The Pune mask acquired another name

The Pune mask acquired another name, the Widow mask, during its history. The Pune's position in society has been said to be a widow, or a kisaeng ( a woman who sang, danced, or played an instrument to provide entertainment for company at a drinking party), or a mistree of the Yangban or the Sonbi.
In a one episode, The Yangban and the Sonbi call the Pune to them and respectively boast of their status and education in order to appeal to her or seduce her. Then the Pune performs the "Dance of the Crook of the Knee." With her kness tilted, as if crossing her legs, she moves her head to the left and right. She puts her fingers on her chin and maskes and alluring motion. She flirts attractively with the Sonbi massaging his shoulders, and then gets close to the Yangban and attracts him by picking the lice from his hair. The Yangban has already treated the Pune courteously, quoting phrases from classical Chinese in order to woo her. In this way, The Yangban and the Sonbi each try hard to mask her their own, and while trying to win her, she behaves in a coquettish way to both of them.
The Pune mask can be described as slender faced with crescent-shaped eyebrows, a high nose and a small mouth. This meets all the conditions of classical beauty by traditional Korean standards. In addition, a faint smile is evident around the eyes and mouth, while the slim nose nice. The cheeks aregenerally flat without bends. The black hair hangs down to the tips of the ears. This indentified a widow in those days. The face is oval and the brows are thick whereas the lower jaw is made thin. The Pune mask is the one with a slightly crooked face among the Hahoe masks In motion, when the nose is set in a straightline, the head will be tilted to the left and when the head is set in a straight line, the nose will be titled .
In terms of physiognomy, when a woman's eyes and mouth suggest the hint of a smile, she is classified as coquette. It is also said in Chinese physiognomy that when a woman has a crooked brow, she is to meet, i.e., marry, many men. When a woman has the habit of moving her head to left and right, she is said to be a coquette who allures all sorts of men. This is proven true in the Pune's role as she behaves in a coquettish way to both the Yangban and the Sonbi in the play.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รูปแบบการปูมาชื่ออื่น หน้ากากแม่ม่าย ระหว่างประวัติ ตำแหน่งของปูในสังคมกล่าว ม่าย หรือ kisaeng (ผู้หญิง ที่ร้อง เต้น เล่นเครื่องดนตรีให้ความบันเทิงสำหรับบริษัทบุคคลดื่ม), หรือ mistree Yangban หรือ Sonbi ในตอนที่หนึ่ง เดอะ Yangban และ Sonbi เรียกปูไป และโม้ตามลำดับของสถานะศึกษาดึงดูดเธอ หรือเกลี้ยกล่อมเธอ แล้วปูจะทำการ "เต้นของส่วนงอของข้อเข่า" กับ kness เธอยืด ถ้าข้ามขาของเธอ เธอย้ายศีรษะของเธอไปด้านซ้ายและขวา เธอทำให้นิ้วของเธอเธอชิน และ maskes และเสน่ห์การเคลื่อนไหว แล้วเธออย่าง flirts กับ Sonbi ที่นวดไหล่เขา ใกล้ Yangban ที่ได้รับ และดึงดูดให้เขาตามรับเหาจากผมของเขา Yangban ได้แล้วถือว่าปู courteously ส่วนวลีจากจีนคลาสสิกเพื่อวูเธอ ด้วยวิธีนี้ เดอะ Yangban และ Sonbi แต่ละพยายามหนักหน้ากากของเธอเอง และในขณะที่พยายามที่จะชนะเธอ เธอทำงานในลักษณะตุ้งติ้งทั้งของพวกเขา รูปแบบการปูสามารถอธิบายเป็นสเลนเดอร์ประสบกับเครสรูปคิ้ว จมูกสูง และปากเล็ก นี้ตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดของความงามคลาสสิก โดยมาตรฐานแบบดั้งเดิมเกาหลี รอยยิ้มจาง ๆ ไม่ชัดรอบตาและปาก ในขณะที่จมูกบางดี แก้ม aregenerally แบนโดยไม่ต้องจัดฟัน ผมสีดำค้างลงเคล็ดลับของหู นี้ indentified ม่ายในวันดังกล่าว ใบหน้าเป็นวงรี และเลือนจะหนาในขณะที่ขากรรไกรล่างจะบาง รูปแบบการปูเป็นหนึ่งหน้าคดเล็กน้อยระหว่างหน้ากาก Hahoe ในการเคลื่อนไหว เมื่อจมูกท่ามกลางการ straightline จะยืดหัว ไปทางซ้าย และ เมื่อศีรษะตั้งเป็นเส้นตรง จมูกจะได้ชื่อว่า ในแง่โหงวเฮ้ง เมื่อตาและปากของผู้หญิงแนะนำแนะนำของยิ้ม เธอถูกจัดประเภทเป็น coquette นอกจากนี้ยังกล่าวในโหงวเฮ้งจีนว่า เมื่อผู้หญิงมีคิ้วคด เธอเป็นการตอบสนอง เช่น แต่งงาน ผู้ชายหลายคน เมื่อผู้หญิงมีนิสัยของการย้ายหัวเธอไปซ้ายและขวา เธอว่า จะ coquette ที่ allures ทุกคน นี้ได้พิสูจน์ในบทบาทของปูเธอทำงานในลักษณะตุ้งติ้ง Yangban ที่และ Sonbi ในการเล่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หน้ากากปูนได้มาอีกชื่อ เป็นแม่ม่าย หน้ากาก ในประวัติศาสตร์ของ ในอินเดียเป็นตำแหน่งในสังคมที่ได้รับการกล่าวว่าเป็นแม่ม่าย หรือ kisaeng ( ผู้หญิงที่ร้องเพลง เต้น หรือเล่นดนตรีเพื่อให้ความบันเทิงสำหรับ บริษัท ที่ดื่มกัน ) หรือ mistree ของคนชั้นสูง หรือ sonbi .
