การตกแต่งผิวหน้า
เมื่อประกอบชิ้นส่วนเป็นสินค้าเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการตกแต่งผิวหน้าและปิดร่องรอย เทคนิคที่ใช้โดยทั่วไป ไม่แตกต่างกันมาก โดยจะประกอบด้วยการเตรียมผิวหน้า ซึ่งทำโดยการขัดกระดาษทราย ทั้งแบบขัดด้วยมือและขัดโดยใช้เครื่องขัด และการโป้วอุดรอยที่เกิดจากการประกอบไม่ได้ขนาด และ/หรือ มีตำหนิขนาดใหญ่บนผิวหน้าชิ้นงาน จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการย้อมสี การขัดเคลือบเงา และการตกแต่งผิว โดยหลังเสร็จสิ้นในแต่ละขั้นตอนอาจต้องมีการขัดกระดาษทรายซ้ำเพื่อลบเสี้ยนไม้ที่กระดก/พองตัวขึ้น ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
สีย้อมไม้ที่ใช้ประกอบด้วยเม็ดสีผสมอยู่ในตัวทำละลาย แบบน้ำ (Water-based) หรือแบบสารละลาย (Solvent-based) ในอดีตการใช้สีย้อมชนิดน้ำมักไม่เป็นที่นิยมเพราะน้ำทำให้ผิวหน้าไม้พองตัวหรือมีเสี้ยนไม้กระดกขึ้น ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบและต้องขัดและทำสีทับหลายเที่ยว นอกจากนี้ สีย้อมสูตรน้ำยังแห้งช้ากว่าสีสูตรสารละลาย แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้น (พร้อมๆ กับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น) ทำให้มีทั้งสีย้อม สีรองพื้นและอุปกรณ์ในกระบวนการตกแต่งผิวหน้างานไม้ที่เหมาะสม ให้เลือกมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทผู้ขายสี (กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี) ก็ได้สะสมประสบการณ์ในด้านนี้มากขึ้น ทำให้สามารถให้การสนับสนุนด้านเทคนิคแก่ผู้ใช้ได้
การลงสี
ในด้านเทคนิคการลงสี สามารถทำได้หลายวิธี แต่สำหรับสินค้าที่ผลิตในระดับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ จะใช้วิธีการพ่น ในพื้นที่ควบคุมฝุ่น (บูธพ่นสี) เพื่อป้องกันฝุ่นละอองจากอากาศ ติดบนผิวหน้าชิ้นงาน โดยอุปกรณ์ในการพ่นสีที่สำคัญประกอบคือปืนพ่นสี ซึ่งมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีต้นทุนค่าอุปกรณ์ต่างกัน และประสิทธิภาพการพ่นติดผิวแตกต่างกัน
ปืนพ่นแบบ Air-assisted Airless (Air-assisted Airless (AAA) Sprayer)
เป็นการผสมผสานระหว่างปืนลมและปืนพ่นแบบไร้อากาศ ระบบนี้ใช้ปั๊มอัดของเหลวที่ความดันต่ำกว่าระบบไร้อากาศ (700-900 psi) แต่จะใช้แรงดันลมช่วย (15-30 psi) ในบริเวณหัวสเปรย์ ทำให้ฉีดได้เร็วไม่แพ้ปืนพ่นแบบไร้อากาศ แต่ปลอดภัยกว่า และมีประสิทธิภาพการพ่นติดผิวในเกณฑ์ดี (ร้อยละ 40-70) ปืนชนิดนี้มีราคาถูกว่าปืนแบบไร้อากาศ และยังจัดอยู่ในข่ายค่อนข้างแพง
ปืนพ่นแบบ High Volume Low Pressure (HVLP)
มีลักษณะการทำงานคล้ายปืนพ่นแบบใช้ลม มีการปรับกลไกที่หัวฉีด โดยอาศัยลมความดันต่ำในปริมาณมาก ในการดูดและพ่นสี การพ่นโดยใช้ความดันต่ำทำให้ได้เนื้อสีติดบนผิวหน้าชิ้นงานมากขึ้น (ประสิทธิภาพการพ่นติดผิวอยู่ในระดับร้อยละ 55-80) ทำให้ทำงานเสร็จได้เร็วขึ้น แต่ด้วยแรงดันต่ำ ทำให้ไม่เหมาะกับงานพื้นที่ขนาดใหญ่ ระบบนี้มีต้นทุนค่าอุปกรณ์สูงกว่าปืนลม แต่ต่ำกว่าปืนแบบไร้อากาศ และปืน AAA ปืนชนิดนี้ไม่เหมาะกับการพ่นวัสดุที่หนืด (เช่นสีอีพอกซี่)
สีที่พ่นเสร็จไม่ว่าจะใช้สีสูตรน้ำหรือสูตรตัวทำละลาย จำเป็นต้องมีการผึ่งหรืออบให้แห้ง ในบรรยากาศที่เหมาะสม ภายในเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผิวงานที่ตกแต่งเสร็จ ก่อนนำไปบรรจุหีบห่อเพื่อรอส่งมอบต่อไป