The basil herb, especially its arom

The basil herb, especially its aromatic leaves, possesses excellent
medicinal properties and therefore, it has been used in traditional
system of medicine as a tonic, vermifuge, diuretic, antispasmodic and
for the treatment of upper respiratory tract infections[6-8]. Due to their
strong aroma, the leaves are also used as a fragrance and flavoring
agent for food, beverages, condiments and oral care products.
Essential oil of O. basilicum is of economic significance due to
its widespread utilization in food, cosmetics and pharmaceutical
industries[9]. It is used as a folklore medicine to promote digestion,
to stimulate respiratory circulation, and to alleviate mental fatigue
and cold symptoms. It is also applied externally on the skin to treat
acne[10]. Many scientific studies have been conducted worldwide
to investigate the potential of basil essential oil in search of potent
antimicrobial agents[11,12].
Ocimum oil has been reported to exhibit powerful antibacterial
activities against both Gram–positive and Gram–negative
bacteria[13]. However, the chemical composition of basil essential
oil varies significantly depending upon the cultivar, season,
chemotype and origin of the plants[1,14]. Various chemotypes of O. basilicum oil have been reported to contain linalool, methyl
chavicol, methyl cinnamate, methyleugenol, eugenol and geraniol
as major components[15]. Hanif, et al. reported that linalool (69.9%)
was the major component present in Omani basil oil while copaene
(25.5%) and methyl chavicol (52.4%) were the major constituents
of Ethiopian and Iranian O. basilicum species respectively[1,5,16].
Thus, it is very clear that the basil oil of different plant species and at
different seasons may have different phytochemical composition so
that different medicinal activities can be exhibited.
The present study was, therefore, undertaken to investigate the
chemical composition, to identify the major volatile constituents and
to evaluate the antibacterial activity of essential oil isolated from the
aerial parts of O. basilicum L. grown in Oman.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