ในหนึ่งตอนพวกยางบัน และ sonbi เรียกปูนเหล่านั้นตามลำดับโม้สถานะและการศึกษาของพวกเขาในการสั่งซื้อเพื่อดึงดูดเธอ หรือล่อลวงเธอ แล้วปูนการเต้นของข้อพับเข่า " กับเธอเนสเอียง ถ้าข้ามขาเธอ เธอขยับศีรษะไปทางซ้ายและขวา เธอใส่มือของเธอที่คางของเธอ และ maskes การเคลื่อนไหว และมีเสน่ห์เธอจะเจ้าชู้มีเสน่ห์กับ sonbi นวดไหล่ให้เขา และได้ใกล้ชิดกับพวกเขาและดึงดูดเขา โดยการรับเหาจากผมของเขา คนหยางบันได้ถือว่าอินเดียสุภาพ , quoting วลีจากคลาสสิกเพื่อความรักจากเธอ ในวิธีนี้ , พวกเขาและ sonbi แต่ละพยายามหน้ากากของเธอเอง และในขณะที่พยายามที่จะชนะเธอเธอประพฤติตัวในทางที่ยั่วยวนผู้ชายทั้งสองของพวกเขา
หน้ากากปูนสามารถอธิบายได้ว่าเรียวต้องเผชิญกับเสี้ยวรูปคิ้ว จมูกสูง และมีปากเล็ก นี้ตรงกับเงื่อนไขทั้งหมดของความงามคลาสสิกตามแบบเกาหลี นอกจากนี้ รอยยิ้มบางๆปรากฎรอบตาและปาก ในขณะที่จมูกเรียวสวย แก้ม aregenerally แบนไม่โค้งผมสีดำห้อยลงมาจรดหู นี้มากเป็นแม่ม่ายในวันเหล่านั้น ใบหน้ารูปไข่และคิ้วจะหนา ส่วนขากรรไกรล่างจะทำให้ผอม หน้ากากปูนเป็นหนึ่งกับคดเคี้ยวเล็กน้อย ใบหน้าของหน้ากากอันดงในการเคลื่อนไหว เมื่อจมูกตั้งอยู่ใน straightline หัวจะเอียงไปทางซ้าย และเมื่อหัวตั้งอยู่ในแนวเส้นตรงจมูกจะมีชื่อว่า .
ในแง่โหงวเฮ้ง เมื่อดวงตาของผู้หญิง ปาก แนะนำให้คำใบ้ของรอยยิ้ม เธอจัดเป็นผู้หญิงที่ยั่วยวนผู้ชาย มันเป็นยังกล่าวว่าในโหงวเฮ้งจีน เวลาผู้หญิงมีคิ้วเบี้ยว เธอ คือ การตอบสนอง เช่น แต่งงานกับผู้ชายหลายคน เมื่อผู้หญิงมีนิสัยของการย้ายหัวไปทางซ้ายและขวา เธอว่า เป็น แวมไพร์ ที่พึงใจทุกประเภทของผู้ชายนี้จะพิสูจน์ความจริงในอินเดียในฐานะเธอประพฤติตัวในทางที่ยั่วยวนผู้ชายทั้งผู้ดีและ sonbi ในเล่น