไปเล่นรายการเวิลด์แชมเปียนชิพสำเร็จ ก่อนที่จะจบอันดับที่ 15 ต่อมาในปี 2543 โค้ชอ๊อดก็พาทีมไทยไปลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นไทยก็เป็นทีมขาประจำที่ได้ลุยศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มาโดยตลอด ยกเว้นปี 2007 (พ.ศ. 2550) เนื่องจากไทยเป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยโลกหลังจากโค้ชอ๊อตได้รับงานคุมทีมชุดใหญ่ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยก็พัฒนาขึ้นจนประสบความสำเร็จภายในระยะเวลาไม่นาน เพราะหลังจากโค้ชอ๊อดรับงานเพียงแค่ 3 ปี ก็สามารถพาทีมคว้าเหรียญทองแดงรายการชิงแชมป์เอเชียได้ในปี 2001 (พ.ศ. 2544) ต่อด้วยเหรียญทองแดงในปี 2007 ส่วนความสำเร็จระดับสูงสุด โค้ชอ๊อดต้องใช้เวลาถึง 11 ปีในการสานฝันที่เป็นจริง ด้วยการล้มทีมชาติจีนได้ 3-1 เซต ในศึกชิงแชมป์เอเชียเมื่อปี 2009 (พ.ศ. 2552) ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ คว้าแชมป์เอเชียมาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2555 สามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการเอเชียน คัพ 2012 ที่ประเทศคาซัคสถานได้ ด้วยการชนะทีมชาติจีน 3-1 เซต และในปีเดียวกันนี้ ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยก็สามารถคว้าแชมป์เอเชีย ได้เป็นสมัยที่สอง ในรอบ 4 ปี โดยชนะทีมชาติญี่ปุ่นในรอบชิง 3-0 เซต
การแปล กรุณารอสักครู่..

โค้ชอ๊อตเกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 ที่จังหวัดนครราชสีมา คณะศึกษาศาสตร์ภาควิชาพลศึกษาเริ่มเล่นวอลเลย์บอลครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปีโดยมีคุณพ่อคือไสวรัชตเกรียงไกรอดีตนักวอลเลย์บอลของนครราชสีมาเป็นคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด จึงทำให้โค้ชอ๊อตเดินตามรอยได้อย่างรวดเร็ว 17 ปีจนกระทั่งโค้ชอ๊อตอายุ19 ปีก็ได้เป็นหนึ่งใน 12 ขุนพลลุยศึกซีเกมส์ 1985 (พ.ศ. 2528) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโดยก่อนหน้าการแข่งขันโค้ชอ๊อตถูกฝึกอย่างหนักนอกจากซ้อมตามโปรแกรมแล้วยัง ถูกซ้อมแบบเฉพาะตัวอีกด้วย และการฝึกซ้อมอย่างหนักครั้งนี้ก็ถือว่าได้ผล 26 ปีและเป็นครั้งแรกที่เกียรติพงษ์รัชตเกรียงไกร สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้อีก 1 สมัยในปี 1995 (พ.ศ. 2538) เหรียญเงิน 3 สมัยในปี 1991 (พ.ศ. 2534), 1993 (พ.ศ. 2536) และ 1997 (พ.ศ. 2540) และเหรียญทองแดง 2 สมัยในปี 1987 (พ.ศ. 2530), 1989 (พ.ศ. 2532) นอกจากนี้โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากซีเกมส์อีกด้วยอาทิเอเชียนเกมส์ 1990 (พ . ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. 2537) และ 1998 (พ.ศ. 2541) ปี 1998 สำเร็จในได้ฐานะตัวแทนทวีปเอเชียนอกจากนี้โค้ชอ๊อดยังได้แข่งขันในรายการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเนชั่ซีเกมส์อีกด้วยอาทิเอเชียนเกมส์ 1990 (พ.ศ. 2533), 1994 (พ.ศ. 2537) และ 1998 ( พ.ศ. 2541) ปี 1998 ได้สำเร็จ ในช่วงที่เป็นนิสิต 2001 เพื่อดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ทดแทนรุ่นพี่ตัวสำคัญเช่นปริมอินทวงศ์, มาลินีคงทัน, บุษบรรณพระแสงแก้ว, แอนณาไภยจินดา ฯลฯ จะคัดดาวเด่นที่มีแววพอปั้นได้อายุประมาณ 15-17 ปีมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่จ. ยะลาและฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือติด 1-4 ของเอเชีย นำโดยนราพรผงทอง, ปิยมาศค่อยจะโป๊ะ ฯลฯ ก็ประเดิมคว้าอันดับ 4 ของเอเชียได้ในปี 2540 ต่อมาไปคว้ารองแชมป์ถางลองคัพที่เวียดนามและกลับมาคว้าอันดับ 5 ศึกยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก 2541 ก่อนที่จะจบอันดับที่ 15 ต่อมาในปี 2543 โค้ชอ๊อดก็พาทีมไทยไปลุยศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ได้เป็นครั้งแรก กรังด์ปรีซ์มาโดยตลอดยกเว้นปี 2007 (พ.ศ. 2550) 3 ปี 2001 (พ.ศ. 2544) ต่อด้วยเหรียญทองแดงในปี 2007 ส่วนความสำเร็จระดับสูงสุดโค้ชอ๊อดต้องใช้เวลาถึง 11 ปีในการสานฝันที่เป็นจริงด้วยการล้มทีมชาติจีนได้ 3-1 เซตในศึกชิงแชมป์ เอเชียเมื่อปี 2009 (พ.ศ. 2552) ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ พ.ศ. 2555 คัพ 2012 ที่ประเทศคาซัคสถานได้ด้วยการชนะทีมชาติจีน 3-1 เซตและในปีเดียวกันนี้ ได้เป็นสมัยที่สองในรอบ 4 ปีโดยชนะทีมชาติญี่ปุ่นในรอบชิง 3-0 เซต
การแปล กรุณารอสักครู่..