The basil herb, especially its aromatic leaves, possesses excellentmedicinal properties and therefore, it has been used in traditionalsystem of medicine as a tonic, vermifuge, diuretic, antispasmodic andfor the treatment of upper respiratory tract infections[6-8]. Due to theirstrong aroma, the leaves are also used as a fragrance and flavoringagent for food, beverages, condiments and oral care products.Essential oil of O. basilicum is of economic significance due toits widespread utilization in food, cosmetics and pharmaceuticalindustries[9]. It is used as a folklore medicine to promote digestion,to stimulate respiratory circulation, and to alleviate mental fatigueand cold symptoms. It is also applied externally on the skin to treatacne[10]. Many scientific studies have been conducted worldwideto investigate the potential of basil essential oil in search of potentantimicrobial agents[11,12].Ocimum oil has been reported to exhibit powerful antibacterialactivities against both Gram–positive and Gram–negativebacteria[13]. However, the chemical composition of basil essentialoil varies significantly depending upon the cultivar, season,chemotype and origin of the plants[1,14]. Various chemotypes of O. basilicum oil have been reported to contain linalool, methylchavicol, methyl cinnamate, methyleugenol, eugenol and geraniolas major components[15]. Hanif, et al. reported that linalool (69.9%)ส่วนประกอบหลักในน้ำมันโหระพาโอมานขณะ copaene(25.5%) และ methyl chavicol (52.4%) constituents หลักพันธุ์อะและโออิหร่าน basilicum ตามลำดับ [1,5,16]ดังนั้น จึงชัดเจนมากว่า โหระพาที่น้ำมันพืชต่างชนิด และที่ฤดูที่แตกต่างอาจมีองค์ประกอบสารพฤกษเคมีที่แตกต่างกันดังนั้นว่า ระบบสามารถจัดแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ยาการศึกษาปัจจุบัน ดังนั้น ดำเนินการตรวจสอบการองค์ประกอบทางเคมี การระบุ constituents ระเหยหลัก และการประเมินกิจกรรมการต้านเชื้อแบคทีเรียของน้ำมันหอมระเหยที่แยกต่างหากจากการส่วนทางอากาศของโอ basilicum L. ปลูกในโอมาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สมุนไพรโหระพาโดยเฉพาะอย่างยิ่งใบมีกลิ่นหอมของมันมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมคุณสมบัติของสมุนไพรและดังนั้นจึงจะได้รับการใช้ในแบบดั้งเดิมระบบของยาเป็นยาชูกำลัง, vermifuge ขับปัสสาวะ antispasmodic และสำหรับการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน[6-8] เนื่องจากพวกเขามีกลิ่นหอมที่แข็งแกร่งใบจะยังใช้เป็นกลิ่นหอมและรสตัวแทนสำหรับอาหารเครื่องดื่มเครื่องปรุงรสและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก. น้ำมันหอมระเหยจาก basilicum ทุมมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการใช้อย่างแพร่หลายในอาหารยาเครื่องสำอางและอุตสาหกรรม[9] มันถูกใช้เป็นยาชาวบ้านเพื่อส่งเสริมการย่อยอาหารเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนระบบทางเดินหายใจและความเมื่อยล้าในการบรรเทาจิตใจและอาการหวัด มันยังใช้ภายนอกบนผิวหนังเพื่อรักษาสิว [10] การศึกษาทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้รับการดำเนินการทั่วโลกในการตรวจสอบศักยภาพของโหระพาน้ำมันหอมระเหยในการค้นหาของมีศักยภาพยาต้านจุลชีพ[11,12]. น้ำมัน Ocimum ได้รับรายงานที่จะแสดงต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพกิจกรรมกับทั้งแกรมบวกและแกรมลบแบคทีเรีย[13] . อย่างไรก็ตามองค์ประกอบทางเคมีของใบโหระพาหอมระเหยน้ำมันแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญขึ้นอยู่กับพันธุ์ฤดูกาลchemotype และที่มาของพืช [1,14] chemotypes ต่างๆของน้ำมัน basilicum ทุมได้รับรายงานว่าจะมี linalool, methyl chavicol, cinnamate เมธิล methyleugenol, eugenol และ geraniol เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ [15] Hanif, et al รายงานว่า linalool (69.9%) เป็นองค์ประกอบหลักในปัจจุบันในน้ำมันโหระพาโอมานขณะที่ copaene (25.5%) และเมธิล chavicol (52.4%) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเอธิโอเปียและอิหร่านทุมbasilicum สายพันธุ์ตามลำดับ [1,5,16] ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่าน้ำมันโหระพาของพันธุ์พืชที่แตกต่างกันและในฤดูกาลที่แตกต่างกันอาจจะมีองค์ประกอบของพฤกษเคมีที่แตกต่างกันเพื่อให้ว่ากิจกรรมทางยาแตกต่างกันสามารถแสดง. การศึกษาครั้งนี้จึงดำเนินการเพื่อตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีในการระบุที่สำคัญองค์ประกอบระเหยและการประเมินฤทธิ์ต้านแบคทีเรียของน้ำมันหอมระเหยที่แยกได้จากส่วนทางอากาศของbasilicum โอแอลที่ปลูกในประเทศโอมาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เบซิลสมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหอมของมัน มีสรรพคุณดีเยี่ยม
และ ดังนั้น จึงมีการใช้ในระบบดั้งเดิม
ยาเป็นโทนิก ยาถ่ายพยาธิ ขับปัสสาวะ และ antispasmodic
สำหรับการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน [ 6-8 ] เนื่องจากกลิ่นหอมของพวกเขา
, ใบยังใช้เป็นกลิ่นและรส
แทน อาหาร เครื่องดื่มเครื่องปรุงรสและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก น้ำมันหอมระเหยจากโหระพาคือ
O
ของความสำคัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการใช้อย่างกว้างขวางในอาหาร เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมเภสัชกรรม
[ 9 ] มันถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมการย่อยอาหาร , ระบบทางเดินหายใจ
เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและบรรเทาความเมื่อยล้าและอาการ
จิตเย็น นอกจากนี้ยังใช้ภายนอกบนผิวหนังเพื่อรักษาสิว
[ 10 ]การศึกษาทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้รับการดำเนินการทั่วโลก
เพื่อศึกษาศักยภาพของน้ำมันโหระพาในการค้นหาศักยภาพ
ยาต้านจุลชีพ [ 11,12 ] .
- น้ำมันได้รับการรายงานเพื่อจัดแสดงกิจกรรม antibacterial
ที่มีประสิทธิภาพต่อทั้งกรัมบวกและแกรมลบ ( -
แบคทีเรีย [ 13 ] อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบทางเคมีของใบสําคัญ
น้ำมันแตกต่างกันอย่างมากขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ฤดู ,
chemotype และต้นกำเนิดของพืช [ 1,14 ] chemotypes ต่างๆของ o . โหระพาน้ำมันได้รับรายงานประกอบด้วยไลนาลูลเมทิลชาวิคอล
เมทิลซินนาเมตเมทธิล ยูจินอลและ , เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับเจอรานิออล
[ 15 ] hanif et al . รายงานว่า ไลนาลูล ( 69.9 )
เป็นส่วนประกอบหลักที่มีอยู่ในน้ำมันโหระพาโอมาน ขณะที่ copaene
( 25.5 % ) และเมทิลชาวิคอล ( 524 % ) เป็นองค์ประกอบหลักของเอธิโอเปียและอิหร่าน O
รักษาชนิด [ 1,5,16 ] .
จึงชัดเจนว่าน้ำมันโหระพาของพืชชนิดต่างๆ และในฤดูกาลต่าง ๆอาจแตกต่างกันไฟ

องค์ประกอบดังนั้นกิจกรรมสมุนไพรที่แตกต่างกันสามารถมี .
การศึกษาจึงแลก เพื่อศึกษา
ส่วนประกอบทางเคมีเพื่อศึกษาองค์ประกอบและ
ระเหยหลักเพื่อประเมินฤทธิ์ต้านแบคทีเรียของน้ำมันหอมระเหยที่แยกจากส่วนของ O . L .
จากโหระพาที่ปลูกในโอมาน